พระวิหารหลังที่ 1 (Solomon Temple)
ในครั้งที่ผ่านได้นำเรื่อง “ใครคือ Anti-Christ” มานำเสนอซึ่งเป็นแนวคิด
และเหตุผลที่เป็นตามที่พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้
ครั้งนี้จะขอนำเสนอเรื่องเกี่ยวกับ “การสร้างพระวิหาร” ซึ่งเรื่องนี้เนื้อหา
นั้นจะสอดคล้องต่อจากเรื่อง “ใครคือ Anti-Christ” เพราะถ้า “ดาน”
หรือ พงศ์พันธ์ของ “เผ่าดาน” เป็น Anti Christ ในการสร้างพระวิหารครั้งที่ 1
นั้นเกี่ยวข้องกับคนของเผ่าดานโดยตรงอย่างเลี่ยงไม่ได้ พระคัมภีร์ได้บันทึกไว้อย่าง ชัดเจนว่า กษัตริย์เมืองไทระได้ส่งช่างฝีมือคนหนึ่งมาให้โซโลมอน
เพื่อทำการสร้างพระวิหาร“ช่างฝีมือคนหนึ่ง กอปรด้วยความเข้าใจ คือหุราม
ที่ปรึกษาอาวุโส บุตรชายของหญิงคนเผ่าดาน บิดาของเขาเป็น
ชาวเมืองไทระ เขาชำนาญงานช่างทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก
หินและไม้ และทำงานช่างผ้าสีม่วง สีฟ้า ผ้าป่าน และผ้าสีแดงเข้ม
และทำการแกะสลักทุกชนิดและสร้างตามแบบลวดลายใดๆ
ที่จะกำหนดให้แก่เขา” (2 พงศาวดาร 2:13-14)
*หมายเหตุ: หุรามหรือฮีรามคนนี้ไม่ใช่คนเดียวกับหุรามหรือ
ฮีรามที่เป็นกษัตริย์เมืองไทระ แต่เป็นที่ปรึกษาอาวุโสของคนเผ่าดาน
ที่มีความชำนาญเรื่องงานช่าง...
King Solomon
ประมาณ 960 ปี ก่อนคริสตกาล พระวิหารหลังแรกถูกสร้างขึ้น
โดยกษัตริย์ซาโลมอน
โดยก่อนที่จะสร้างพระวิหารหลังที่ 1 นั้น ซาโลมอนได้มีการตกลงทำพันธสัญญาร่วมกันกับกษัตริย์เมืองไทระ คือ “ฮีราม” หรือ “หุราม” นั้นเอง
โดยทั้งสองได้มีการตกลงทำพันธสัญญาในลักษณะของ “สัญญาสันติภาพ”ระหว่างอิสราเอลและเมืองไทระ พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้ว่า “ฮีรามจึงได้จัดส่งไม้สนสีดาร์
และไม้สนสามใบให้แก่ซาโลมอน ตามที่พระองค์มีพระประสงค์ ..
มีสันติภาพระหว่าง “ฮีราม” และ “ซาโลมอน”
ทั้งสองก็ทรงกระทำสนธิสัญญากัน” (1 พงศ์กษัตริย์ 5:11-12),
และพระเยโฮวาห์พระราชทานสติปัญญาแก่ซาโลมอน ดังที่พระองค์ทรงสัญญาไว้
และมีสันติภาพระหว่างฮีรามและซาโลมอน และทั้งสองก็ทรงกระทำ
สนธิสัญญากัน (2 พงศาวดาร. 2:13
การสร้างพระวิหารหลังแรกนี้ถูกสร้างขึ้นบน “ภูเขาโมริยาห์”
ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับที่อับบราฮัมได้ถวายอิสอัคต่อพระเจ้า พระองค์ตรัสว่า
"จงพาบุตรชายของเจ้าคืออิสอัค บุตรชายคนเดียวของเจ้าผู้ที่เจ้ารัก
ไปยังแผ่นดินโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องเผาบูชา
บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า" (ปฐมกาล 22:2)
รูปนี้เป็นภาพของสถานที่สร้างพระวิหารหลังที่ 1 โดยจะสังเกตว่า
เนินเขาลูกนี้จะลักษณะเหมือนอักษรหนึ่งในภาษาฮีบูร คือ (Shin)
หรือ เชม แปลความหมาย คือ “นามของเราจะอยู่ที่นั้น”
ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสถานที่หนึ่งที่สำคัญของประเทศอิสราเอลนั้นคือ
“Dome of the Rock” และเหตุผลที่สำคัญที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสร้าง
พระวิหารบนภูเขาลูกนี้ ในพระคัมภีร์ได้บันทึกเกี่ยวกับคำอธิษฐานของโซโลมอน
ไว้ว่า “เพื่อว่าพระเนตรของพระองค์จะทรงลืมอยู่เหนือพระนิเวศนี้ ทั้งกลางคืน
และกลางวัน คือสถานที่ซึ่งพระองค์ได้ตรัสว่า `นามของเราจะอยู่ที่นั่น'
เพื่อว่าพระองค์จะทรงสดับคำอธิษฐาน ซึ่งผู้รับใช้ของพระองค์จะได้อธิษฐาน
ตรงต่อสถานที่นี้ (1 พงศ์กษัตริย์ 1:29) จากคำอธิษฐานของโซโลมอน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงมีความจำเป็นที่พระวิหารจะต้องถูกสร้างบนภูเขาแห่งนี้
เพื่อ “นามของเรา (พระเจ้า) จะอยู่ที่นั้น”
*หมายเหตุ: พระวิหารหลังที่สองที่ถูกสร้างขึ้นโดย “กษัตริย์เฮโรด”
ก็ยังถูกสร้างอยู่บนภูเขาแห่งนี้ และยังคงสืบเนื่องต่อไปในการสร้างพระวิหาร
หลังที่ 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วยเช่นกันก็ยังคงอยู่บนภูเขาโมริยาห์
แห่งนี้ต่อไป
สรุป การสร้างพระวิหารครั้งที่ 1 นี้จึงไม่ได้ถูกสร้างโดยชนชาติอิสราเอล
อย่างแท้จริง แต่ถูกสร้างโดยคนต่างชาติ นั้นก็คือ ฮีรามหรือหุราม
(คนเผ่าดาน) ที่ชำนาญเรื่องการช่าง โดยมีโซโลมอนเป็นกษัตริย์
ผู้ควบคุมดูแลอีกต่อหนึ่งจนพระวิหารหลังแรกถูกสร้างสำเร็จในที่สุด
ต่อมาอาณาจักรถูกแบ่งเป็นสองส่วน หลังจากซาโลมอนสิ้นพระชนม์
"พระเยโฮวาห์ทรงกริ้วต่อซาโลมอน เพราะพระทัยของท่านได้หันไปเสียจาก
พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ได้ทรงปรากฏแก่ท่านสองครั้งแล้ว 10
และได้ทรงบัญชาท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าท่านไม่ควรไปติดตามพระอื่น
แต่ท่านมิได้รักษาพระบัญชาของพระเยโฮวาห์ 11เพราะฉะนั้นพระเยโฮวาห์ตรัส
กับซาโลมอนว่า "เนื่องด้วยเจ้าได้กระทำเช่นนี้ และเจ้ามิได้รักษาพันธสัญญา
ของเรา และกฎเกณฑ์ของเรา ซึ่งเราได้บัญชาเจ้าไว้ เราจะฉีกอาณาจักร
เสียจากเจ้าเป็นแน่และให้แก่ข้าราชการของเจ้า 12กระนั้นก็ดี
เพราะเห็นแก่ดาวิดบิดาของเจ้าเราจะไม่กระทำในวันเวลาของเจ้า
แต่เราจะฉีกออกจากมือบุตรชายของเจ้า 13อย่างไรก็ดี เราจะไม่ฉีกเสียหมดอาณาจักร แต่เราจะให้ตระกูลหนึ่งแก่บุตรชายของเจ้า เพื่อเห็นแก่ดาวิด
ผู้รับใช้ของเรา และเพื่อเห็นแก่เยรูซาเล็มซึ่งเราได้เลือกไว้"
(1 พงศ์กษัตริย์ 11:9-13)
ประมาณ 722-720 ปี ก่อนคริสตกาล - อิสราเอล (10 เผ่า) ถูกโจมตี
และอัสซีเรียกวาดต้อนไปเป็นเชลย
“ในรัชกาลของเปคาห์พระราชาแห่งอิสราเอล ทิกลัทปิเลเสอร์พระราชาแห่ง
อัสซีเรียได้ยกมา และยึดเมืองอิโยน เอเบล-เบธมาอาคาห์ ยาโนอาห์ คาเดช
ฮาโซร์ กิเลอาด กาลิลี แผ่นดินนัฟทาลีทั้งหมด และกวาดต้อนประชาชน
เป็นเชลยไปยังอัสซีเรีย” (2 พงศ์กษัตริย์ 15:29)
586 ปี ก่อนคริสตกาล - อาณาจักรยูดาห์ ถูกโจมตีโดยบาบิโลน
และพระวิหารหลังแรกถูกทำลาย
“อยู่มาเนบูคัดเนสซาร์พระราชาแห่งบาบิโลน ได้ยกมาพร้อมกับกองทัพทั้งสิ้น
ของพระองค์เข้าสู้รบ กรุงเยรูซาเล็ม และล้อมกรุงนั้นไว้ และเขาทั้งหลาย
ได้สร้างเครื่องล้อมไว้รอบ.. ท่านได้เผาพระนิเวศของพระเจ้าเสีย
และเผาพระราชวัง และเผาบ้านเรือนทั้งหมดของเยรูซาเล็ม
ท่านเผาบ้านใหญ่ทุกหลังลงหมด ..ได้ทลายกำแพงรอบเยรูซาเล็มลง”
(2 พงศ์กษัตริย์ 25:1), (9-10)
538-515 ปี ก่อนคริสตกาล - “กษัตริย์ไซรัส” ออกพระราชกฤษฎีกา
อนุญาตให้ชาวยิว 50,000 คนกลับอิสราเอลได้ ซึ่งนำโดย
“เศรุบบาเบล” และครั้งที่สอง นำโดย “เอสรา”
แล้วดาริอัสทรงออกกฤษฎีกา และทรงให้ค้นดูในบาบิโลน ในหอเก็บหนังสือ
ที่คลังราชทรัพย์ และในเอกบาทานาเมืองป้อมซึ่งอยู่ในมณฑลมีเดีย
ได้พบหนังสือม้วนหนึ่งซึ่งมีข้อความเขียนอยู่ต่อไปนี้ “บันทึกในปีต้นแห่ง
รัชกาลไซรัสพระราชาทรงออกกฤษฎีกาว่า เรื่องพระนิเวศของพระเจ้า
ที่เยรูซาเล็ม ให้สร้างพระนิเวศนั้นขึ้นใหม่” (เอสรา 6:1-3)
166-160 ปี ก่อนคริสตกาล - อิสราเอลถูกปกครองด้วยชาวกรีก
และได้ทำให้ พระวิหารเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
ในสมัยของอันทิโอกัส เอพิฟาเนส (ปี 167 ก่อน ค.ศ.) ท่านได้สร้างแท่นกราบไหว้บูชาพระซูสแห่งภูเขาโอลิมปัส ที่พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม และใช้หมูเป็นเครื่องบูชา (ดาเนียล.9:27; 11:31; 12:11) ทั้งพระซูสและหมูเป็นสิ่งสะอิดสะเอียน
ในสายพระเนตรพระเจ้า
เหตุการณ์ในทำนองเดียวกันนี้ได้เกิดขึ้นอีกเมื่อพวกโรมันได้นำเอารูปปั้นของจักรพรรดิคาลิกูล่าเข้าไปในพระวิหารในปี ค.ศ.38
หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดการปฏิวัติโดย “ยูดาส แมคคาบีน” และเกิดราชวงศ์
“ฮัชโมเนียน” และพระวิหารได้รับการชำระ
(โปรดติดตามตอนต่อไป ในการสร้างพระวิหารที่ 2)
ปล. ข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสัมมนายุคสุดท้ายในกลุ่ม endtime
ซึ่งผมได้มีโอกาสไปฟัง และรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ขอขอบคุณ คุณอภิรักษ์ สอนพรินทร์ ผู้บรรยาย ที่ได้เอื้อเฟื้อข้อมูล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น