1. พิงค์ แฟร์รี่ อาร์มาดิลโล่ (The pink fairy armadillo)
ลักษณะทั่วไปของอาร์มาดิลโล่หรือตัวนิ่มจะมีเกราะหุ้มทั่วทั้งลำตัว แต่สำหรับพิงค์ แฟร์รี่ อาร์ดิลโล่กลับมีเกราะหุ้มเฉพาะบริเวณด้านหลัง ส่วนใต้ท้องกับลำตัวด้านข้างปกคลุมด้วยขนสีชมพู ขนาดลำตัวประมาณ 3.5-4.5 นิ้ว แถมจมูกกับหางก็ยังสวยกว่าพี่น้องในตระกูลอาร์มาดิลโล่สายพันธุ์อื่น ๆ ด้วย ปกติอาร์มาดิลโล่จะอาศัยอยู่ในโพรงใต้ดิน โผล่ออกมาให้เห็นช่วงหลังฝนตกเท่านั้น
2. อาย อาย (Aye-aye)
อาย อาย จัดเป็นลิงสายพันธุ์เก่าแก่ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีหน้าตาและลำตัวแตกต่างออกไปจากลิงปกติค่อนข้างมาก เพราะนอกจากมีตากลมโตกับใบหูเหมือนกับค้างคาวแล้ว ยังมีลำตัวที่ซูบซีด ผอมแห้ง เมื่อรวมกับกรงเล็บยาว ๆ และนิ้วเท้าที่มีลักษณะผิดแปลกแล้วยิ่งทำให้น่าเกลียดน่ากลัวเข้าไปอีก นอกจากนี้ อาย อาย ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความตายของชาวมาลากาซี กลุ่มชนในประเทศมาดาร์กัสการ์ด้วย
3. แมนวูฟ (The maned wolf)
แมนวูฟ หรือหมาป่าเคราขาว หากใครได้เห็นแค่ครึ่งตัวบนคงคิดว่าเป็นสุนัขจิ้งจอกทั่วไปแน่ ๆ แต่ถ้ามองก้มต่ำลงมาอีกนิดก็จะรู้เลยว่า หมาป่าสายพันธุ์นี้ไม่ธรรมดาจริง เพราะมันมีขาสูงโปร่งราวกับนางแบบบนแคทวอร์กสวมถุงเท้ายาวสีดำซึ่งช่วงเจริญเติบโตเต็มที่ มันจะมีความสูงถึง 3 ฟุต โดยส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ตามลำพังและชอบกินสัตว์เล็กกับพืชเป็นอาหารหลัก
4. ทัฟท์ เดียร์ (Tufted deer)
กวางที่มาพร้อมกับเขี้ยวยาว ๆ ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งทำให้ดวงตากลมโตคู่นั้น ดูน่ารักน่าชังน้อยลงไปทันที แต่เรื่องของนิสัยก็ไม่ได้แปลกประหลาดหรือดุร้ายอย่างที่เห็น เพราะ ทัฟท์ เดียร์ เป็นสัตว์ขี้อาย รักสันโดษ ชอบอยู่ตัวเดียวมากกว่าเกาะกันเป็นกลุ่ม แถมออกจะตกใจง่ายด้วยซ้ำ ซึ่งพบสามารถพบเห็น ทัฟท์ เดียร์ ได้บนที่ราบสูงในประเทศจีน
5. หมึกดัมโบ (Dumbo octopus)
หมึกชนิดนี้อาศัยอยู่ใต้ท้องทะเลลึกราว 3,000-4,000 เมตร มีขนาดลำตัวเมื่อโตเต็มที่ประมาณ 20 เซนติเมตร เนื้ออ่อนนุ่มกึ่งโปร่งใส มีครีบคล้ายหูเล็ก ๆ งอกออกมาด้านบนของลูกตา นอกจากนี้ยังมีตุ่มบริเวณหนวดจำนวนมาก จึงทำให้มันสามารถผลิตแสงสว่างออกมาได้ด้วย
6. พาตาโกเนียนมารา (Patagonian mara)
จัดอยู่ในสัตว์ประเภทฟันแทะ มีรูปร่างคล้ายกระต่าย เนื่องจากมีแขน ขาและหูค่อนข้างยาว ลำตัวใหญ่ ซึ่งจะพบได้ในประเทศอาร์เจนตินาเท่านั้น โดยเฉพาะในเมืองพาตาโกเนีย โดยทั่วไปจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ช่วงผสมพันธุ์ถ้าหากพาตาโกเนียได้คู่แล้ว พวกมันก็จะครองรักกันไปตลอดชีวิต
7. ตุ่นหนูไร้ขน (Naked mole rat)
ตุ่นหนูไร้ขน หรือตุ่นยอดนักขุด มาพร้อมกับรูปร่างและหน้าตาอันแปลกประหลาดเพราะทั้งเนื้อ ทั้งตัว มีเพียงผิวหนังสีชมพูปกคลุมอยู่เท่านั้น ส่วนบนใบหน้าก็มีฟันคู่ขนาดใหญ่ เพื่อเอาไว้แทะ และขุดคุ้ยดิน ว่ากันว่าพวกมันสามารถสร้างโพรงขนาดใหญ่ ที่มีความกว้างประมาณ 6 สนามฟุตบอลเลยทีเดียว แถมมันยังมีอายุเฉลี่ยถึง 28 ปี เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ
8. โลมาอิรวดี (Irrawaddy dolphin)
แค่ได้ขึ้นชื่อว่า โลมา ก็การันตีเรื่องของความน่ารักได้อยู่แล้ว และเมื่อมีคำว่าอิรวดีเข้ามาก็ยิ่งทำให้น่าสนใจเข้าไปใหญ่ โลมาอิรวดีมีหัวกลมมนคล้ายกับมีใครปั้นแต่งมาอย่างไรอย่างนั้น อีกทั้่งดวงตากลมโตใส หากได้สบตาเป็นต้องหลงเสน่ห์กันอย่างแน่นอน ส่วนมากโลมาพันธุ์นี้จะกระจายตัวอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกมหาสมุทรอินเดีย และอ่าวไทย โดยเฉพาะบริเวณน้ำกร่อยกับน้ำจืด
9. เจเรนุก (The gerenuk)
ชื่อของสัตว์ประเภทนี้มาจากภาษาโซมาเลีย มีความหมายว่า คอยีราฟ เพราะถึงแม้ลำตัวและลักษณะโดยรวมจะดูคล้ายกับกวางทั่วไป แต่กลับมีคอยาวยืดคล้ายยีราฟเวลาจะกัดกินอาหารบนต้นไม้ พวกมันก็จะใช้ 2 ขาหน้าเกาะกิ่งเอาไว้เหมือนท่ายืนของจิงโจ้ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบมากทางฝั่งตะวันออกของแอฟริกา
10. พะยูน (Dugong)
จะเรียกว่าเป็นโลมาก็ไม่ใช่ จัดอยู่ในกลุ่มวาฬก็ไม่เชิง แถมยังสืบทอดสายพันธุ์เดียวกันกับช้างด้วย โดยลักษณะทั่วไปมีความคล้ายคลึงกับแมวน้ำ เริ่มตั้งแต่ลำตัวอ้วนกลม ไม่มีหู และครีบหลัง ปากเหมือนงาช้างใช้สำหรับต่อสู้และขุดหาอาหาร เป็นสาเหตุให้มีคนเรียกพวกมันว่า หมูน้ำ หรือหมูดูด ส่วนมากอาศัยอยู่ตามชายฝั่งและบริเวณที่มีน้ำตื้น
11. บาบิรูซ่า (The babirusa)
แค่ชื่อก็สะดุดหูหากได้พบกับตัวจริงยิ่งทึ่งเข้าไปใหญ่ เพราะเป็นหมูที่มีเขี้ยวงอกขึ้นมาจากแถบฟันล่างและเหนือจมูกถึง 4 ซี่ ขณะที่หมูทั่วไปไม่มี และหมูป่าก็มีแค่เขี้ยวเล็ก ๆ เท่านั้นเอง ซึ่งสามารถพบบาบิรูซ่า หรือหมูกวาง ได้ในประเทศอินโดนีเซีย โดยเฉพาะบนเกาะสุราวาสี โทเกียน ซูลา และเกาะบูรู
12. ปลาเเลมป์เพรย์ (Lamprey)
เพราะหน้าตาที่แปลกประหลาดและน่ากลัวมากที่สุดเท่าที่มีมา จึงทำให้ปลาชนิดนี้ตกเป็นข่าวครึกโครมอยู่ช่วงใหญ่ ๆ เลยทีเดียว ด้วยปากคล้ายท่อดูดที่เต็มไปด้วยหนามแหลมคอยเกาะดูดกินอาหารจากปลาตัวอื่น ๆ ไปทั่ว และจากโครงสร้างดังกล่าว ทำให้นักวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ปลาแลมป์เพรย์ น่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่า 300 ล้านปี แถมยังอยู่ในตระกูลเดียวกับปลาฉลามด้วย
13. ฟอสซา (The fossa)
แมวยักษ์ผสมพังพอนที่พบบนเกาะมาดาร์กัสการ์เท่านั้น ความแปลกประหลาดของฟอสซาไม่ได้อยู่ที่หน้าตาเพียงอย่างเดียว แต่เพราะเพศเมียที่ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์จะมีกระดูกคล้ายอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศผู้ยื่นออกมาด้วย ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นปุ่มคลิตอริสนั่นเอง ฉะนั้นหากบังเอิญไปพบเห็นที่ไหนก็อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าฟอสซาเป็นสัตว์ผิดเพศกันนะ
14. ตุ่นจมูกดาว (Star-nosed mole)
ตุ่นจมูกดาวมักอาศัยอยู่ในเขตที่ราบลุ่มทางตะวันออกของประเทศแคนาดาหรือทางตอนเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา หากพบเห็นก็รู้ได้ทันที เพราะรอบ ๆ จมูกของมันจะมีหนวดสีชมพูอ่อนยื่นยาวออกมาประมาณ 11 คู่ โดยมีจุดสัมผัสอยู่ราว 1 แสนจุด ทำให้ตุ่นจมูกดาวสามารถจับเหยื่อกินได้ภายในเวลาเพียง 120 มิลลิวินาทีเท่านั้น นอกจากนี้ พวกมันยังสามารถดมกลิ่นใต้น้ำเพื่อล่าเหยื่อได้อีกด้วย
15. บ่างหรือพุงจง (Sunda colugo)
สัตว์ตระกูลเดียวกับลิงลม แต่หน้าตาคล้ายกับกระรอก เพราะมีโครงหน้าแหลมหูสั้น ตากกลมโต อีกทั้งยังมีพังผืดเชื่อมต่อระหว่างขาทั้ง 4 ข้าง ทำให้สามารถโผบินได้อย่างสบาย แถมเอกลักษณ์ที่สามารถสังเกตเห็นได้ชัดคือ ขนสีน้ำตาลแดงที่มาพร้อมกับจุดขาวเล็ก ๆ ทั่วทั้งลำตัว โดยส่วนใหญ่มักจะออกหากินในเวลากลางคืน
เท่านั้น
16. ดุยเกอร์ลาย (Zebra duiker)
จัดอยู่ในประเภทสัตว์กีบมีลักษณะคล้ายกับกวาง แต่แตกต่างที่บริเวณด้านหลังของดุยเกรอ์ลายจะมีแถบเส้นสีดำพาดผ่านสลับกับขนสีแดงน้ำตาลแบบเดียวกับม้าลาย โดยเพศผู้จะมีเขางอกออกมาประมาณ 4.5 เซนติเมตร ส่วนเขาของตัวเมียจะมีความยาวเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น พวกมันชอบอาศัยอยู่ในพื้นที่ต่ำของป่าดิบชื้นและกินใบไม้กับผลไม้เป็นอาหาร
17. ปูเยติ (Yeti crab)
สาเหตุที่ได้ชื่อว่า ปูเยติ เพราะเปลือกด้านนอกของมันถูกปกคลุมด้วยขนสีขาวปุกปุยไปทั่วทั้งตัว คล้ายกับมนุษย์วานรแห่งยอดเขาหิมาลัยนั่นเอง ปูประเภทนี้ไม่ได้พบเห็นกันง่าย ๆ เพราะอาศัยอยู่ในน้ำลึกกว่า 1,250 เมตร ในมหาสมุทรแฟซิฟิก บริเวณเขตน่านน้ำเขตประเทศชิลีห่างออกไปทางตอนใต้จากเกาะอีสเตอร์ราว 1,500 กิโลเมตรจากฝั่ง
18. นกปักษาสวรรค์ (Superb bird of paradise)
นกในตระกูลเบิร์ดออฟพาราไดซ์ที่มีความสวยงามและน่าทึ่งไม่น้อย เพราะหากมองตรง ๆ แทบไม่รู้เลยว่าตรงไหนหัวตรงหาง มีเพียงดวงตาสีขาวกับขนแถบสีเขียวโผล่ออกมาจากกลุ่มขนสีดำเท่านั้น เอาไว้ใช้ดึงดูดเพศเมียในช่วงฤดูผสมพันธุ์ พบมาในป่าทึบของนิวกินี กินผลไม้และแมลงเป็นอาหารหลัก
19. ปลาบร็อบ (Blob fish)
ปลาหน้าบึ้งตัวหยุ่นซึ่งอาศัยอยู่ในน้ำลึกที่มีแรงดันมากกว่าปกติถึง 12 เท่า ทำให้เนื้อมีลักษณะคล้ายวุ้น มีความหนาแน่นน้อย เพื่อให้สามารถว่ายน้ำเหนือพื้นทะเลได้ ส่วนวิธีจับเหยื่อก็คือ ลอยตัวอยู่พื้นแล้วทิ้งตัวลงมาทับเห็นง่าย ๆ แบบนี้แต่ได้ผลดีมาก เพราะหากจู่โจมเข้าไปตรง ๆ มีโอกาสที่มันจะได้รับอันตรายมากกว่า
20. ตะพาบหัวกบ (Cantor’s giant soft shelled turtle)
ช่วงลำตัวกับขาไม่ต่างจากตะพาบทั่วไป ยกเว้นส่วนหัวที่มีลักษณะเล็กสั้น คล้ายกับกบ สำหรับขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยมีการค้นพบ อยู่ที่ประมาณ 120 เซนติเมตร ถึงแม้จะเห็นมันดูนิ่ง ๆ แต่ที่จริงตะพาบพันธุ์นี้กลับมีนิสัยดุร้ายส่วนใหญ่จะฝังตัวอยู่ในพื้นทรายใต้น้ำ เพื่อรอเหยื่อผ่านมา
21. หนูเจอร์บัว (Gobi jerboa)
หนูผสมจิงโจ้อาศัยอยู่ในทะเลทรายของประเทศมองโกเลียและจีน มีความยาวตลอดลำตัวเพียงแค่ 15-16 เซนติเมตร และสามารถกระโดดได้ไกลถึง 3 เมตร ส่วนขาหน้าเอาไว้หยิบจับอาหาร กับใบหูยาว ๆ ที่มีไว้สำหรับจับคลื่นเสียง โดยเวลาปกติจะฝังตัวอยู่ชั้นใต้ดินของพื้นทราย โดยจะออกมาหากินเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น
22. ปูแมงมุมญี่ปุ่น (Japanese spider crab)
ชื่อภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ทาคาชิกามิ เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดความกว้างถึง 4 เมตร น้ำหนักตัว 20 กิโลกรัม โดดเด่นด้วยกระดองกับเปลือกสีส้ม อาศัยอยู่ใต้ท้องน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีความลึกประมาณ 300-400 เมตร และมีอายุยืนถึง 100 ปี โดยกินซากและสัตว์ตัวขนาดเล็ก อย่างเช่น กุ้ง ปลา หอยเป็นหลัก พบมากบริเวณนอกชายฝั่งทางทิศของเกาะฮอนชูจนถึงเกาะคิวชูบนพื้นทรายหรือโคลนเท่านั้น
สัตว์บางชนิดแม้จะดูแปลกตาไปบ้าง แต่พวกมันก็มีความน่ารักอยู่ไม่น้อย แถมตอนนี้บางชนิดก็กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงไปแล้วด้วย ขณะที่บางตัวก็น่ากลัวเสียจนไม่คิดว่าจะมีตัวตนอยู่จริง ๆ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะสวยงามหรือแปลกประหลาดขนาดไหน ก็นับเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีจิตใจ และมีความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ฉะนั้นควรปล่อยให้สัตว์ต่าง ๆ เหล่านี้อยู่ตามธรรมชาติ อย่าไปล่าหรือจับมาทำอาหาร และคอยชื่นชมอยู่ห่าง ๆ เพื่ออนุรักษ์เอาไว้ดีกว่า
ขอขอบคุณ Kapook.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น