ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณ Area51 |
"แอเรีย 51" (Area 51) เป็นชื่อที่คุ้นหูชาวอเมริกันและชาวโลกมานานร่วม 50 ปี ในแง่มุมหนึ่ง เป็นพื้นที่ลับสุดยอด ซึ่งลัทธิบูชาต่างดาวเชื่อว่า กองทัพและรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ใช้เป็นสถานที่ควบคุมและเก็บมนุษย์ต่างดาว รวมถึงยานต่างดาว (ยูเอฟโอ) ที่เดินทางมายังพื้นโลก
แต่ด้วยข้อมูลใหม่ๆ และภาพถ่ายดาวเทียมที่พัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมากแสดงให้เห็นเรื่องราวอีกมุม ว่า แอเรีย 51 แห่งนี้ หรือที่เจ้าหน้าที่สหรัฐเรียกว่า "กรูม เลก" (Groom Lake) นั้น แท้จริงแล้วก็คือ ฐานทัพอากาศลับสุดยอด ที่กองทัพอากาศสหรัฐและบริษัทเอกชน เช่น ล็อกฮีดมาร์ติน และนอร์ธทร็อป กรัมแมน ใช้เป็นเขตวิจัย พัฒนา และทดสอบ "เครื่องบินรบ" ที่มีความทันสมัยและมีพลานุภาพร้ายแรงที่สุดในโลก
U-2 Spyplane |
แอเรีย 51 ตั้งอยู่ในเขตลินคอล์น เคาน์ตี้ ทางตอนใต้รัฐเนวาดา มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 155 กิโลเมตร ท่ามกลางการอารักขาอย่างเข้มข้น ฐานทัพลับแห่งนี้ มีเรดาร์คอยตรวจตราผู้บุกรุกตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นแม้แต่เครื่องบินจากหน่วยอื่นๆ ของกองทัพสหรัฐ ถ้าพบผู้บุกรุกน่านฟ้า จะส่งเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธหนักเข้าสกัดทันที
ด้วยความที่ข้อมูลแอเรีย 51 ถูกปิดเป็นความลับ ทำให้ตกเป็นเป้าของทฤษฎีสมคบคิดมากมายว่า แอเรีย 51 คือ จุดที่รัฐบาลสหรัฐนำยูเอฟโอ มาชำแหละตรวจวิเคราะห์ เพื่อสร้างอากาศยานรุ่นใหม่ขึ้นมาใช้
นอกจากนั้น ยังเป็นจุดที่รัฐบาลสหรัฐใช้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว และเป็นสถานที่ที่สำนักงานบริหารการบินและอวกาศสหรัฐ (นาซ่า) ใช้สร้างฉากลวงโลก ถ่ายทอดสดนาทีเหยียบดวงจันทร์ของ "นีล อาร์มสตรอง" เมื่อปี 2512
SR-71 Blackbird |
อย่างไรก็ตาม ในรอบ 40-50 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลใหม่ๆ เริ่มเปิดเผยสู่สาธารณะ หน้าที่ของแอเรีย 51 ก็คือ ฐานพัฒนาสุดยอดเครื่องบินรบรุ่นใหม่ และอาจมีฐานปฏิบัติการใต้ดินซ่อนอยู่ด้วย
เครื่องบินไฮเทคจากฐานแอเรีย 51 ซึ่งสร้างชื่อโด่งดังไปทั่วโลก ได้แก่ เครื่อบินจารกรรม "ยูทู" (the U-2 Spyplane) ที่มีเพดานบินสูงที่สุดในโลก กับ เครื่องบินลาดตระเวนทางยุทธศาสตร์ความเร็วเหนือเสียง "เอสอาร์-71 แบล๊กเบิร์ด" (the SR-71 Blackbird) โดยเครื่องบินรบทั้ง 2 รุ่นมีบทบาทสูงสมัย "สงครามเย็น" ซึ่งสหรัฐทำสงครามทั้งบนดิน-ใต้ดินกับสหภาพโซเวียต
F-117 Nighthawk |
ต่อมาในช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซีย สหรัฐบุกโจมตีอิรักครั้งแรกเมื่อ 15 ปีก่อน โลกก็ได้เห็นพลานุภาพเครื่องบินจู่โจมล่องหน "เอฟ-117 : สเตลธ์" (the F-117 Nighthawk) ซึ่งพัฒนาอยู่ในฐานแอเรีย 51 เป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ คาดว่าบรรดาเครื่องบินจู่โจมอัตโนมัติรุ่นต่างๆ ก็มีต้นกำเนิดจากแอเรีย 51 เช่นกัน
บิลล์ สวีตแมน ผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีอากาศยาน-ยานอวกาศระดับแถวหน้าของสหรัฐ มีผลงานเขียนหนังสือกว่า 30 เล่ม เขียนบทความเกี่ยวกับแอเรีย 51 ในนิตยสารวิทยาศาสตร์ "พ็อพพิวลาร์ ไซน์" ฉบับล่าสุดเดือนกันยายน ว่า
Lockheed Polecat |
นับตั้งแต่สเตลธ์ เอฟ-117 เปิดตัวสู่สาธารณะก็มีต้นแบบอากาศยานไฮเทคหลุดออกมาให้โลกรู้เพียง 3 ลำ ประกอบด้วย เครื่องสเตลธ์แบบไร้นักบิน รุ่น "โพลแคท" (Lockheed Polecat), เครื่องสเตลธ์ที่เปลี่ยนพื้นผิวให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม รุ่น "เบิร์ด ออฟ เพรย์" (Boeing Bird of Prey) และเครื่องบินลาดตระเวน "แทซิท บลู" (Northrop Grumman Tacit Blue)
Boeing Bird of Prey |
แต่เมื่อวิเคราะห์จาก "ภาพถ่ายดาวเทียม" ล่าสุดพบบริเวณฐานแอเรีย 51 มีสิ่งปลูกสร้างใหม่เกิดขึ้นหลายประเภท ทั้งรันเวย์ โรงเก็บเครื่องบิน และอาคารปฏิบัติการ นั่นหมายความว่า กองทัพสหรัฐยังคงซุ่มวิจัยเครื่องบินรบใหม่อย่างต่อเนื่อง
Northrop Grumman Tacit Blue |
เมื่อประมวลจากข้อมูลในมือและดูจากรายละเอียดการจดลิขสิทธิ์เทคโนโลยีการบิน สวีตแมนวิเคราะห์ว่า ขณะนี้แอเรีย 51 กำลังทดสอบเครื่องบินรบทั้ง 4 รุ่นนี้อย่างขะมักเขม้นและปิดเป็นความลับสุดยอด
1. เครื่องบินปฏิบัติการพิเศษ "Special-Ops Infiltrator" เป็นเครื่องบินขนส่งทหารหน่วยรบพิเศษที่บินขึ้น-ลงในแนวดิ่งได้ ติดตั้งเครื่องยนต์เจ็ต 6 เครื่อง
Special-Ops Infiltrator |
2. เครื่องบินลาดตระเวนไร้นักบิน "Recon Platform" บินต่อเนื่องได้นานเป็นวันๆ หรือตลอดหลายสัปดาห์ เพราะใช้แสงอาทิตย์เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานไฟฟ้า
Recon Platform |
3. เครื่องบินจู่โจมล่องหน "Invisible Fighter" เป็นสเตลธ์รุ่นใหม่ทำงานอัตโนมัติ ไม่ต้องมีนักบิน มีระบบฉายแสงเพื่อปรับเปลี่ยนลำตัวเครื่องบินให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม
Invisible Fighter |
4. เครื่องบินจู่โจมความเร็วเหนือเสียง ระดับ "มัค 6" "On-Time Delivery" ซึ่งเชื่อว่าใช้งบประมาณจำนวนมาก
On-Time Delivery |
การเดินหน้าโครงการอาวุธลับในแอเรีย 51 เป็นเหมือนสัญญาณชี้ว่า สหรัฐจะไม่ยอมให้ชาติอื่นขึ้นมาเทียบรัศมีมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกได้ง่ายๆ!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น