วิธีป้องกันตัวเอง....จากวิญญาณร้ายและสิ่งแปลกปลอม
นับวันความ เชื่อที่ว่าโลกของเรายัง มีอีกอย่างน้อย 1-2 มิติ ซ้อนทับกันอยู่แต่เรื่อง ด้วยข้อจำกัดการเมือง เห็นด้วยสายตาและโครง สร้างอณูของผู้อยู่อีกมิติ มีความละเอียดอ่อนมาก เราจึงไม่อาจมองเห็น ตัวตนของผู้อยู่อีกมิติ กันได้
แม้กระทั่งรับ สัมผัสก็ไม่ได้หากเดิน สวนทางกันเป็นแค่เงา ผ่านทับกันแค่นั้น
ในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกันมีจำนวนเพิ่ม มากขึ้นเชื่อเรื่องโลกแห่ง วิญญาณที่อยู่ของดวงวิญญาณ ซึ่งอาจเป็นอีกมิติหนึ่งซ้อน ทับมิติโลกอยู่
เมื่อมิติซ้อนทับกันอยู่ และฝ่ายเราไม่อาจมองเห็น อีกฝ่ายได้จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการกระทบกระทั่ง ไปจนถึงการลบหลู่ก้าวล่วงโดยไม่ตั้งใจขึ้น ซึ่งในโลกนี้ มีหลายวัฒนธรรมจะมีพิธีกรรมขอขมาลาโทษต่อสิ่งที่มองไม่เห็น หรือบางที่เรียกว่าภูตผีดวงวิญญาณ
งที่มองไม่เห็น หากใจดีไม่ถือโทษโกรธเคืองก็อภัยให้ คนเราก็อยู่เย็นเป็นสุข แต่หากต้องการเอาคืนตอบโต้ จึงเกิดการตามรังครวญเกิดขึ้น ดังที่รู้จักในปรากฎการณ์ คนถูกผีหลอก คนถูกผีเข้าสิง หรือมีเหตุเป็นไปต่าง ๆ นานา โดยหาสาเหตุไม่ได้
มิเชลล์ เบลังเจอร์ เป็นนักปรจิตวิทยา ชาวอเมริกัน ผู้ได้รับการยอมรับจากหมู่ไฮโซและนักการเมืองว่าเป็น ผู้มีพลังจิตสูงเป็นคนทรงเจ้าเข้าผี ที่สามารถขับไล่สิ่งชั่วร้าย ออกจากตัวคน ออกจากบ้าน หรือสถานที่ต่าง ๆ ได้
เมื่อเร็ว ๆ นี้จอมขมังเวทย์สาวมิเชลล์ได้เขียน หนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “เดอะโกสท์ ฮันเตอร์”ส เซอร์ไววอล ไกด์” แปลว่าการล่าผีอย่างปลอดภัย และถูกวิธีเนื้อหาสาระจาก หนังสือเล่มนี้ เป็นการแนะนำกลยุทธตั้งรับมากกว่ารุกเช่น วิธีป้องกันตัวจากการถูกวิญญาณร้าย สิ่งชั่วร้ายเข้าครอบงำ
“วิธีการของฉันคือการป้องกันตัว ไม่ใช่ไปไล่ผี แล้วจับตัวส่งกลับขุมนรก คราวนี้ไม่ใช่หน้าที่ของเรา” มิเชลล์กล่าว
อีกวิธีหนึ่งคือการแนะนำการแกะรอยตามรอยผี หรือดวงวิญญาณว่าสิงอยู่ที่ใดเมื่อรู้แล้วจะได้หลีกเลี่ยง ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่หากจำเป็น เช่น บ้านถูกวิญญาณร้ายมา ยึดครองก็ต้องมีพิธีบอกกล่าวเชื้อเชิญ ให้ออกไปโดยวิธีละมุนละม่อม
“แต่การตั้งตนเป็นหมอผี ทำพิธีขับไล่ดวงวิญญาณร้ายไม่ให้ใคร จะทำได้เลย ต้องผ่านการฝึกพลังจิต ต้องรู้วิธีปฏิบัติและสิ่งแรกเลยเป็นคุณ สมบัติต้องมีสำหรับผู้คิดขับไล่ผีคือเป็น คนมีสุขภาพแข็งแรง คนที่มีสุขภาพกาย แข็งแรงจิตใจก็ย่อมแข็งแรงตามไปด้วย คุณสมบัติต่อมาเป็นผู้ไม่เดือดร้อนด้านการครองชีพผู้มีกินมีใช้ ย่อมยึดพลังจิตได้ง่ายกว่าผู้อดมื้อกินมื้อ” หมอผีมิเชลล์กล่าว
“หากว่า ผู้คิดขับไล่ผี ยังมีความพร้อมไม่พอจึงง่าย ต่อการถูกวิญญาณร้าย หรือ สิ่งชั่วร้ายเข้าสิงสู่ร่างเมื่อนั้นไม่อาจ ควบคุมตัวเองได้ บุคลิกเปลี่ยนไปจากคนดี ๆ จะประพฤติชั่วหรือแม้แต่ความนึกคิด ก็จะถูกครอบงำเป็นช่วง ๆ ไป คือหมาย ความว่าผู้ถูกผีสิงไม่ใช่สูญเสียตัวตนไปทั้งหมดจะมีช่วง เวลานึกคิดได้กลับมาเป็นตัวเองได้แต่เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น”
“การฝึกพลังจิตเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักล่าผี ตามวิธีการของฉัน มี 2 ขั้นตอนทำจิตใจให้ปลอดโปร่งไร้สิ่ง อื่นเข้ามารบกวนได้ ประการที่ 2 กำหนดรวมจิตใจไว้ที่จุดใด จุดหนึ่งได้ เช่น ที่กลางอก หรือ ที่ปลายจมูก หากทำได้ 2 อย่างนี้ ถือว่าพอใข้ได้แล้ว”
“ดังนั้นก่อนที่จะไปเผชิญหน้ากับภูตผีปีศาจ ซึ่งเรามองไม่เห็นจะรับรู้ได้ด้วยสัมผัสทางจิตเท่านั้น เราต้องสร้างเกราะคุ้มครองตัวเองก่อน เป็นเกราะสร้างขึ้นจาก พลังจิตยิ่งเรามีพลังจิตเข้มข้นลึกล้ำเพียงใดเกราะพลังจิต ที่สร้างขึ้นก็ยิ่งมั่นคงแข็งแรงเท่านั้น”
หมอพลังจิตมิเชลล์ แนะนำอีกว่า “บางครั้งเราอาจ ต้องเจอกับดวงวิญญาณที่มีพลังอำนาจสูงเช่นนี้ สิ่งชั่วร้าย ก็สามารถแทรกซึมผ่านเกราะพลังจิตเข้ามาได้ อาการแรกที่รับรู้ได้ ทางกาย คือ การปวดหัว ปวดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ต่อมาตัวสั่นระริก เหมือนคนหนาวจัด อาการต่อมาปวดมวนในท้องอย่างรุนแรง ถึงกับอาเจียนออกมาหากโดนเข้าอย่างนี้ก็ต้องปักหลัก สู้อย่างรู้เท่าทัน”
สิ่งแรกที่ควรกระทำมองไปรอบ ๆ ว่า เราอยู่ตรง จุดไหนที่ใดหากอยู่ในห้องนอนก็หาจุดกึ่งกลางในห้อง อยู่ในป่าหาจุดกึ่งกลางอยู่ระหว่างต้นไม้กับก้อนหินอยู่ใน รถยนต์ก็หาจุดกลางรถ “การยึดจุดกึ่งกลางในสถานที่เกิดเหตุ เผชิญหน้ากับผีร้าย คือการสะกดวิญญาณไม่ให้แสดง อิทธิฤทธิ์ได้เต็มที่เป็นชัยภูมิที่ดีสามารถเอาชนะไปได้ ครึ่งหนึ่งแล้ว”
เมื่อเข้าถึงจุดกึ่งกลางของสถานที่ได้แล้ว มิเชลล์แนะนำอีกว่า ให้อยู่ในอิริยาบทที่ตัวเองรู้สึกสบาย ที่สุดหลับตาลงหายใจเข้าปอดลึกที่สุด 3 ครั้ง ดูว่ายังหายใจ ติดขัดอีกหรือไม่ ถ้ายังไม่โปร่งโล่ง ก็สูดลมหายใจลึก ๆ อีก 3 ครั้ง หรือ ทำจนรู้สึกระบบการหายใจคล่อง ปากคร่อง จมูกขึ้น
จากนั้นสำรวมจิตใจกำหนดจิตใจความรู้สึก พุ่งไปยังจุดใดจุดหนึ่ง ที่ตนเองถนัดเช่น กลางหว่างอก ที่ปลายจมูก ที่หน้าผากหรือที่ใจกลางฝ่ามือ
“ปกติแล้วคนเรามีแสดงออร่าออกจากตัวได้เอง ออร่านี่เองมีเกราะตามธรรมชาติของคนเรา แต่หากเราฝึก พลังจิตได้เข้มข้นกว่าคนปกติ ร่างกายก็แผ่รังสีออร่าได้เข้มข้น ตามไปด้วยพระชาวทิเบต ฝึกเพิ่มรังสีออร่า เรียกว่าแสงพุทธฉาย” (พระพุทธเจ้า เมื่อตรัสรู้ มีแสงรัศมีแผ่ออก พระองค์ทุกทิศทาง เรียกว่า ฉัพพรรณรังสี แสดงให้รู้ว่า มีพลิตจิตในระดับสูงสุดแล้ว)
หมอผีมิเชลล์กล่าวอีกว่า “เราคงปฏิบัติตาม พระชาวทิเบตไม่ได้เพราะท่านเป็นมืออาชีพตามข้อแนะนำ ของฉันเมื่อรวมจิตอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งแล้วก็แผ่พลังจิตนั้น ออกไปให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เราทำได้หรือไม่? ให้รับสัมผัส จากตัวเองในระดับต้น ส่วนใหญ่สู้สึกว่าเหมือนมทีฟองน้ำ ห่อหุ้มอยู่รอบตัว บางคนรู้สึกเหมือนถูกท่อหุ้มด้วยแรงโชติช่วง”
“ทั้งหมดนี้คือเกราะพลังจิต ซึ่งสามารถป้องกัน สิ่งชั่วร้ายที่เรามองไม่เห็นมาแผ้วพาลหรือเข้ามาทำร้ายได้ แต่หากเกิดการเผชิญหน้า วิญญาณปรากฏให้เห็นต้องพูด เจรจากันดี ๆ บอกกล่าวว่าเราจำเป็นต้องใช้สถานที่แห่งนี้ เพื่อ ดำรงชีวิตหรือไปนอนกลางป่ากลางเขาก็บอกกล่าวเรามาดี ขอพักสักคืนพรุ่งนี้ก็จะจากไป”
“ชาวเอเซีย มีพิธีขอขมาลาโทษ เมื่อเขาไปอยู่ในที่แปลกปลอม ตรงนี้นับว่าตรงประเด็น ขณะที่เขากล่าว ขอขมาพวกเขาก็สำรวจจิตสร้างเกราะพลังจิตคุ้มครอง ตัวเองโดย อัตโนมัติ” หมอผีแสนสวยกล่าว
“สิ่งสำคัญที่สุด อย่าให้เกิดการเผชิญหน้า ถ้าหลบเลี่ยงได้ก็หลบไป หากจำเป็นต้องอยู่ ต้องบอกกล่าวและร้องประพฤติ ปฏิบัติโดยให้การเคารพ อย่าทะนงตนว่าตนเองเหนือกว่า ทำแค่นี้ได้คุณไม่มีวันได้รับอันตรายจากสิ่งที่มองไม่เห็น บางทีพวกเขาจะคุ้มครองป้องกันภัยให้คุณด้วยซ้ำ”
หนังสือวิธีล่าผีโดยถูกวิธีและปลอดภัย วางแผงขายในอังกฤษ และสหรัฐอเมริกาในเมืองไทย ไม่แน่ใจที่ขายหรือไม่?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น