ตอนที่ 2 โทรจิตคืออะไร
จิตของคนที่ฝึกมาดี จิตที่ปราศจากอคติ ปราศจากโทสะ
ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น ไม่หลงงมงาย ไม่อยากได้อยากมี
ไม่อิจฉาริษยา ไม่โกรธแค้นอาฆาตพยาบาท มีใจสงบนิ่ง
เป็นจิตที่ละเอียดอ่อน และมีพลัง จะสามารถหยั่งรู้ใจคน
และอ่านความคิดคนอื่นได้
กระแสจิตของคนเรา เป็นคลื่นพลังงานชนิดหนึ่งที่มีความถี่สูง
และละเอียดแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
กำลังความคิดของแต่ละคนที่ส่งออกไปนอกตัว
สามารถไปกระทบจิตของคนที่มีความสามารถในการรับคลื่นกระแสจิตได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระแสจิตที่ส่งมาจากคนที่เรารู้สึกผูกพันใกล้ชิดสนิทสนม
จะสามารถติดต่อกันทางโทรจิตได้
บุคคลที่มีความสัมพันธ์กันทางอารมณ์อยู่แล้ว
จะมีประสาทสัมผัสรับรู้พิเศษถึงกันได้
"คลื่นกระแสจิต" เป็นพลังงาน ที่มีความละเอียดสูงมาก
จนยังไม่มีเครื่องมือใดๆในปัจจุบันจะวัดได้
คนเราทุกคน เป็นได้ทั้งผู้รับคลื่นกระแสจิต และเป็นผู้ส่งคลื่นฯ
“โทรจิต” (Telepathy) เป็นความสามารถถ่ายทอดความรู้สึก
หรือสิ่งที่ตนรู้สึกในใจ ไปให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นได้
โดยการส่งกระแสจิตออกไปถึงผู้รับ
ดังนั้น “ความคิด” ที่คนหนึ่งๆเปล่งออกมา
จึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถรับคลื่นความคิดนี้ได้
ถ้าคนๆนั้นเปิดเครื่องรับในร่างกายตนรับคลื่นนั้นๆเข้ามา
เซลล์แต่ละอันในร่างกายมนุษย์
ก็เป็นสิ่งที่สามารถปล่อยคลื่นความคิดออกมาได้เช่นกัน
และในทางกลับกันคลื่นความคิดก็ย่อมสั่นสะเทือนเซลล์แต่ละอัน
ในร่างกายตนเองได้ด้วย
ดังจะเห็นได้ว่าความเครียดที่สั่งสมนานๆ
เป็นตัวการสำคัญอันหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่มนุษย์
เพราะคลื่นความคิดเหล่านี้เข้าไปมีผลกระทบต่อร่างกายนั่นเอง
การมีความคิดที่ดี แจ่มใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี
จึงเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้สำหรับมนุษย์
บางครั้งเราจึงควรหลีกให้ห่างผู้คนที่ปล่อยคลื่นความคิดร้ายๆ
ถ้าหากทำได้ จะได้ไม่ไปรับผลสะเทือนที่ไม่ดีของผู้คนเหล่านั้นเข้ามา…
คลื่นความคิดที่ควรหลีกเลี่ยง:
สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ การไม่ให้คลื่นความคิดจำพวก ความโลภ
ความโกรธ ความหลง ความไร้สาระในเรื่องเล็กน้อย ความเกลียดชัง
ความเกียจคร้าน ความอิจฉาริษยา อคติ เหล่านี้ ไหลเข้ามาสู่ตัวเรา
คลื่นความคิดที่ควรรับเข้ามา:
คลื่นความคิดจำพวก ความรัก ความเมตตา ความหวังดี ความห่วงใย
ความเอื้ออาทร การมองโลกในแง่บวก การให้อภัย ความกระตือรือล้น
ความร่าเริงแจ่มใส เหล่านี้ ให้ไหลเข้ามาสู่ตัวเรา
ความสัมพันธ์ระหว่างกายกับจิต
เราควรฝึก “ควบคุมใจ” ทำให้เซลล์ในร่างกายทั้งหมด
สามารถตอบสนองคำสั่งที่ใจสั่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้วยเหตุนี้ร่างกายของเราจึงจะแข็งแรง และมีอายุยืนยาว
เราทุกคนสามารถทำได้เช่นเดียวกัน
หากแต่บุคคลผู้นั้นต้องมีจิตใจที่กระจ่างเที่ยงธรรม
มีชิวิตอยู่อย่างมีปณิธาน ศรัทธา ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า
และมีความคิดในเชิงบวก
เซลล์ในร่างกายก็จะตอบสนองต่อจิตใจบุคคลนั้นในทางบวกเช่นกัน
ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจ ย่อมได้ผลเช่นเดียวกัน
แต่คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึง จิตสำนึกนี้ กลับมีชิวิตโดยใช้แค่ “ใจ”
หรือ "สิ่งรับรู้ในอารมณ์ทั้งหลาย"เท่านั้น
ซึ่งผันผวนง่ายและแปรปรวนอย่างรุนแรงมาเป็นหลักของชิวิต
เราจึงควรพยายามประสานใจของตนให้สอดคล้องกับจิตสำนึกนี้…
“คลื่นความคิด” ซึ่งมีลักษณะคล้ายแสง
ถ้ากระแสความคิดถูกส่งเป็นคลื่นออกไปแล้ว
มันจะเคลื่อนที่ไปอย่างไม่มีขอบเขต
แต่ไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรงทิศทางเดียว
เหมือนลูกกระสุนจากปากกระบอกปืน
หากแต่มีลักษณะเหมือนรังสีที่เปล่งออกมาเป็นเส้นตรงในทุกๆทิศทาง
และแผ่ขยายตัวโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่จุดหนึ่ง….
จนกว่าจะถูกดูดซับหรือถูกขวางกั้นโดยสิ่งอื่นหรือวัตถุอื่น…
นักพลังจิตเชื่อว่า
ความกดดันทางอารมณ์สูงสุดที่เกิดขึ้นทันทีทันใดของคนเรา
เป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์ทางอำนาจจิตได้
อารมณ์ของคนเรานั้น
เป็นสวิตซ์ปิดเปิดการส่งโทรจิตธรรมชาติได้โดยอัตโนมัติ
อย่างเช่น
เมื่อเราต้องประสบกับเหตุการณ์รุนแรง
หรือเกิดอุบัติเหตุกับญาติพี่น้องหรือคนสนิท
อารมณ์ที่เครียดสูงสุดนี้
ก็จะเป็นตัวเปิดสวิตซ์การส่งหรือรับโทรจิตโดยฉับพลันทันที
อย่างในกรณีที่เกิดกับทหารเรือดำน้ำรัสเซียคนหนึ่งซึ่งป่วย
และต้องนอนพักอยู่ที่ฐานทัพ จึงไม่ได้เดินทางออกไปกับเรือเที่ยวนั้น
พอตกบ่ายเขาก็ฝันไปว่า
เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่เรือกำลังดำลง
เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปในเรือได้
ตัวเขาค่อยๆ จมลงไปในน้ำพร้อมกับเรือ
เขาสำลักน้ำเข้าไปหลายอึก และรู้สึกว่ากำลังจะจมน้ำตาย
จนบัดนี้เขายังจำฝันร้ายนั้นได้ติดตา
เพราะหลังจากที่เราเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพ
เขาก็ทราบว่าเพื่อนของเขาจมน้ำตายเนื่องจากติดอยู่บนดาดฟ้าเรือ
ในขณะที่เรือกำลังดำลงสู่ใต้ผิวน้ำ
โทรจิตเป็นประสาทสัมผัสที่ 6 ของคนเรา
ที่นอกเหนือไปจาก ตา หู จมูก ลิ้น และกาย
ซึ่งทุกคนมีความสามารถพิเศษทางโทรจิตนี้แฝงอยู่
หากแต่ถูกบดบังด้วยจิตใจที่หม่นหมอง
ความจริงแล้วคนเราทุกคนล้วนแล้วแต่ก็มีความสามารถในการส่ง
และรับกระแสจิตด้วยกันทั้งนั้น แต่ความสามารถพิเศษนี้
จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและแน่นอน
บางคนอาจมีความสามารถพิเศษนี้มากกว่าคนอื่นๆ
ผู้ส่งและผู้รับกระแสจิตนั้นมีความสำคัญเท่ากัน เพราะถ้าผู้ส่งกระแสจิต
ส่งมโนภาพที่เลือนลางมาให้เราก็จะได้แต่ภาพที่เลือนลางนั้นด้วย
ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับและผู้ส่งข่าวสารทางจิต
จักต้องฝึกปรือกันมาอย่างดี และต้องสามารถสร้างมิตรสัมพันธ์ทางจิต
หรือรับคลื่นกระแสจิตให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีด้วย
จงทำตัวให้สบายผ่อนคลายอารมณ์
ลดภาวะความตรึงเครียดทางกายและทางใจลง
และควรจะกำจัดความกังวล หรืออารมณ์ที่ขุ่นมัวออกให้หมดสิ้น
จงทำให้มีความเชื่อมั่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อเริ่มส่งข่าวสารทางจิตไปยังผู้รับนั้น
ปล่อยใจให้ล่องลอยจงแน่วแน่อยู่กับข่าวสารและข้อมูลที่จะส่ง
พร้อมกับนึกถึงหน้าของผู้รับกระแสข่าวสารทางจิตจากเรา
ให้กระจ่างอยู่ในดวงจิต เมื่อท่านฝึกเช่นนี้บ่อยๆ จนมีความคุ้นเคย
และสามารถปรับคลื่นกระแสจิตเข้ากันได้แล้ว
ในไม่ช้าไม่นานท่านก็จะเปรียบเสมือนมีเครื่องรับส่งโทรจิตติดตัว
ใช้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่และทุกสภาวะดินฟ้าอากาศ
ทั้งนี้ทั้งนั้น อำนาจจิตธรรมชาตินั้น น่าจะเกิดมาจากความสอดคล้องกัน
ระหว่างคลื่นสมองของผู้ส่งและผู้รับ ที่มีอำนาจสัมพันธ์กัน ซึ่งเรื่องนี้
คนทั่วไปสามารถฝึกปรับระดับจิตของพวกเขาให้เข้ากันได้ภายใน 3 เดือน
แล้วยังมีข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึกโทรจิต ถ้าจะให้ได้ผลสูงสุด
นอกจากจะปฏิบัติตามข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว
เราควรจะมีการนัดหมายเวลาเพื่อให้ปฏิบัติพร้อมเพรียงและสอดคล้องกัน
(ในที่นี้หมายถึงต้องสอดคล้องกันทั้งทางกาย จิตใจ และเวลาด้วย)
ก็ขอให้ทุกๆคน มีความรู้สึกนึกคิดที่ดี
กระแสจิตที่ส่งออกมานอกตัว จะได้เป็นกระแสที่ร่มเย็น
เป็นความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อกัน
ส่วนคนที่มีกระแสความคิดเป็นในทางลบ
เช่น อิจฉา หมั่นไส้ โกรธ เกลียด อคติ
ก็ควรพยายามควบคุมกำลังความคิดของตนเองให้เป็นไปในทางบวก
เป็นไปในทางสร้างสรรค์ มีสันติสุข มีความสงบในใจ
เพราะผู้รับคลื่่นกระแสจิตจากคุณ เขาจะได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ
และพลอยมีใจสงบร่มเย็นไปด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น