THE NATURAL OF REVENGE

วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2558

The Demonoah (เดอะ เดโมโนอาร์) อัปเดทเรื่อยๆ


สวัสดีครับ ไม่ได้พบกันนานเลยกับสมาชิกกลุ่มอันเป็นที่รักทุกๆคน

พอดีวันนี้มีเวลาว่างนิดหน่อยเลยแอบแว๊บมาเขียนอะไรให้อ่านครับ

------------------------------------------------------------------------------

พอดีผมมีความสงสัยเกี่ยวกับพวก ผี วิญญาณ เเละ พวกสัตว์ประหลาด
อสูรกายหรือตัวแปลกๆต่างๆนาๆ รวมไปถึงพวก ปีศาจในตำนานในนิยาย
ผมข้องใจมากๆเเละได้ศึกษารวบรวมข้อมูลมาพอสมควรครับ 
เเต่ขอ อุ๊บ ที่มาของข้อมูลนั้นไว้ก่อนนะครับ ย้ำนะครับว่าทั้งหมด
เขียนขึ้นเองเเละประกอบจากความคิดส่วนตัว+สิ่งที่รับรู้มาล้วนๆ
ไม่มีการตัดออก
------------------------------------------------------------------------------
หลังจากที่ผมได้ศึกษาเเละค้นหามาอยู่นานหลายปี ผมได้รวบรวม
เเนวคิดจากที่ต่างๆเเละทฤษฎีต่างๆที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ผี ปีศาจเเละวิญญาณ
มาประกอบเข้าด้วยกันจนได้เป็นทฤษฎีของผมเอง
ผมขอตั้งชื่อทฤษฎีนี้ว่า The Demonoah (เดอะ เดโมโนอาร์)
อ่านว่า เดโม นะครับ ไม่เอา เดโม่ นะ 555555 โอเคร เข้าทฤษฎีกันเลย
--------------------------------------------------------------------------------
ผมได้จำแนกเกี่ยวกับพวกผีปีศาจไว้ 4 ประเภทง่ายๆดังนี้
1.Ghost (วิญญาณ) 2.Devil(...) 
3.Evil(พวกที่ถูกสิงสู่และแปรสภาพ)หรือเรียกว่า "possessed" 
4.Demon (พวกที่อยู่ในนรกเเละมีอำนาจสูงมากๆ)
--------------------------------------------------------------------------------
เราจะมาทำความรู้จักประเภทที่1กัน หรือที่เรียกว่า Ghost ภาษาบ้านๆ(เรา)เรียก ผี วิญญาณ 
ผมเชื่อว่าในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่นั้นสิ่งที่ถูกเรียกว่า "จิต"
มันมีพลังงานในตัวมันเองเเละเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับการฝึก
ตัวอย่างจากการเสียชีวิตของหลายๆท่านซึ่งก็ปรากฏให้เห็นเป็น "วิญญาณ"
สิ่งนี้เองทำให้ผมเชื่อว่ามันคือ พลังงานชนิดหนึ่ง 
ซึ่งก่อนจะศึกษาให้มากกว่านี้ ควรลืมเรื่องความกลัวหรือความเชื่อเสียก่อน 
เพราะนี้คือการศึกษาเเละวิเคราะห์ ไม่ได้แนะนำให้เชื่อหรือชี้เป้าให้เข้าใจผิด

ในตอนที่มีชีวิตอยู่สิ่งนี้ถูกเรียกว่า "พลังจิต"เเละเมื่อตายไป
สิ่งนี้จะแปรสภาพพลังงานในตัวมันเองเป็นสิ่งที่เรียกว่า "วิญญาณ"
สังเกตุว่า ผีบางที่ บางตัวสามารถทำให้ลมพัดได้ หรือเเม้กระทั่งปรากฏให้เห็น
หรือถึงขึ้นขั้นฆ่าคนได้เเละสิงสู่คนได้

นั้นเพราะพลังงานของเจ้าสิ่งนี้มันต่างกัน เช่น พวกที่นั่งสมาธิหรือทำสมาธิบ่อยๆ
จะมีพลังจิตที่เข้มข้นกว่าคนปกติหรือพวกที่มีความโกรธเเค้นหรืออาฆาต
จะมีพลังจิตที่เข้มข้นเเละรุนเเรงกว่าซึ่งเป็นที่มาว่าทำไมผีหรือคนตายบางคน
ถึงกลับมาหาเราได้หรือปรากฏตัวให้เห็นได้และบางคนก็ตายเเล้วตายเลย
ไม่กลับมาให้เห็นเลย นั้นคงเป็นเพราะพลังงานที่ไม่มากพอที่จะสร้างมโนภาพขึ้นมาให้เราเห็นได้
เป็นเพราะสายตาของคนเรานั้นปกติไม่สามารถมองเห็นพลังงานได้อยู่เเล้ว
จึงเป็นการยากมากสำหรับวิญญาณที่จะทำให้เราเห็นเขาได้
การเคลื่อนย้ายสิ่งของหรือการสิ่งสู่คนก็เช่นกัน
อาจจะใช้พลังงานที่ต่างกันไปสำหรับการสิงสู่คนหรือต้องใช้มากกว่าปกติ

สังเกตุง่ายๆว่าพวกพลังงานที่มาจากความโกรธเเค้นหรืออาฆาตจะรุนแรงกว่า
เเละพวกนี้จะสามารถสิงสู่คนได้ง่ายกว่าพวกปกติซึ่งมันจะต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ
เช่น พลังงานในตัวของบุคคลนั้นๆ เเละ พลังงานของตัววิญญาณนั้นเอง
ในบางครั้งเรามักรู้สึกว่ามีคนมองอยู่จากที่ใดที่หนึ่งเเละทันทีที่เราหันไปมองรอบๆ
ความรู้สึกนี้ก็หายไป ผมขอเรียกลักษณะนี้ว่า eye of power หรือ EOP
มนุษย์เราบางคนมีความเชื่อว่า สายตาของเราเป็นช่องทางหนึ่งที่นำออก
ของพลังงานจิตในตัวเราซึ่งทันทีที่เรากวาดสายตาไปรอบๆสิ่งๆนั้นก็จะหายไป
หรือพูดง่ายๆว่า พลังงานของเจ้า GHOST 
จะหายไปเนื่องจากถูกพลังงานจากสายตาของเราเข้าไปทำลาย

หรือในบางกรณีเราหันไปมองเเต่ก็เห็นจะๆเต็มๆตามาแบบเลือดไหลตาหลุด
นั้นคงเป็นเพราะพลังงานของGhostนั้นเข้มข้นกว่าของเรา
เเละเเน่นอนว่าหากพลังงานเราน้อยกว่าเราย่อมถูกทำลายได้ง่ายกว่า
ในบางครั้งกับคนด้วยกันเองเราจ้องเขามากๆ เขาก็รู้สึกตัวได้ว่าเขาถูกจ้อง
นั้นเป็นกรณีตัวอย่างที่จะอธิบายเรื่องนี้ง่ายๆครับ
---------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่งเคยหัดเขียนทฤษฎีครั้งเเรกภาษาอาจจะมีผิดพลาดไปบ้าง
หรือพิมแบบ งงๆ ไว้มีเวลาว่างจะมาต่อให้ครับ พิมพ์เมื่อวันที่ 
9/3/2015 เวลา 12.00-12.51 ใช้เวลาไป 51 นาที ในหัวข้อที่หนึ่ง
----------------------------
ธนพล ทองภู
-----------------------------------------------------------------------------------------
DEVIL
เอาหละครับเเละก็มีเวลาว่าง+สมองปลอดโปร่งมาสานต่อ
สิ่งที่ทำไว้เเล้วครับ วันนี้จะพาไปรู้จักกับเจ้า Devil 
หากพูดถึงชื่อนี้ ทุกคนคงนึกภาพของเจ้าปีศาจสีแดงๆ มีเขา1คู่
มือถือ3ง่ามอยู่ ทำหน้าตากวนประสาทใช่มั้ยหละครับ 
นี้คงเป็นแบบที่เราเคยชินกันอยู่เเต่เราคงไม่ทราบหรอกว่ามันคือปีศาจ
หรือผีหรือวิฐญญาณประเภทไหนกันเเน่ 

ตามหลักทฤษฎีของผมเเล้วผมเชื่อว่า เจ้าสิ่งนี้ทรงพลังเเละฉลาดกว่าที่เรารู้จักมัน
ตามรูปลักษณ์ภายนอก ในบางครั้งตามภาพวาดโบราณหรือตำนานต่างๆ
เจ้าสิ่งนี้คือพวกที่อยู่ในนรกเเละน่าจะเป็นพวกเดียวกันกับเจ้าเเห่งปรโลก
เเถมในบางครั้งเราจะเห็นมันโผล่มาในฐานะผู้นำพาวิญญาณไปสู่ปรโลก
เเต่เดี้ยวก่อนอย่าด่วนตัดสินว่าเจ้าตัวนี้คือยมทูตเจ้าตัวนี้ไม่ใช่Reaperเเน่นอน
Reaperหรือยมทูตเเห่งความตายหากอิงตามหลักของศาสนาคริสต์เเล้ว
พระเจ้าคือผู้ให้ชีวิตเเละเจ้าReaperเนี้ยแหละคือคนพรากชีวิต
ลักษณ์ที่พบเห็นตามภาพวาดหรือตำนานก็จะเป็นผ้าคลุมยาวสีดำ
ถือเคียวอันใหญ่ยักษ์เเละอีกมืออาจะถือตะเกียงหรือเทียน

เราพักเรื่องของ Reaperไว้ก่อนกลับเข้าเรื่อง Devil 
ที่มาหรือต้นกำเนิดไม่เเน่ชัด เเต่เชื่อว่าพวกนี้เป็นเหมือนพวกมีพลังที่แปลกกว่า
นั้นเพราะคงเป็นเพราะมันอยู่ปรโลกด้วยแหละจึงทำให้พบเจอทุกสิ่งทุกอย่างสิ้นอายุไข
ผมเชื่อว่าเจ้านี้ฉลาดมากถึงมากที่สุดเเต่ถึงจะมีอำนาจมากเเต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง
อำนาจหรือพลังทางกายภาพของDevilจัดอยู่ในระดับกลาง
เเต่หากพูดถึงพลังจิตหรือทางด้านไสย์ศาสตร์เเละเวทย์มนต์
จะอยู่ในระดับสูง(เเต่ไม่สูงสุด)ในปรโลกเจ้านี้เป็นเหมือนยมบาล
(ในทางความจริงยมบาลเเละยมทูตต่างกัน)
ยมบาลจะมีหน้าที่เเค่ลงโทษตามคำสั่งเท่านั้น
เเต่จะมีพวกDevilที่หัวแหลมกว่านั้นโผล่ไปบนโลกเเละทำข้อตกลงกับบางคน
คนเราเชื่อว่าเรากำลังทำสัญญากับปีศาจหรือซาตานเเต่เราควรมองตัวเองว่า
เราสำคัญขนาดไหนกันไม่มีทางหรอกที่ราชาปีศาจจะมาหาเราเอง
ในภาพยนต์บางเรื่องจะแสดงให้เห็นว่าเราพบเจ้านี้ได้ที่ทางแยก
ผมก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่ามันทำสัญญากับมนุษย์เราเพื่ออะไรบ้าง
นอกเสียจากพลังงานวิญญาณที่จะได้รับตอนตาย
สรุปเเล้วเจ้า Devil ไม่อันตรายมากหากไม่ยุ่งกับมัน 
-----------------------------------------------------------------------------
เเถมท้ายเรื่อง Reaper หรือ Grim Reaper ยมทูตเเห่งความตาย
ผู้ซึ่งถือครองความตายไว้โดยชอบธรรม ว่ากันว่าตวัดเคียวเพียงครั้งเดียว
ก็ตัดขาดลำต้นแห่งชีวิตได้ไม่รู้จบ ถ้าเราเปรียบว่า Grim เป็นคน
ก็คนเป็นคนที่ไม่ยุ่งกับใครเเละทำตามหน้าที่ชนิดที่ว่าตามแป๊ะๆ
เเละไม่มีใครกล้าหือได้ ไม่มีใครทราบที่มาเเละต้นกำเนิด
เเต่ตามหลักของ คริสโบราณเชื่อว่า ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมๆกับพระเจ้า
เหมือนของที่เป็นคู่กัน เหมือนกับ การเกิดขึ้นเเละการแตกดับ
มีเหตุผลง่ายๆว่า ทำไมเราถึงควรกลัว Grim มากกว่าพระเจ้า
นั้นเพราะว่า พระเจ้าให้ชีวิตได้เเต่พรากชีวิตไม่ได้ เเต่ Grim ทำได้
-------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อนี้ใช้เวลาเขียน 26นาที เขียนไว้ ณ วันที่ 17/4/2015 
เวลา 17:34-18.00 เเละใช้เวลาอีก9นาทีเขียนหัวข้อ Grim Reaper

-------------------------------------------------------------------------------

วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

WARNING #3 Solway Firth Spaceman

ภาพนี้ถูกถ่ายในปี 1960 โดย Jim Templeton ที่กำลังถ่ายภาพลูกสาวของเค้าเอง
(ผมใช้ภาพขนาดเท่าต้นฉบับเพื่อการตรวจรายละเอียด) เเต่ภาพถูเผยเเพร่ ในปี 1964


ภาพในมุมอื่น
ภาพเหตุการณนี้เกิดขึ้นที่  Solway Cumbrian ปี 1960
เเต่ภาพโด่งดังในปี 1964 เนื่องจากภาพที่ได้ออกมา
อยู่ในลักษณะนี้ครับ เเต่เมื่อ ภรรยาเเละลูกสาวของเขาได้สังเกตุอีกครั้ง ในปี1964

ครอบครัวนี้จึงได้นำภาพมาตรวจดูอีกครั้ง ก็เห็นดังภาพด้านบนสุดครับ 

ข้อมูลไม่มีอะไรมากครับจะว่าเป็นความบังเอิญก็ได้
ผมได้ภาพเพิ่มเติมมาครับ 

Jim ผู้เป็นพ่อในวัยหนุ่ม



Jimเเละภรรยา



เเละนี้เป็นภาพ Jim เเละลูกสาวของเค้า (ภาพล่าสุดที่ผมหามาได้ 2013)



นี้เป็น VDO ที่ Jim กลับไปยังสถานที่ถ่ายภาพ Solway Firth Spaceman ในปี 2013


ภาพสถานที่บริเวณดังกล่าวในมุมสูง
ชอบใจถูกใจกดไลท์เลยครับผม 
สนใจอยากเป็นผู้ช่วยเหลือเว็บไซต์ติดต่อทางเฟสบุ๊คได้เลยครับ

วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

พบซากโครงกระดูกมนุษย์ต่างดาว ในท้องไดโนเสาร์ 110ล้านปี


เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมือง โอคลาโฮมาซิตี้ สหรัฐอเมริกา 
มีการค้นพบ ซากกระดูกไดโนเสาร์โบราณอายุหลายล้านปีฝังอยู่ในดินในเขตชานเมือง
เต่มีอยู่สิ่งหนึ่งพบอยู่ในส่วนท้องของซากกระดูกของมัน ไดโนเสาร์พันธุ์ใหญ่ที่สุดในโลก 
สูงราวๆ4ฟุตโครงกระดูกเหล่านี้เองที่ ดร.เดวิด พอสบี นักโบราณคดีผู้เชี่ยวชาญดึกดำบรรพ์วิทยา 
ซอโรโพไซดอน คือ ซากโครงกระดูกของสัตว์ลักษณะคล้ายคนคล้ายลิงเเละยืน2ขา 

หัวหน้าคณะขุดค้นระบุว่า มีทางเป็นไปได้ว่าซากที่พบในส่วนท้องของซากไดโนเสาร์ 
เป็นกระดูกของมนุษย์ต่างดาว ซากโครงกระดูกE.Tอยู่ในท้องของไดโนเสาร์พันกินพืช 
วัดจากจมูกถึงปลายหางยาวถึง 60 ฟุตชิ้นส่วนที่ชัดเจนที่สุดของซากกระดูกนี้
คือ 
หัวกระโหลกประหลาดลักษณะคล้ายหัวกระโหลกของคนเเละใกล้เเต่ใหญ่กว่ามาก


ดร.เดวิด พอสบี : " ผมไม่อาจบอกได้เเน่ชัดว่า สิ่งที่ไดโนเสาร์ยักษ์นั้นเขมือบลงท้องไปนั้นคืออะไร
เเตที่เเน่ๆเลย มันไม่ใช่คนเเน่นอนเเละไม่ใช่ลิงเเน่ๆ เเต่เป็นสิ่งมีชีวิต เดิน2ขาลำตัวตรง "

จากซากโครงกระดูกไดโนเสาร์ บอกให้รู้ว่าเจ้ายักษ์ซอโรโพไซดอนตัวนี้มันหนักถึง 60 ตัน
มีคอยาวเหมือนยีราฟ มีหัวหลิมก็จริงเเต่ปากอ้ากว้าง อ้าได้แบบเดียวกับงู 

สาเหตุที่ทำให้ ไดโนเสาร์ตัวนี้ตายน่าจะเกิดจากแผ่นดินไหวจนถูกดินถล่มกลบฝังตายทั้งเป็น

สำหรับกระโหลกประหลาดนี้ ผลการศึกษาอย่างเข้มงวดภายใต้คำสั่งห้ามเปิดเผยข้อมูลที่ได้มาเด็ดขาด
นักวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมาตรวจพบว่า มีส่วนบนของกระโหลกสูงเเละยาวกว่ามนุษย์ทั่วไป 

บ่งบอกให้รู้ว่าภายในกระโหลกนี้สามารถบรรจุมันสมองได้มากกว่ามนุษย์
เบ้าตามีขนาดใหญ่มาก ใหญ่กว่าเบ้าตาของมนุษย์ถึง 3 เท่า มีกรามเเคบเรียกว่าตั้งเเต่โหนกเเก้มถึงปลายคาง

กรามล่างมีขนาดเล็กทำให้มีปากที่เล็กเเละกินได้น้อย พอๆกับกรามของเด็ก 2-3 ขวบเท่านั้น
สิ่งเดียวที่ระบุได้ว่ากระโหลกนี้เป็นของผู้ทรงภูมิปัญญาจากต่างดาวนั้นคือ มีกระโหลกส่วนบนใหญ่
เเละสามารถบรรจุมันสมองได้มากกว่าคนถึง 4 เท่า

อีกกรณีหนึ่งที่เป็นปริศนาอยู่คือ เจ้ายักษ์ ซอโรโพไซดอน มันเป็น จำพวกกินพืช
ต่างกับพวก ไทรันทีเร็กซ์ ที่เป็นพวกกินเนื้อ

เเล้วเหตุใดกันไดโนเสาร์กินพืชถึงเขมือบมนุษย์ต่างดาวผู้นี้ลงท้องไปได้
นักวิทยาศาสตร์ สันนิฐานว่า เป็นเหตุโดยบังเอิญมากกว่า


 
ดร.พอสบี : 

" อย่าลืมว่าเจ้ายักษ์ใหญ่นี้ต้องกินใบไม้เป็นตันๆถึงจะอิ่มท้อง มันอาจจะอยากกินมนุษย์ต่างดาวบ้างก็ได้
เช่นเดียวกับพวก ชิมแปนซี ซึ่งปกติเเล้วมันกินพืชกินผลไม้เป็นอาหาร เเต่นานๆครั้งมันจะออกล่าพวกลิงขนาดเล็กมาเป็นอาหารเนื้อสักครั้ง 

ดังนั้นเเล้วหากกระดูกที่พบในซากกระดูกไดโนเสาร์นี้เป็นกระดูกของมนุษย์ต่างดาวจริง
นี้ก็คือ คำตอบว่า มนุษย์ต่างดาวเคยเดินทางมายังโลกเราหลายล้านปีเเล้ว
กับไดโนเสาร์ซอโรโพไซดอน มีชีวิตอยู่ราวๆ 110 ล้านปีก่อน 
ในยุคนั้น มนุษย์ยังไม่ก่อเกิดขึ้นมาเลยด้วยซ้ำไป " ดร.พอสบีกล่าว

หรืออีกทฤษฎีหนึ่งที่ว่า มนุษย์มาจากไหน ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์จาก 
นอร์เวย์ได้รายงานผลวิจัยซากสิ่งมีชีวิตเล็กๆซึ่งติดมากับอุกกาบาตที่มาจากดาวอังคาร
ซึ่งถูกอุกกาบาตพุ่งชนจนลอยกระเด็นมาถึงโลกนั้น คือสายพันธ์มนุษย์ปัจจุบัน นั้นเอง

เราอาจไม่ได้พัฒนามาจากลิง ลิงก็คือลิง 
ส่วนคนบนโลกทุกวันนี้ นักวิทยาศาสตร์เริ่มเชื่อเเล้วว่า เราคือเผ่าพันธ์ชาวดาวอังคารนั้นเอง
" ชาวดาวอังคารอพยพมายังโลกเมื่อดวงดาวสีเเดงถูกอุกกาบาตยักษ์ถล่ม
จนน้ำควบเเน่นผนึกรวมกับหินตราบเท่าทุกวันนี้ "

Credit : The Natural of Revenge
เขียนเป็น ชม. อย่าพยายาม Copyเลยครับ เเชร์ไปจะให้กำลังใจมากกว่านะครับ

Angelo Faticoni The Secret ผู้ตายไปกับความลับ เเละ ฉายา บุรุษผู้ไม่มีวันจม

การเเสดงการลอยตัวของแองเจโล่ฟาติโคนี่ ที่กระทำต่อหน้านักศึกษาเเละศาสตราจารย์
เเห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดนั้นก็เป็นอีกเรื่องที่สร้างความฉงนเเก่วงการเเพพทย์มาก
หลายคนที่เห็นเหตุการณ์เชื่อว่าอวัยวะภายในของแองเจโล่คงไม่เหมือนกับของเราๆ
ท่านๆเเต่เขาเหล่านั้นก็ไม่สามารถพิสูจน์ความเชื่อนั้นได้

ตอนเขาตายหนังสือพิมพ์ นิวยอร์กเฮรัลไทม์ เขียนถึง "บุรุษผู้ไม่มีวันจม" คนนี้ว่า
ทั้งๆที่เอาตะกั่วหนัก 20 ปอนด์ผูกถ่วงที่ข้อเท้าทั้งสองข้างเเต่แองเจโล่ยังสามารถลอยตัวนิ่งอยู่ในน้ำได้นานถึง 15 ชั่วโมง ยิ่งกว่านั้นเขายังทำสิ่งที่มนุษย์อื่นทำไม่ได้ราวกับมีอภินิหาร
เช่น นอนในน้ำ กลิ้งบนลูกบอล ครั้งหนึ่งเขาเข้าไปอยู่ในกระสอบเเล้วให้เย็บปากกระอบอย่างเเน่นหนา หลังจากนั้น ผูกลูกตุ้มเหล็กหนัก 2 ปอนด์ติดกับขาทั้ง2ข้างก่อนจะถูกจับโยนลงน้ำไป

หลังจากถูกโยนลงน้ำ แองเจโล่ก็จมหายไปจากสายตาเเละจู่ๆ ก็โผล่ศีรษะขึ้นเหนือผิวน้ำ
ได้อย่างน่าประหลาดเเละอยู่ในท่านี้ค้างนานถึง 8 ชม
เเละอีกครั้งนึง เขาถูกมันกับเก้าอี้เเละผูกด้วยตะกั่วถ่วงอีกทีหนึ่งเเต่เขาก็ยังสามารถว่าย
ข้ามแม่น้ำฮัดสันได้อย่างสบาย

แองเจโล่เสียชีวิตเมื่อ อายุ 72 ปี เเละเขานำความลับของเขาตายไปพร้อมกันด้วย ในปัจจุบันวงการเเพทย์ยังไม่สามารถอธิบายความลี้ลับของ แองเจโล่ได้เลย



Credit : Thenatural of Revenge 

วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2557

ความจริงเกี่ยวกับ ลัดดาเเลนด์

ลัดดาแลนด์ เป็นสวนพฤกษศาสตร์ ผสมผสานกับลานแสดงศิลปวัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ ในราวปี พ.ศ. 2512 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ประกอบด้วย สวนสนุก การแสดงมหรสพต่างๆ ตั้งอยู่ริมถนนเลียบคลองชลประทาน ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเจ้าของ คือ พลตรีประดิษฐ์ พันธาภา และนางลัดดา พันธาภา
ปัจจุบันลัดดาแลนด์ มีสภาพเป็นป่ารกร้าง จนกลายเป็นแหล่งมั่วสุมของพวกติดยา กลุ่มวัยรุ่นที่ชอบลองของ ในจังหวัดเชียงใหม่ ตลอดจนเป็นที่สนใจของกลุ่มผู้ที่มีความเชื่อเรื่องผี และมักจะถูกกล่าวถึงในเรื่องความลี้ลับ เรื่องสยองขวัญ จนถูกนำเรื่องราวมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง ลัดดาแลนด์ มีกำหนดออกฉายในปี พ.ศ. 2554


http://board.postjung.com/data/517/517458-topic-ix-0.jpg


หากใคร เคยเดินทางมาจังหวัดเชียงใหม่ หรือ เป็นชาวเชียงใหม่ ที่เคยผ่านเส้นทาง "คลองชลประทาน" ทางฝั่งศูนย์ราชการจังหวัด
และสนามกีฬาสมโภช 700 ปี คงจะผ่านตากับที่ดินรกร้างข้างทางปกคลุมด้วยไม้หญ้า ท่ามกลางบรรยากาศรกๆน่ากลัวๆ
ตั้งอยู่บนกิโลเมตรที่ 4 ของถนนสายห้วยแก้ว อยู่ห่างจากสี่แยกห้วยแก้วซึ่งจะสามารถไปมหาวิยาลัยเชียงใหม่ราว 2 กิโลเมตร
    ...ที่มีชื่อว่า...
    "ลัดดาแลนด์"

http://board.postjung.com/data/517/517458-topic-ix-1.jpg

จะพบว่าที่รกร้างนั้น คือสถานที่ "เฮี้ยน" ...อาถรรพ์ที่สุดล่อหลอกวัยรุ่นจำนวนมาก มาลองความกล้า
เพื่อท้าพิสูจน์ผีกันมากที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีคำพูดเปรียบเปรยกันในหมู่เด็ก ๆ
หรือวัยรุ่นที่มีความกล้าแล้วบ้าบิ่นว่า "หากใครที่ชอบเรื่องผี ไม่มาลัดดาแลนด์ก็แสดงว่ามาไม่ถึงเชียงใหม่ !?"
       ลัดดาแลนด์ จึงเป็น "ความทรงจำอันงดงาม" ของชาวเชียงใหม่ในยุค 2520
ด้วยโครงการจัดสรรอันยิ่งใหญ่ของผู้หญิงท่านหนึ่ง อ้างกันว่าคือ "คุณนายลัดดา" 
นักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสามีของท่านคือนายทหารผู้เป็นเจ้าของกิจการ "โรงหนังเวียงพิงค์"
  ด้วยการเล็งเห็นศักยภาพของที่ดินรกร้างผืนใหญ่อยู่ใกล้ "ทางขึ้นดอยสุเทพ" พื้นที่ผืนนี้จึงถูกพัฒนาให้เป็น
"อุทยานการท่องเที่ยวขนาดใหญ่" ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ซึ่งในยุดนั้นยังไม่มีสถานที่ใดโดดเด่นเท่า

http://www.chiangmaiparamotor.com/forum/index.php?PHPSESSID=40cb4adfbb8ac8307116ba6013c81438&action=dlattach;topic=493.0;attach=6033;image
        
แล้วโครงการขนาดใหญ่ที่ครองใจผู้คนในยุคนั้นก็เกิดขึ้น ด้วยการจัดศูนย์แสดงสาธิต ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น
ทั้งพิพิธภัณฑ์ชาวเขาการทำเครื่องเขิน การแกะสลักไม้ การทอผ้าไหม การแสดงฟ้อนรำต่าง ๆ
ภายใต้การควบคุมของคณะ วัดเจ้าพ่อเม็งราย อันโด่งดังรวมไปถึงมัดใจเด็ก ๆ และครอบครัว
ด้วยการให้บริการ ช้าง ม้า และรถไฟเล็กให้นั่ง ด้วยค่าบริการปนะมาณ 8 หรือ 10 บาท
  "น้ำมะเกี๋ยง" (น้ำลูกหว้า) เป็นที่แรกและเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้
รวมทั้งมีการเปิดเพลงของคณะ ดิอิมพอสลิเบิ้ลซึ่งโด่งดังในขณะนั้นเกือบตลอดทั้งวัน




    สิ้งที่เป็นที่เชิดหน้าชูตาและโดดเด่นที่สุดของสถานที่แห่งนี้ ได้แก่ สวนดอกไม่เมืองหนาวพันธุ์ต่างประเทศ
และ  "รังกล้วยไม้"(สวนกล้วยไม้) ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ ตระการตาด้วยพันธุ์พื้นเมืองและต่างประเทศกว่าร้อยชนิด
ทำให้สถานที่แห้งนี้มีผู้มาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว โดยมีบ้านขนาดใหญ่ของคุณนายลัดดา
ซึ่งปลูกอยู่ใกล้ ๆ ประตูทางเข้าลัดดาแลนด์เป็นเสมือนสิ่งบ่งชี้กำไรจากผลประกอบการ
       
http://board.postjung.com/data/517/517458-topic-ix-2.jpg
         
ทว่าไม่มีสิ่งใดยั่งยืนหรือคงอยู่ตลอดกาล "เมื่อบ้านเมืองต้องพัฒนา"
 ความเจริญของวิถีชีวิตและการเข้ามาของศูนย์การค้าในท้องถิ่น
ส่งผลให้สถานที่แห่งนี้ เป็นเพียง "ที่เก่า ๆ " ซึ่งไม่มีความหมายสำหรีบผู้คนอีกต่อไป

      "ต้นไทรใหญ่" บริเวณทางเข้า ที่หนุ่มสาวยุคนั้น ต่างเชื่อว่าถ้าหากพาคนรักมาบนบานศาลกล่าวจะทำให้ครองรักกันตลอด
ชีวิต..ไม่มีความหมายและความสำคัญเท่าสถานที่นัดพบแห่งใหม่ ได้แก่ โรงภาพยนตร์ ลานสเกต และ ห้างสรรพสินค้า
   ...ม้า และ ช้าง ซึ่งหลายครอบครัวเคยนั่ง เคยขี่ ถูกทยอยขายออกไป ขณะที่คนงานถูกเลิกจ้างไปเป็นจำนวนมาก และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ
ไม่มีการดูแลหรือซ่อมบำรุงเพราะขาดสภาพคล่องทางด้านการเงิน ปิดฉากตำนาน "ลัดดาแลนด์" แดนแห่งความทรงจำในวันชื่นคืนสุข


  บ้านของคุณนายลัดดาที่ผู้คนต่างชื่นชม ถูกทิ้งร้าง และ ปล่อยให้ผุพังบุบสลายตามกาลเวลา..เพื่อเปิด
"ตำนานแห่งใหม่แห่งความสยอง"
ที่ชาวเชียงใหม่พรั่นพรึง !...

http://board.postjung.com/data/517/517458-topic-ix-3.jpg

        ปัจจุบันที่แห่งนี้ยังคงมีผู้มาแวะเวียนเยี่ยมชมอยู่สม่ำเสมอ...เพียงแต่ว่าเป็นการ "พิสูจน์ผี"
เด็กหนุ่ม และ คนรุ่นใหม่จำนวนมากต่างมาทดสอบความกล้าในสถานที่ร้างแห่งนี้
  บ้านที่หลาย ๆ คนบุกบั่นป่าหญ้า และ "การซ่องสุม-มั่วสุม" ของพวกขี้ยาอันตรายเพื่อพิสูจน์ผี ด้วยหลงเข้าใจว่า

    เป็นบ้านที่เกิดฆาตรกรรมยกครัว ทำใหครอบครัวที่อยู่ใกล้ ๆ กับบ้านหลังนี้ ได้ยินเสียงร้องไห้
เสียงร้องขอความช่วยเหลือ และเสียงหัวเราะ! แม้กระทั่งพบกับครอบครัวผู้ตายออกมายืนหน้าบ้าน หรือ รดน้ำต้นไม้
ทำให้ตอนเที่ยงคืนจนถึงเช้าไม่มีใครที่จะกล้าออกจากบ้านเลย จนนานวันวิญญาณเฮี้ยนก็ได้ตามมาหลอกหลอนถึงบ้าน

http://board.postjung.com/data/517/517458-topic-ix-4.jpg

   หรืออีกประเด็นกล่าวว่าเกิดโจรปล้นทั้งหมู่บ้าน จนรกร้างรวมทั้งเรื่องสยอง เมื่อชาวต่างชาติคนหนึ่ง
ซื้อบ้านหลังหนึ่งในโครงการจัดสรรนี้ไว้ แต่จะเดินทางกลับมาพักในทุกฤดูหนาว จึงว่าจ้างเด้กสาวพม่าคนหนึ่งมาดูแลบ้าน
แต่ก็โชคร้ายเมื่อมีฆาตรกรโรคจิตบุกมาฆ่าและปล้นทรัพย์สิน แล้วหมกศพเก็บไว้ในห้องเก็บของใต้บันได กว่าจะมาพบก็ผ่านเกือบ 2 เดือน
ในช่วงเวลานั้นเพื่อนบ้านก้พบหญิงสาวคนนั้นประจำ แต่เมื่อบ้านข้างเคียงได้กลิ่นเหม็นเ่น่าโชยออกจากบ้าน จึงบอกให้เธอทำความสะอาดเพราะอาจมีหนูตาย แต่แล้วกลับพบว่าไม่มีเด้กสาวอยู่ในบ้านดังที่เห็นมากว่า 2 เดือน
ด้วยความสงสัยจึงเปิดประตูเข้าไปและพบกับศพของเด็กสาวคนนั้น! จึงส่งผลให้ผู้คนพากันย้ายออกจนรกร้าง

http://board.postjung.com/data/517/517458-topic-ix-5.jpg

  สำหรับอีกหนึ่งทัศนะ เขาพูดกันว่า หรือ ลือกันไปเอง มีอยู่ว่าในช่วงที่คุณนายลัดดา
สั่งพฒนาพื้นที่แห่งนี้ ได้มีการปรับพื้นดินจนได้พบกับโครงกระดูกของผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก
  ขณะเดียวกัน กล่าวกันว่า ครั้งหนึ่ง เคยมีคู่รักคู่หนึ่งมาอธิษฐานขอให้ความรักสมหวังกับต้นไทร
ตามความนิยมบนบานศาลกล่าวของผู้คนในยุคนั้น แต่พ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่ยอมรับฝ่ายชาย
ทำให้ทั้งสองร่วมกันแขวนคอคู่กันที่ใต้ต้นไทร

ความเฮี้ยน ความหลอน ที่ปรากฎเป็นคดีฆาตรกรรมหมกศพ และ วิญญาณอาฆาต
จึงกลายเป็นข่าวลือสนุกปาก ของกลุ่มวัยรุ่น ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
   จนทำให้ ลัดดาแลนด์ ซึ่งเคยเป็นความทรงจำของวันชื่นคืนสุข
สำหรับผู้คนยุคเก่าก่อน..กลายเป็นเพียงความทรงจำด้านมืดอันน่าสะพรึงกลัว...อย่างไร้เหตุผล