THE NATURAL OF REVENGE: 06/01/2011 - 07/01/2011

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คำคมจากคนในประวัติศาสตร์

ไม่กล้า ก็ไม่มีวันเดินหน้า
Nothing ventured, nothing gained.
วิลเลี่ยม เช็คสเปียร์

เพียงเมื่อท่านหยุดก้าว ท่านก็เริ่มถอยหลังแล้ว
When you stop advancing, you''''ve already begun to retreat.
ดร.เทียม โชควัฒนา

คนเราไม่มีใครล้มเหลว มีแต่ล้มเลิกต่างหาก
There are no failures, only people who have given up.
นิรนาม

ผมยอมไม่ได้ ถ้าไม่ยอมพยายาม
I can''''t accept not trying.
เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

ผมเป็นคนเดินช้า แต่ผมไม่เคยเดินถอยหลัง
I am a slow walker, but I never walk backwards.
อับราฮัม ลินคอล์น

โลกทั้งโลกเปิดทางให้กับคนที่รู้ว่าตัวเองจะเดินไปทางไหน
The whole world steps aside for the man who knows where he is going.
นิรนาม

หนทางไกลนับหมื่นลี้ ต้องเริ่มต้นด้วยก้าวแรก
A joumey of a thousand miles must begin with a single step.
เล่าจื๊อ

อย่ากลัวที่จะก้าวไปช้า ๆ จงกลัวที่จะอยู่นิ่งเฉย
Do not be afraid of going slowly, be afraid only of standing still.
ภาษิตจีน

ถ้าไม่หาทาง ก็ต้องสร้างมันขึ้นมา
We will either find a way or make one.
ฮานิบาล

อย่าคิดว่าคุณจะเดิน เดินไปเลย
Don''''t just think you''''ll wall, WALK.
ปรเมศวร์ มินศิริ

คนเราแก้อดีตไม่ได้ แต่อาจเปลี่ยนอนาคตได้
We can''''t correct the past, But we might change the future.
วรินทร์ เลียววาริณ

การเริ่มต้นเป็นเรื่องยาก แต่การก้าวต่อไปเป็นเรื่องยากกว่า
Getting started is hard, but the next step is harder.
ถกลเกียรติ วีรวรรณ

คำว่า ดีที่สุด มีไว้สำหรับงานต่อไปเสมอ
The word ''''Best'''' is always there for the next start.
ดวงฤทธิ์ บุนนาค

อย่ากลัวล้มทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มเดิน
Don''''t think that you''''re gonna lose when you don''''t even start
ณัฐจิระ ฮอนดา

ความผิดพลาดในอดีต คือบทเรียนสำหรับในอตาคต
The falling of yesterday are the learning of tommorrow.
โรเบอร์โต บักจิโอ

แม้แต่ปลา ต้องว่ายทวนน้ำเพื่ออยู่รอด
Fish swim against the tide to survive.
นักปราชญ์

ถ้าไม่ใช่คุณแล้วใคร ถ้าไม่ใช่เดี๋ยวนี้แล้วเมื่อไหร่
If not you who? If not now when?
แกรี่ เฮอร์เบิร์ท

ทางเดียวที่จะถึงเส้นชัย คือก้าวต่อไปข้างหน้า
The only way to reach the goal is moving forward.
นักกีฬาสมัครเล่น

คว้าทุกโอกาสให้ได้
Seize the day.
โฮเรซ

ผมไปได้ทุกที่ ขอเพียงแต่ต้องไปข้างหน้า
I''''ll go anywhere as long as it''''s forward.
ดร.ลิฟวิ่งสโตน

อย่ากลัวที่จะก้าวยาว ๆ เมื่อต้องข้ามอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่
Don''''t be afraid to take a big step…you can''''t cross a chasm in two small
jumps.
เดวิด ลอยด์ จอร์จ

ความใฝ่ฝัน ไม่เคยหยุดยั้ง
Ambition never comes to an end.
โยชิดะ เคนโกะ

ความเสี่ยงที่สุด คือการไม่กล้าเสี่ยงเลย
The biggest risk is not to take the risk at all
ราอูล กราเซีย บราโว

จับจ้องที่จุดหมาย ไม่ใช่ที่อุปสรรค
One should keep one''''s eyes on one''''s destination, not on where one stumbled.
สุภาษิตไนจีเรีย

ความล้มเหลวที่สุด คือการไม่กล้าแม้แต่จะลองทำ
เซอเรน คีร์เคอกอร์

ถ้าเดินตามรอยเท้าคนอื่น ก็ไม่มีรอยเท้าเป็นของตนเอง
To dare is to lose one''''s footing momentarily. Not to dare is to lose
oneself.
มูลเรลสตรอด 

ขอขอบคุณ http://www.classifiedthai.com/content.php?article=5315 อย่างสูง

คำคมโดนๆจากภาพยนต์


คำคมโดนๆ
เราไม่สามารถวัดประเมินความเป็นคน จากอาชีพที่เขาทำได้
แต่สามารถวัดความเป็นเขาได้ จากตอนที่เขาล้มลงและลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง
- Maid In Manhattan

คนส่วนใหญ่มักร้องขออำนาจจากพระเจ้า แท้จริงแล้วอำนาจอยู่ในตัวพวกเขาเอง
- Bruce Almighty

บางครั้งคนอื่นก็ทำให้เรา...รู้จักตัวเอง
>บางทีเวลาคนเราอยู่กับตัวเอง ก็อาจจะได้เห็นในสิ่งที่ตัวเองเชื่อและคิดว่าตัวเองเป็นเพียงแค่นั้น หากมีใครเป็นเหมือนกระจกสักบานที่สะท้อนตัวเราออกมา ก็จะได้เห็นตัวเราในมุมที่คนอื่นมอง - Two Weeks Notice

ความทุกข์ของคนๆ เดียว เทียบไม่ได้เลย... กับความทุกข์ของประชาใต้หล้า 
- Hero 
มันวิเศษที่เราเลิกทำตัวเป็นคนที่เราอยากเป็น แล้วหันมาเป็นตัวของตัวเอง 
- Slap Her, She's French 
สิ่งเดียวที่จะทำให้คนชั่วได้ชัยชนะ นั่นก็คือ การที่คนดีๆ นิ่งดูดาย 
- Tears Of The Sun 
จะพยายามเป็นคนธรรมดาทำไมให้เหนื่อย หากคุณเกิดมาเพื่อที่จะโดดเด่น
- What Women Wants

เราไม่สามารถวัดความดีจากสิ่งที่เราไม่ได้ทำ สิ่งที่เราต่อต้าน หรือผู้คนที่เรากีดกัน
แต่เราวัดความดีได้จากสิ่งที่เราลงมือทำ สิ่งที่เราสร้าง และผู้คนที่เรารับเข้ากลุ่ม 
- Chocolate 
ความจริง...ชนะทุกสิ่งเสมอ 
- Big Fat Liar 
ถ้าไม่ปล่อยให้อะไรเกิดขึ้นกับชีวิตบ้าง... มันคงจืดชืดน่าดู 
- Finding Nemo 
ยา กฎหมาย ธุรกิจ การจัดการ เป็นการเจริญรอยระดับสูง และจำเป็นสำหรับการรักษาชีวิตไว้
แต่โคลงกลอน ความงดงาม ความโรแมนติก และความรัก เป็นสิ่งที่ทำให้เราได้รู้ว่า... เราเกิดมาเพื่ออะไร
-Dead Poet's Society

ชีวิตไม่ใช่เพียงอุบัติเหตุหรือความบังเอิญที่ไร้ความหมาย
แต่มันเป็นชุดของเหตุการณ์ที่ลงตัวของแผนการที่ดีเลิศประเสริฐสุด
- Serendipity

You will never age for me, nor fade, nor die
คุณจะไม่มีอายุสำหรับฉัน ไม่เลือนลาง ไม่สิ้นไป
- Shakespeare In Love

รักคือปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจ ไม่มีใครรู้สึกได้นอกจากตัวเรา
- Bandits

คนเรามักทำร้ายคนที่เรารักเสมอ และเรื่องแบบนี้... เกิดขึ้นกับใครก็ได้
- The Green Mile

เราจะไม่สูญเสีย.. ในสิ่งที่เราไม่มีวันได้ครอบครอง 
- How To Lose A Guy In 10 Days 
ถ้าเราอยากได้อะไรมากๆ จงปล่อยมันไป
ถ้ามันกลับมาหาเรา มันจะเป็นของเราตลอดไป
แต่ถ้าไม่... แสดงว่ามันไม่ได้เป็นของเราตั้งแต่แรกแล้ว 
- Indecent Proposal 
ความรักก็เหมือนคลื่นวิทยุ ต้องหา ต้องปรับ ต้องจูนกันอยู่เสมอ...
- Sex Phone คลื่นเหงา สาวข้างบ้าน

ฉันเกลียดวิธีที่คุณคุยกับฉัน และเกลียดทรงผมของคุณ
ฉันเกลียดวิธีที่คุณขับรถฉันเกลียดเวลาที่คุณจ้องมอง
ฉันเกลียดรองเท้าบูทคู่โตของคุณเกลียดที่คุณอ่านใจของฉันออก
ฉันเกลียดคุณมาก มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ทำให้ฉันแต่งกลอนอีกตะหาก
ฉันเกลียดที่คุณมักถูกเสมอเกลียดที่เวลาที่คุณโกหก
เกลียดเวลาที่คุณทำให้ฉันหัวเราะที่แย่ที่สุด คือเวลาคุณที่ทำให้ฉันร้องไห้
เกลียดที่คุณไม่อยู่ข้างๆและความจริงที่ว่า.. คุณไม่ได้โทรมา
แต่ที่เกลียดที่สุดคือ ฉันไม่ได้เกลียดคุณเลยไม่แม้เกือบจะเกลียด ไม่แม้แต่นิดเดียว...ไม่เลย..
- 10 Things I Hate About You


ที่เราต้องเจ็บปวดกับความรักนะ ไม่ใช่เพราะมันจากไปหรอก
แต่เพราะมันยังคงอยู่ต่างหาก
 ถ้าวันนี้คนสองคน ต่างหมดรักกันไป
คงไม่มีใครต้องเสียใจมากนัก
 แต่กลับเป็นเพราะรักที่ยังอยู่ในใจคุณนั่นเอง
ที่ทำให้คุณปล่อยวางลงไม่ได้
 ธรรมชาติของรัก มักไม่ให้โทษแก่ใคร
...มีวันที่รักมา ก็อาจมีวันที่รักไปได้ ความรักเป็นสิ่งสวยงาม
หลายคนจึงอดหลงใหลได้ปลื้มกับมันไม่ได้ในยามที่มันอยู่
เรามักหลอกตัวเองว่า เพราะเรารักเขามาก เขาคงเห็นความดีความตั้งใจของเรา
และรักเราตอบบ้าง ไม่มากก็น้อย และเมื่อเขาตอบรับรักของเรา
มักทำให้เราก้าวล่วงไปถึงการรู้สึกยึดมั่น
ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรา เป็นเหมือนทรัพย์สินส่วนตัวทางใจอย่างหนึ่ง
ที่จะต้องอยู่กับเราทุกครั้งที่เราต้องการ นานเท่าที่เราปรารถนา
- IL Mare

Every night I cut out my heart. But in the morning it was full again.
ทุกคืนหัวใจฉันหยุดทำงาน แต่มันจะเริ่มอีกครั้งในตอนเช้า
- The English Patient

We don't throw a whole life away just 'cause it's banged up a little bit.
เราคงไม่ทิ้งชีวิตทั้งชีวิต เพียงเพราะมันบาดเจ็บนิดหน่อยหรอกนะ
- Seabiscuit

ไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบสำหรับความรัก แต่ความรักไม่มีเงื่อนไขและการร้องขอ จะเป็นรักที่อยู่ได้โดยบริบูรณ์
A home at the end of theworld

The only wrong thing would be to deny what your heart truly feels
สิ่งที่ผิดพลาดเพียงสิ่งเดียวคือการไม่ทำตามที่หัวใจเรียกร้อง 
- the mask of zorro 

You will see a lot of things, but they will mean nothing to you If you lose sight of the thing you love.
คุณจะเห็นสิ่งต่างๆ มากมาย แต่นั่นจะไม่มีความหมายใดๆ เลย ถ้าหากว่าคุณไม่ได้มองเห็นสิ่งที่คุณรัก 
- at first sight 

If you love someone you say it, you say it right then, out loud, or the moment just passes you by.
ถ้าคุณรักใครสักคน จงพูดมันออกมา ตะโกนมันออกมาดังๆ หรือจะปล่อยให้เวลานั้นมันผ่านพ้นไปเฉยๆ
>เรามักเห็นคุณค่าของบางสิ่ง เมื่อเราต้องสูญเสียสิ่งนั้นไปจากตัว- my best friend's wedding

I would rather have had One breath of her hair, one kiss from her mouth, one touch of her hand, than eternity without it. One!
ผมขอเพียงแค่..ได้สูดกลิ่นจาผมของคุณแค่เพียงครั้ง ได้สัมผัสรสจูบจากปากของคุณ ได้สัมผัสไออุ่นจากมือของคุณ แค่เพียงครั้งเดียว มากกว่าที่จะอยู่ได้เป็นอมตะ
- city of angels

When you realize you want to spend the rest of your life with somebody, you want the rest of your life to start as soon as possible.
เมื่อคุณเชื่อว่าคุณจะอยู่กับใครสักคนจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต คุณก็อยากให้เวลานั้นมันมาถึงเร็วๆ จริงๆสักที 
- when harry met sally

There is a place you can touch a woman that will drive her crazy. Her heart.
มีที่อยู่ที่หนึ่ง ที่คุณสามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่ง คลั่งใคล้หลงไหลได้ นั่นคือ หัวใจของเธอ 
- milk money

You will be doing anything for the one you love. Except love them again.
คุณสามารถทำอะไรก็ได้เพื่อคนที่คุณรัก ยกเว้นอยู่อย่างเดียวคือรักเธออีกครั้ง 
- faithful

I love you without knowing how, why, or even from where
ผมรักคุณโดยไม่ต้องรู้ว่ารักยังไง รักทำไม หรือรักที่ไหน 
- Patch
Adams


A life without love, is no life at all
ชีวิตที่อยู่โดยไม่มีความรัก มันก็เหมือนกับการไม่มีชีวิตอยู่ - ever after 
You cannot find true love where it does not truly exist and you cannot hide it where it truly does
คุณไม่สามารถค้นหารักแท้นั้นได้ หากรักนั้นไม่มีอยู่จริง และคุณไม่สามารถปิดบังรักนั้นได้ หากมันมีอยู่จริง 
- kissing a fool

How come we don't always know when love begins, but we always know when it ends?
ทำไมเราไม่เคยรู้เลยว่ารักมันเริ่มต้นเมื่อไหร่แต่เราจะรู้เสมอว่ารักมันจบลงเมื่อไหร่ 
- LA story

Will you love me for the rest of my life? No, I'll love you for the rest of mine.
- phenomenon

You'll always know when the right person walks into your life.
คุณจะรู้ได้ทันทีเลยว่า ใครคือตัวจริงที่เขาก้าวเข้ามาในชีวิตของคุณ 
- the butcher's wife

If he's the right man for you, you can't just let him slip on by.
ถ้าเขาใช่ อย่าปล่อย "มัน" ให้ผ่านไป
- the butcher's wife

Fate exists but it can only take you so far, because once you're there. It's up to you to make it happen.
ชะตาชีวิตน่ะ มันมีอยู่แล้ว แต่ว่ามันพาคุณไปได้ไม่ไกลหรอก เพราะชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเอง 
- can't hardly wait 
Love won't obey our expectations, Its mystery is pure and absolute.
- bridges of
Madison country

The only feeling of real loss is when you love someone more than you love your self.
คุณจะรู้สึกสูญเสียจริงๆ ก็ต่อเมื่อคุณสูญเสียใครสักคน ที่คุณรักมากกว่ารักตัวคุณเอง 
- Good will hunting

แม้ว่าฉันตายโดยปราศจากคนที่รักฉัน แต่ฉันก็ดีใจที่ฉันตายโดยมีคนที่ฉันรัก
ข้างหลังภาพ

When she open up listen with your heart.
เมื่อเธอเปิดใจพูด จงเปิดหัวใจคุณรับฟังด้วย 
- You're Got Mail

The Greateat thing you'll ever learn . Just to love and to love in Return
สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณเคยเรียนรู้ คือรักและรักอีกครั้ง
- Moulin Rouge

Never let the fear striking out keep you from playing the game.
- A Cinderella Story

Love is always patient and kind. It is never jealous. Love is never boastful nor conceited. It is never rude or selfish.
It does not take offense and is not resentful. Love takes no pleasure in other people's sins ... but delights in the truth.
It is always ready to excuse, to trust, to hope ... and to endure ... whatever comes.
"ความรักคือความอดทนและมีน้ำใจ ไม่ใช่ความหึงหวง ความรักไม่ใช่สิ่งโอ้อวดและทรนง ความรักไม่หยาบคายหรือเห็นแก่ตัว ไม่ทัดทานและไม่ขุ่นเคือง ความรักไม่ใช่ความเพลิดเพลินในบาป ... แต่พึงใจในความเป็นจริง ความรักพร้อมจะยกโทษเชื่อใจมีความหวัง และหมั่นทะนุถนอม ... ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
N/A

Love is like the wind ... you can't see it ... but you can feel it.
ความรักเปรียบเหมือนกับสายลม ... แม้คุณจะมองไม่เห็นมัน ... แต่คุณรู้สึกถึงมันได้
- A walk to remember

May the force be with you
ขอพลังจงสถิตย์อยู่กับท่าน
- Star wars

The Great power come great responsibility
พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับภาระอันใหญ่ยิ่ง
- Spider - man 1-2

When you know people, you willsee what's coming
เมื่อคุณได้รู้จักใครสักคน คุณจะมองเห็นอนาคตของเขา
- Spider - man 1

What makes a man is a man? It's an origin. The way comes of life. I don't think so. It's a choice is he makes. Not howis starting, but hoe is decide the end.
อะไรที่ทำให้คนเป็นมนุษย์ชาติกำเนิดงั้นหรือ ที่มาของชีวิต ฉันไม่คิดว่างั้น มันคือสิ่งที่เขาเลือกจะทำมากกว่า ไม่ใช่ว่าเริ่มอย่างไร แต่อยู่ที่ว่าเขาเลือกที่จะจบแบบไหน
- Hellboy

People makes mistake. You should forgive.
คนทุกคนสามารถผิดพลาดกันได้ คุณควรที่จะยอมให้อภัย 
- Step Mom

I'm a parent. I haven't got the luxury of principles.
ผมเป็นพ่อ สามัญสำนึกไม่เลิศเลอหรอก 
- The Patriot
To have memoriesof those youlove and lost is, perhaps harder than no memories at all.
มีความจำให้รักให้ลืม บางทีอาจจะดีกว่าไม่มีความจำอะไรเลย
-Van Helsing
Before you ask someone to save the world, you'd better make sure they like it the way it is
ก่อนที่คุณจะจะขอให้ใครปกป้องโลก คุณควรแน่ใจก่อนว่าเขาชอบโลกที่เป็นอยู่รึเปล่า
- XXX
Extreames sometimes meet
บุคคลที่แตกต่างที่สุด บางครั้งก็มาพบกันได้
- Nothing Hill
That's what a ship is, you know. It's not just a keel, and a hull, and a deck, and the sails, that what the ship needs. But what a ship is, what the Black Pearl really is, is freedom.
สิ่งที่เรือสักลำเป็น มันไม่ใช่แค่กระดูกงูเรือ ลำเรือ องค์ประกอบอื่นหรือใบเรือที่ประกอบกันเป็นเรือลำหนึ่งเท่านั้น แต่สิ่งที่เรือลำหนึ่งเป็น ที่เรือแบล็คเพิร์ล (ไข่มุกดำ) เป็นจริงๆ คือ อิสรภาพต่างหาก
- The Pirate of the Caribbean : The cruse of the Black Pearl
All men die, my friend. But Allah say it is what we do before we die that counts.
ทุกคนต้องตายทั้งนั้น แต่สิ่งที่เราทำก่อนตายสิ...สำคัญ
- Vertical Limit
It's love that hurts. But it's hurt that tells you are still alive.
ความรักทำให้คนเจ็บปวด แต่ความเจ็บปวดนั่นแหละคือสิ่งที่บอกคุณว่ายังมีชีวิตอยู่
- Body shots
The only wrong thing would be to deny, what your heart truly fells.
สิ่งผิดพลาดเดียว คือ ปฏิเสธที่หัวใจคุณรู้สึกอย่างแท้จริง
- The Mask of zorro.
ทำไมลูกถึงล้มรู้ไหม เพื่อจะได้รู้ว่าจะลุกขึ้นมาได้ยังไงล่ะ
Batman Begins
บ้านฆ่าคนไม่ได้หรอก คนต่างหากที่ฆ่ากันเอง
The Amityville Horror
นาฬิกาที่ดีที่สุดควรอยู่กับคนขายนาฬิกา
มหา'ลัยเหมืองแร่
You cant just turn back time...I moved on. You moved on. Weve gone down different paths for so long . We made choices
แม้ทุกวันนี้เขาจะยังรักเธอเหมือนที่ผ่านมามากเพียงใดเขาก็ไม่สามารถไปกับเธอได้เพราะเขาเองก็มีตัวตนของเขาแล้ว ตัวตนของเขาที่มีงานของตัวเอง มีคู่หมั้นที่รักและเข้าใจรอคอย มีครอบครัวคู่หมั้นที่ดีกับเขา เขาเลือกชีวิตและเส้นทางตัวเองแล้ว
> คุณไม่อาจย้อนเวลากลับได้หรอก คุณเลือกแล้ว ผมเลือกแล้ว เราเลือกทางที่แตกต่างกันมานานแล้ว และเราก็เป็นคนเลือกเส้นทางนี้เอง

ขอขอบคุณ http://kanoon.exteen.com/20050923/entry อย่างสูง

วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มันคนละเรื่องกัน ?


มันคนละเรื่องกัน ?

คุณเคยอกหักมาแล้วกี่ครั้ง ?


คุณเคยอกหักมาแล้วกี่ครั้ง ?




ทุกคนมักพูดกันเสมอว่า “ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม” เพราะขณะมีรัก ย่อมทำให้หัวกระชุ่ม กระชวย สดใสซาบซ่า
หน้าร้อน ก็เย็นสบาย เหมือนต้นไม้ได้น้ำ
หน้าหนาวก็แสนจะอบอุ่น
เมื่อมีที่พักพิงหัวใจคลายหนาว แถมยังเข้าเข้าตำรา เมื่อยามรัก น้ำต้มผักยังว่าหวาน
แต่พอเนิ่นนาน แม้น้ำตาล ยังว่าขม

หากในที่สุดความรักมีอันต้องจบลง และถึงคราต้องร้างลากันไป
ย่อมต้องมีฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ร้องไห้เสียน้ำตา
แถมยังพกอาการช้ำในไปอีกนานนับเดือน
ยิ่งคนที่เพิ่งมีรักแรกยิ่งแล้วไปใหญ่
เรียกได้ว่า อกหักครั้งนี้จำฝังใจไปเกือบทั้งชีวิต 
แต่คนเราผ่านร้อน ผ่านหนาวมาหลายสิบปี
ย่อมต้องผ่านการอกหักกันมาไม่น้อย
บางคนถึงขั้นปีละหลายๆ หน
แต่บางคนรักฝังใจ ยังไงก็ไม่ลืม อันนี้คงนานๆ
ถึงจะอกสักครั้งหนึ่ง
แต่ไม่ว่ามากน้อยแค่ไหน ย่อมต้องเจ็บช้ำใจด้วยแผลเก่ากันบ้าง
ว่าแต่...เพื่อนๆ เคยนั่งนับกันบ้างรึเปล่า
ว่าเราเคยผ่านการอกหักเสียน้ำตา มาแล้วกี่ครั้ง.
..1...2...3...4...หรือมากกว่านั้น
แล้วความรักในแต่ละครั้งสอนอะไรให้เราได้เรียนรู้บ้าง 

จูบแบบไหน ถึงอก ถึงใจ


จูบแบบไหน ถึงอก ถึงใจ




สัมผัสรักผ่านลิ้นสามารถสื่อความรู้สึกได้เป็นอย่างดี ที่พร้อมจะทำให้ประทับใจ แล้วการจูบของคุณควรจะมีรสชาติอย่างไร หรือจูบยังไงให้มีรสชาติ มาดูกัน

จูบสะท้านใจ 1. ขณะบดริมฝีปากเคล้าคลอกันอย่างดูดดื่ม รู้สึกเร้าร้อนกันแล้ว ให้ส่งเสียงหายใจแรงๆ ออกมา ไม่ต้องกลั้นไว้ 2. ส่งเสียงครางเล็กน้อยเมื่อริมฝีปากผละจากกัน 3. จูบระดมไปตามลำคอ ใบหู และตามริมแก้มของเขาหรือเธอพร้อมกับส่งเสียงครางเบาๆ ตามที่รู้สึกในอารมณ์เพื่อสั่นสะเทือนใจของคู่รักให้หวั่นไหวใกล้ละลาย 
จูบเล่นลิ้น 1. ทำตัวเป็นพญางู ฉกลิ้นอย่างเร็วและฉับไวเข้าไปสัมผัสกับลิ้นของเขาหรือเธอ แล้วรีบดึงลิ้นกลับอย่างเร็วเช่นกัน 2. การจูบแบบนี้ควรกระทำในขณะที่เริ่มบรรเลงเพลงรักอัศจรรย์แล้ว 3. ลิ้นที่ฉกเข้า-ออก สลับกันไปมาอย่างเร็ว และหลายๆ ครั้งต่อเนื่องจะกระชากอารมณ์ให้ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ได้เป็นอย่างดี 4. หลังจากฉกเข้า-ออกในจังหวะรวดเร็วแล้ว ให้ค่อยๆ แหย่ลิ้นเข้าไปอย่างช้าๆ แล้วดึงออก แล้วทำอีกในจังหวะเข้า-ออกแต่ให้เป็นอย่างช้าๆ 5. ท่าจูบเล่นลิ้นนี้จะแสนเซ็กซี่ถ้ามีการเคลื่อนไหวร่างกายไปด้วยทั้งคู่

จูบเย้ายวน 1. ทำให้คนรักของคุณต้องคลั่งใจตายเมื่อยื่นใบหน้า เข้าไปไกล้ๆ แล้วใช้ปลายลิ้นเล็มเลียลากไปมาที่ริมฝีปาก บนและล่างของเขาหรือเธอ 2. หายใจแรงๆ รดริมฝีปากเขาหรือเธอ พลางเป่าลมหายใจจากปากเบาๆ รดใส่ริมฝีปากของเขาหรือเธอด้วย เพื่อกระตุ้นความร้อนฉ่า.. 3. ใช้ริมฝีปากถูไถ แบบคลึงไปมาอย่างเบาบ้าง แรงบ้าง 4. ใช้ริมฝีปากขบเม้มเบาๆ ที่ริมฝีปากล่างของเขาหรือเธอ 5. ท่านี้สามารถใช้ปลายนิ้วสลับได้ คือใช้ปลายนิ้วลากไปสัมผัสขอบและรอยหยักของริมฝีปากบน-ล่าง 6. ท่านี้ต้องทำอย่างช้าๆ ทุกขั้นตอน เอียงหน้าไปมาอย่างช้าๆ เพื่อเย้ายวนและกระตุ้นให้เขาหรือเธอคลั่ง

จูบเผาผลาญ 1. บางอารมณ์คุณก็ร้อนเกินกว่าจะมานั่งจูบกันแบบเซ็กซี่ หรือเย้ายวนคุณสามารถที่จะเปิดปากประกบจูบเธอได้ อย่างจู่โจมหรือหนักหน่วงทันที 2. ใช้มือข้างหนึ่งบีบริมฝีปากของเขาหรือเธอเบา ๆ จนปากเขาหรือเธอห่อแล้วประกบปากคุณกับปากของเขาทันที 3. แหย่ปลายลิ้นเข้าไปอย่างเร็วและรุนแรง ใช้ปลายลิ้นทักทายพันพัวอย่างดูดดื่ม และฉกปลายลิ้นเข้าไปให้ลึกที่สุด 4. บดริมฝีปากกับปากของเขาหรือเธออย่างหนักหน่วงรุนแรง

... เฮ้อ...เหนื่อยไหมหล่ะเจ้าค่ะ แต่ถ้าเหนื่อยแล้วมีความสุขอย่างนี้ก็น่าจะลองกันดูนะเจ้าค่ะ แล้วอาจจะทำให้การจูบครั้งนี้ประทับใจคนรัก ของคุณไปอีกนาน อ้อ..อย่าลืมว่าก่อนจะจูบก็ควรจะสำรวจกลิ่นอันไม่พึงประสงค์เสียก่อนนะเจ้าค่ะ ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นจูบนรกไป เดียวจะหาว่าไม่เตือน 

ไกลเกินจินตนาการ


ไกลเกินจินตนาการ




นำกระดาษพิมพ์ดีดขนาดเอสี่มาแผ่นหนึ่ง 
พับครึ่งครั้งแรก แล้วก็พับครึ่งครั้งที่สองครั้งที่สามทบไปเรื่อยๆ ถามว่าเมื่อพับไป 32 ครั้ง กระดาษจะมีความหนาเท่าไร

อาทิตย์นี้ ขึ้นต้นมาผมก็ขออนุญาตชวนท่านผู้อ่านเล่นเกมด้วยกันเสียแล้ว มาลองสนุกกับความคิดกันดูสักวันเป็นไร โจทย์ข้างบนนั้นไม่ใช่คำถามเชาวน์หรือคำถามยียวนกวนประสาทอะไรเลยนะครับ ผมตั้งคำถามให้ท่านผู้อ่านลองจินตนาการดูเล่นๆ

เมื่อได้คำตอบในใจไว้แล้ว เก็บคำตอบไว้ก่อนแล้วมาคุยเรื่อง "ความคิด" กัน

คำถามหนึ่งที่ผมมักถูกถามเสมอทั้งทางจดหมาย และเวลาไปบรรยายตามสถานศึกษา นั่นคือความคิดสร้างสรรค์ฝึกกันได้ไหม

ตอบสั้นๆ เลยครับว่า ได้ 
อันที่จริงมนุษย์ทุกคนมีความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้วเต็มเปี่ยม จนแทบจะเรียกได้ว่ามันถูกแนบให้เกิดมาพร้อมกับมนุษย์เพื่อให้มนุษย์แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น

นับแต่โลกถือกำเนิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมา สิ่งมีชีวิตต่างวิวัฒนาการไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลาและสภาพของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป สองวิธีที่ทำให้สิ่งมีชีวิตสืบสายพันธุ์ต่อไปได้ก็คือ การปรับตัว และการเอาชนะ วิธีแรกนั้นสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งไม่เว้นแต่มนุษย์ล้วนใช้มันอยู่ และหลายสิ่งมีชีวิตก็ต้องสูญพันธ์หายไปเพราะกาลเปลี่ยนแปลงของโลกในบางครั้งมันรุนแรงจนยากที่จะปรับตัวสู้ไหว

ส่วนวิธีที่สองดูจะมีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ใช้มันเป็น

วิธีที่สองนี่แหละครับ มันก็คือความคิดสร้างสรรค์นั่นเอง

กิลฟอร์ด นักจิตวิทยาชาวอเมริกันแบ่งความคิดของมนุษย์ออกเป็น 3 อย่าง ผมดูเขาแบ่งแล้วก็คิดตามว่า เออหนอเขาเข้าใจแบ่งดีแท้ๆ ฝรั่งคนนี้ มันทำให้เข้าใจได้ทุกครั้งว่าเวลาเราคิดแต่ละเรื่องเราคิดแบบไหนอยู่

สามแบบที่ว่าก็คือ 1.คิดแบบคำตอบถูกต้อง 2.คิดแบบประเมิน 3.คิดแบบหลายแง่มุม 
คิดแบบคำตอบถูกต้อง อันนี้เราๆ ท่านๆ ก็ใช้กันอยู่ประจำเวลาบวกลบคูณหาร เช่น ขายของทอนเงิน รังวัดที่ดิน เย็บผ้าตามรอย เล่นดนตรีตามโน้ต เลื่อยไม้ตามเส้น ขับรถตามเลน ฯลฯ

คิดแบบประเมิน นึกออกไหมครับว่าเราใช้คำตอบแบบนี้ในชีวิตประจำวันอยู่บ่อยๆเหมือนกัน ตัวอย่างครับ รินน้ำดื่มใส่แก้ว(คงไม่มีใครคิดว่าจะตวงกี่ลิตร) การเตรียมเงินเพื่อไปเที่ยว การเพิ่มทหารเข้าในรักษาการณ์ในพื้นที่ การวิเคราะห์การตลาด หรือแม้แต่การตัดสินจะขึ้นเงินเดือนให้ใครเท่าไร ฯลฯ

คิดแบบหลายแง่มุม เป็นการคิดแบบหลายคำตอบ หลายทางเลือก ความคิดแบบนี้ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา และความคิดแบบนี้แหละครับคือตัวประกอบที่สำคัญที่สุดของความคิดสร้างสรรค์

สมมุติว่ามีใครสักคนคิดอย่างนี้

"กินก๋วยเตี๋ยวร้านไหนดีหนอ ไอ้สองร้านเก่านี่รสชาดจำเจไปหน่อย"

"หรือว่ามีอะไรที่อร่อยกว่าก๋วยเตี๋ยวไหมแถวนี้ พวกข้าว หรือขนมจีน"

"ทำไมเราไม่เอาของอร่อยมาจากบ้านเราเองเลย"

"อันที่จริงเราก็มีฝีมือนี่ ทำไมเราไม่มาตั้งร้านเสียที่นี่"

"หรือว่าไปขายที่ตึกข้างๆ คนเยอะกว่าตั้งแยะ"

บอกได้เลยว่าคนๆ นี้ก็นักคิดสร้างสรรค์คนสำคัญเลยครับ

แม้ว่าการคิดแบบหลายแง่มุมจะเป็นตัวประกอบที่สำคัญที่สุดของความคิดสร้างสรรค์ เพราะมันเป็นจุดเริ่มหลังจากนั้นเราก็จะเอาความคิดแบบประเมินและความคิดแบบคำตอบถูกต้อง มาช่วยคิดหาคำตอบ แต่หลายครั้งความคิดแบบประเมิน และความคิดแบบคำตอบถูกต้องก็ถูกนำมาเป็นข้อมูลจุดประกายให้เกิดการคิดแบบหลายแง่มุม อยู่บ่อยๆ

นายกิลฟอร์ดยังเชื่ออีกว่าการฝึกคิดแบบหลายแง่มุมจะทำให้เรากลายเป็นคนที่นักคิดสร้างสรรค์ที่ดี

การเรียนการสอนในโรงเรียนศิลปะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนครับ ศิลปะเป็นสิ่งที่ต้องทำด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความแตกต่างเป็นสรณะที่ศิลปินยึดถือ โจทย์ในโรงเรียนศิลปะล้วนสอนให้ต้องคิดให้แตกต่างจากคนอื่นตลอดเวลา 
แล้วความแตกต่างของศิลปะมาจากไหน

ก็มาจากความคิดหลายแง่มุมนั่นไงครับ

มาทางฟากวิทยาศาสตร์บ้าง ทฤษฎีใหม่ๆ หรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ทางวิทยาศาสตร์ที่เกิดขึ้นก็ล้วนมาจากการตั้งสมมติฐานก่อนแทบทั้งสิ้น

นึกดูดีๆ สิครับ ไอ้สมมติฐานนี่ก็คือความคิดแบบหลายแง่มุมดีๆ นี่เอง

หลายพันปีก่อน ความคิดเดิมเชื่อว่าคนเราเป็นโรคเพราะภูติผีปิศาจ อยู่ๆ มาวันหนึ่งก็เกิดมีคนคิดมุมอื่นว่าอาจจะมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ทำให้เราเป็นโรค

และจากสมมติฐานนั้นก็มีการใช้ความคิดแบบประเมิน และแบบหาคำตอบถูกต้องมาพิสูจน์หาความจริง

ถ้าความคิดแบบหลายแง่มุมเป็นตาน้ำของความคิดสร้างสรรค์ แล้วอะไรเป็นก้อนหินก้อนใหญ่ที่ขวางน้ำไม่ให้ไหล 
ผมเคยถูกถามบ่อยๆ เหมือนกันคำถามนี้

แล้วผมก็ตอบบ่อยว่า ความคิดความเชื่อแบบเคยชินนั่นแหละคือหินก้อนใหญ่

พรานป่าคนหนึ่งเห็นกระต่ายตัวหนึ่งวิ่งออกจากโพรงมาชนตอไม้ตาย พรานป่าจึงคิดว่านี่คือวิธีจับกระต่ายที่ดีที่สุดเพราะเขาเห็นกระต่ายตายคาตา เขาจึงเสาะหาตอไม้จำนวนมากมาวางไว้ตามโพรงเพื่อจับกระต่าย

ลูกหลานของพรานป่าเติบโตมาก็ทำตามอย่างที่คนรุ่นพ่อรุ่นปู่ทำไว้

ไม่มีใครคิดแง่มุมอื่น ไม่มีใครคิดค้นหรือตั้งคำถามเรื่องการจับกระต่ายแบบใหม่ๆ

กรณีนี้ สมมุติว่าถ้ามนุษย์บริโภคกระต่ายเป็นอาหารเพียงอย่างเดียว มนุษย์คงสูญพันธุ์ไปแล้วด้วยความคิดแบบเคยชินอย่างนี้

มนุษย์ไปดวงจันทร์ได้ มนุษย์หาวิธีรักษาโรคที่ไม่เคยรักษาได้ มนุษย์สร้างสิ่งก่อสร้างที่สูงกว่าต้นไม้ทุกต้นในโลกได้ หรือแม้แต่ปรุงอาหารที่เมื่อเข้าปากแล้วอร่อยไปอีกไม่รู้กี่ปีได้ ก็ล้วนมาจากความคิดที่จะหลีกให้พ้นความเคยชินแทบทั้งนั้น

กลับมาที่คำถามที่ผมตั้งไว้ให้ท่านผู้อ่านได้เล่นเกมกันวันนี้ครับ

จะเรียกว่าเป็นแบบฝึกหัดให้น้องๆ หลายคนที่อยากฝึกคิดให้หลีกหนีความคิดแบบเคยชินก็ไม่รังเกียจ

ได้คำตอบกันไว้ในใจหรือยังครับว่า กระดาษขนาดเอสี่ พับครึ่ง 32 ครั้ง จะมีความหนาเท่าไร 
คำตอบที่ถูกต้องคือ ไม่สามารถพับได้

คำตอบนี้หลายคนคงตอบถูก ซึ่งต้องเรียกว่าสามารถจินตนาการให้พ้นจากแรงดึงดูดของความคิดแบบเคยชินได้ ความเคยชินมันบอกเราตลอดเวลาว่าน่าจะพับได้เพราะกระดาษมันบาง

ใครไม่เชื่อก็ลองหากระดาษขนาดที่ว่ามาพับดู ผมนั้นพับได้แค่ 6 ครั้งก็พับต่อไม่ได้แล้ว ด้วยขนาดที่มันเล็กลงและความหนาที่เพิ่มขึ้น

แบบฝึกหัดต่อมาครับ

คำถามเดิม แต่ให้เงื่อนไขเพิ่มว่าถ้าเรามีเครึ่องมือที่สามารถพับครึ่งกระดาษที่ว่าได้ 32 ครั้งตามโจทย์ พับเสร็จแล้วจะมีความหนาเท่าไร จินตนาการดูนะครับ แล้วเก็บคำตอบไว้ในใจว่าหนากี่เซนติเมตร

ใครมีเครื่องคิดเลขอยู่ใกล้ๆ มาหาคำตอบพร้อมๆ กับผมเลยครับ

กระดาษพิมพ์ดีดโดยทั่วไปหนา 70 แกรม ที่ข้างห่อเขาเขียนไว้ว่า หนา 0.125 มิลลิเมตร หนายังไม่ถึงมิลด้วยซ้ำ

พับครึ่งก็หมายความว่าความหนาต้องเพิ่มเป็นสองเท่า นั่นคือ 0.125 คูณ 2 เท่ากับ 0.25 มิลลิเมตร ก็ยังไม่ถึงมิลอยู่ดี

พับครึ่งครั้งที่สอง 0.25 คูณ 2 เท่ากับ 0.5 มิลลิเมตร

พับครึ่งครั้งที่สาม 0.5 คูณ 2 เท่ากับ 1 มิลลิเมตร

จิ้มเครื่องคิดเลขตามผมไปเรื่อยๆ นะครับ พอถึงครั้งที่หกความหนาก็กลายเป็น 8 มิลลิเมตร ครั้งที่เจ็ดก็กลายเป็น 16 มิล ครั้งที่แปดก็เป็น 32 มิล ครั้งที่สิบก็ 128 มิล และครั้งที่ยี่สิบความหนาก็กลายเป็น 131072 มิล

หรือ 131 เมตร

เครื่องพับกระดาษยังคงทำหน้าที่พับต่อ ครั้งที่ยี่สิบเอ็ด ยี่สิบสอง ยี่สิบสาม พับไปเรื่อยๆ จนถึงครั้งที่ 32 ตามโจทย์

ตัวเลขตรงกับผมไหมครับ

536,870,912 มิลลิเมตร หรือ 536 กิโลเมตร

กระดาษเอสี่หนึ่งแผ่น พับครึ่ง 32 ครั้งจะมีความหนาเท่ากับระยะทางจากกรุงเทพฯไปลำปาง จินตนาการไปถึงไปไหมครับ 

ทำไมต้องใส่แหวนแต่งงานที่นิ้วนาง ?


ทำไมต้องใส่แหวนแต่งงานที่นิ้วนาง ?





ลองทำดูแล้ว...จริงๆ ด้วย
ทำไม ต้องสวมแหวนแต่งงานที่ นิ้วนาง ด้วย?
ไม่ใช่แค่เพราะเราเรียกมันว่า
ring finger แน่ๆ

มันต้องมี ความหมาย
มากกว่านั้น

ทดลองพิสูจน์ความมหัศจรรย์ด้วยตัวเอง

ลอง แบมือ 2 ข้าง
เข้าหากัน แล้ว งอนิ้วกลางลง เอา หลังนิ้วกลาง
ทั้ง 2 ข้าง มาชนกัน

ทีนี้นิ้วที่เหลือ
ก็คือ โป้ง/ ชี้/นาง/ ก้อย ให้เอาปลายนิ้วมาชนกัน

ลองปล่อยนิ้วที่เอาปลายชนกัน
ให้ออกจากกัน ทีละนิ้ว โดยที่ นิ้วกลางยังคงงอแตะกันอยู่

จะพบว่า นิ้วชี้
ก็ปล่อยจากกันได้ / นิ้วโป้งก็ปล่อยจากกันได้/
นิ้วก้อย ก็ปล่อยจากกันได้ อย่างสบายๆ

แต่นิ้ว นาง กลับ
ปล่อย ออกจากกันไม่ได้

นั่นเป็นเพราะ

- นิ้วกลาง แทน
ตัวเราเอง

- นิ้วโป้ง แทน
พ่อแม่ ซึ่งวันหนึ่งท่านก็ต้องจากเราไป

- นิ้วชี้ แทน
พี่น้อง ซึ่งเขาก็ต้องไปมีชีวิตของเขาเอง

- นิ้วก้อย แทน
ลูก พอโตขึ้น ลูกก็ต้องไปมีชีวิตของตัวเอง
/ มีสังคม, ครอบครัว ของตัวเอง

- นิ้วนาง แทน
"คู่ชีวิต" ทีนี้ก็เหลือแค่ "คู่ชีวิต" แล้วล่ะ ที่จะอยู่กับเราไปจนแก่ til death do us part


นั้นแน่.....แอบทำอยู่...........ช่าย....ม่า ^^

ถ้าคุณคิดจะไปฆ่าคนญี่ปุ่น นี่คือข้อควรระวัง


ถ้าคุณคิดจะไปฆ่าคนญี่ปุ่น นี่คือข้อควรระวัง




ถ้าคุณคิดไปจะฆ่าคนที่ญี่ปุ่น นี่คือข้อควรระวัง

1.อยู่ให้ห่างจากเด็ก ม.ปลาย ทั้งชายและหญิง เพราะพวกนี้อาจเป็นนักสืบ หรือไม่ก็มีพลังจิต

2.บางครั้งคุณต้องระวังเด็กประถมที่วิ่งเล่นไปมาในที่เกิดเหตุ พวกเค้าอาจพบหลักฐานหรือร่องรอยของคุณได้ง่ายๆ

3.นักสืบของญี่ปุ่นดูไม่น่ากลัวอย่างที่คุณคิด ที่ต้องระวังคือ ญาติหรือคนใกล้ตัวของพวกนี้ต่างหาก

4.ระวังเรื่องเวลาด้วย เพราะที่ๆคุณจะลงมือ นาฬิกาทุกเรือนจะเดินตรงกันเป๊ะ(นอกจากคุณจะเป็นคนไปตั้งใหม่)

5.ถ้าคุณถูกจับได้และพยายามจะหนี อย่าได้คิดจะจับเด็กหรือผู้หญิงในที่เกิดเหตุเป็นตัวประกัน เพราะพวกเธออันตรายมาก

6.ถ้าคุณเชิญเหยื่อมาที่เกาะหรือปราสาทส่วนตัวเพื่อลงมือ ให้ระวังแขกที่ปรากฏตัวโดยไม่ได้รับเชิญ หรือไม่คิดว่าจะมา ไล่กลับไปซะ

7.ห้องลับหรือกลไกในปราสาทหรือบ้านของคุณมักถูกพบเห็นก่อนที่คุณจะได้ใช้มันซะอีก โดยคนที่ไม่ได้เชิญนั่นแหละ

8.ถ้าคุณอยู่ในองค์กรลับ ให้ระวังพวกผู้หญิงในองค์กรให้ดี พวกนี้แหละที่จะหักหลังคุณได้ง่ายๆ

9.ถ้าคุณถนัดซ้าย ให้ระวังทุกครั้งที่จะใช้มันฆ่าคน เพราะอาจกลายเป็นหลักฐานมัดตัวตอนหลัง

10.ถ้าคุณต้องการที่ปรึกษาก่อนลงมือ นักมายากล และนักจิตวิทยา อาจช่วยคุณได้

11.หลังลงมือถ้ามีคนพูดขึ้นมาว่า "ปริศนาทุกอย่างไขกระจ่างแล้ว" หรือมีคนเชิญให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ๆหนึ่ง อย่าไป ให้หนีได้เลย

12. เมื่อคุณเห็นผู้ที่จะเปิดเผยตัวคนร้ายหลับให้เดินไปดูด้านหลัง แล้วเปิดเผยตัวคนที่แอบพูดอยู่ข้างหลังก่อน

13. ถ้ามีเด็กๆคนไหนชอบถามนั่นถามนี่ ท่าทางไม่อันตราย นั่นจะเป็นตัวอันตรายที่สุด แต่ระวัง ฆ่าปิดปากได้ยาก โดนหนักแค่ไหนจะบาดเจ็บนิดหน่อย ถ้าจะฆ่าปิดปากต้องตัดหัวออกมาเลยไม่งั้นไม่ตายหรอก

14.. คน (พระเอก) พวกนี้มันอันตรายกว่าฆาตกรซะอีก เกิดใต้ดาว(คนอื่น)มรณะทั้งนั้นไปไหนซวยนั่น

15. พยายามอย่าโยงสาเหตุในการฆาตกรรมต่อเนื่องของคุณ กับตำนานต่าง ๆ เพราะอีกไม่นานคุณจะถูกจับไต๋ได้ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตำนานนั่นเลย ถ้าสาเหตุในการฆ่าคนของคน คือล้างแค้นให้คนรัก พยายามอย่าไปเล่าประวัติของคนรักของคุณให้คนที่เข้ามาป้วนเปี้ยนในคดีของคุณเป็นอันขาด ถึงแม้คนอื่น ๆ จะมีแรงจูงใจเหมือนคุณก็ตามคนที่คุณควรฆ่าเป็นคนแรก คือ ผู้ไม่เกี่ยวข้อง ที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับคดีของคุณ

16. ถ้าเจอเด็กเดินวนเวียนอยุ่ในที่เกิดเหตุตอนกลางคืนให้ฆ่าซะ

17พยายามอย่าลงมือด้วยตัวเอง โทรสั่งจากเมืองไทยดีที่สุด

18. ถ้าไม่สามารถไล่แขกที่ไม่ได้รับเชิญตามข้อ 6 กลับไปไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม มีทางเลือกให้คุณสองทางคือ 1. เจี๋ยนแขกไม่ได้รับเชิญพร้อมพรรคพวกซะก่อน แม้ว่าจะอยู่นอกแผนก็ตาม หรือ 2. รอลงมือคราวหน้า

19. พวก ม.ปลายมีพลังจิต ก็เอย์จิ ไซโครเมทเลอร์ไง ต่อให้วางแผนแนบเนี่ยนแค่ไหน มันเอานิ้วจิ้มทีเดียวเป็นโดนทุกราย

20. มองซ้าย มองขวา มองข้างหน้า มองข้างหลังก่อนจะตอบ ก็ไม่เห็นยากเลยนี่ แค่บอกว่า ไอ้...มันทำ หรือไม่ก็ รู้มั้ยผม...ใคร น่ะ

21. ก่อนจะลงมือฆ่า ให้คิดให้ดีซะก่อน เพราะยังไงๆ ตอนหลังก็จะมีคนมาคลี่คลายทริกที่คุณอุตส่าห์อดหลับอดนอนคิดแทบตาย หรือรอคอย วางแผนมาเป็นปีๆ เค้าสามารถเปิดโปงคุณได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว แถมยังจะมาพูดเกลี้ยกล่อมจนคุณรู้สึกผิดอีกตะหาก เพราะงั้นเลิกคิดฆ่าด้วยตัวเอง หันไปใช้บริการมือปืนรับจ้างดีกว่า

22. จริงๆไม่ต้องเที่ยวไปหาหลักฐานให้เหนื่อยหรอก ลองหาซักคนที่ดูว่าน่าจะใช่คนร้าย แล้วก็เอานิ้วชี้หฟน้ามันแล้วบอกว่า "คนหละคนร้าย" (เห็นทุกเรื่องเลย ชอบแก้ตัวว่า มีหลักฐานมั้ย?? ) 

15 เรื่องจริง เกี่ยวกับญี่ปุ่น


15 เรื่องจริง เกี่ยวกับญี่ปุ่น



1. ที่ญี่ปุ่น ไม่ว่าจะถนนจะโล่งแค่ไหน หรือจะเป็นตอนดึกที่ถนนว่างไม่มีรถซักคันแค่ไหน คนญี่ปุ่นจะไม่ข้ามถนนเลย แต่จะเดินไปจนเจอ ทางม้าลายและรอไฟเขียวให้คนข้ามถึงจะข้าม (เป็นระเบียบสุดยอดเลย)

2. การให้บริการลูกค้าในญี่ปุ่นเน้นเรื่อง Service Mind เป็นอย่างมาก หากไปญี่ปุ่นแล้วมีโอกาสไปห้างสรรพสินค้าหรือตามร้านต่างๆ ก็จะได้รับการบริการเหมือนเป็นพระเจ้าเลยล่ะ หลังจากซื้อของเสร็จ พนักงานจะคอยยืนส่งลูกค้าไปจนลับสายตา เพราะถือว่าหากลูกค้ามองกลับมาแล้วไม่เจอพนักงาน จะถือว่าเสียมารยาท

3. คนญี่ปุ่นมีอัตราการฆ่าตัวตายต่อปีที่สูง หนึ่งในวิธียอดนิยมคือ การกระโดดให้รถไฟทับตาย แต่รู้มั้ยว่าถ้าหากกระโดดให้รถไฟทับตาย พ่อแม่ญาติพี่น้องจะต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนที่แพงมหาศาล เพราะถือว่าทำความเดือดร้อนให้กับบริษัทรถไฟที่ต้องหยุดวิ่ง เพื่อทำความสะอาดรางและรถไฟ และต้องสูญเสียรายได้ (จะตายทั้งที ก็อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนนะ ทางที่ดีอย่าตายดีกว่า)
4. ห้ามฟังเพลงจากหูฟัง ในขณะที่ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยาน เพราะทำให้สมรรถภาพการขับขี่ลดลง ถ้าตำรวจพบ จะถูกปรับ
5. รวมถึงการซ้อนจักรยาน ถึงจักรยานจะมีเบาะให้ซ้อน ก็ห้ามซ้อน เพราะตำรวจอาจเรียกได้ เบาะซ้อนมีไว้วางของ ยกเว้นเด็กเล็กที่ซ้อนได้ แต่ต้องนั่งเบาะพิเศษของเด็ก (หนุ่มสาว อดซ้อนสวีทกันเลยล่ะสิ)
6. ที่ญี่ปุ่นไม่มีหมาจรจัด มีแต่แมวจรจัด ซึ่งก็มีน้อยมากๆ เพราะหมาจรจัด หรือที่ถูกทอดทิ้ง จะถูกเทศบาลจับไปหมด ได้ยินว่าถูกเอาไปฆ่าด้วย สงสารน้องหมาอ่ะ T^T
7. ถ้าลืมของไว้ที่ร้านอาหารหรือข้างทาง ไม่ต้องกลัวว่าจะหาย สองวันผ่านไปมันจะยังคงอยู่ที่เดิม ( หรือทางร้านจะเก็บไว้ให้) เพราะฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจ ถ้าไปญี่ปุ่นแล้วเห็นมีหมวก ผ้าพันคอ กระเป๋า แขวนตามต้นไม้ เพราะคนที่เก็บได้เขาจะนำมาแขวนไว้ใกล้ๆกับที่มีคนทำตก เพื่อให้เจ้าของกลับมาตามหาเจอ (ที่ไทย สองวินาทีหายเรียบ 5555)
8. ของแฮนด์เมดที่ญี่ปุ่น ราคาแพงมากกกกกกกกกก คนจะยกย่องและฮือฮามาก ถ้าคุณทำของแฮนด์เมดได้ เพราะถือว่ามีฝีมือสุดยอด

9. คนท้องจะมีแท็กจากโรงพยาบาลให้พกติดตัวไว้ตลอดเวลาทุกครั้งที่ออกจากบ้าน เพื่อที่คนอื่นจะได้รู้ว่าคนนี้ท้อง และจะได้บริการให้เป็นพิเศษ เช่น ลุกให้นั่งบนรถไฟใต้ดิน (เพราะบางคนก็อ้วนไง)

10. ห้องพักตามอพาร์ทเมนท์ คอนโด และโรงพยาบาลที่ญี่ปุ่น จะไม่มีห้องหมายเลข 4 เพราะถือว่าเป็นตัวเลขอัปมงคล เพราะอ่านออกเสียงพ้องกับคำที่แปลว่า ตาย

11. ร้านอาหารที่ญี่ปุ่น ไม่อนุญาตให้นำอาหารหรือเครื่องดื่มจากร้านอื่นมาทานในร้าน แม้กระทั่งน้ำเปล่าจาก 7-11
12. 7-11 หรือร้านสะดวกซื้ออื่นๆ มีห้องน้ำให้เข้าฟรี (ดีจัง)
13. เวลาทิ้งขยะที่เป็นขวดกล่องน้ำหรือนม จะต้องล้างขวดหรือกล่องนั้นให้สะอาดก่อนแล้วค่อยทิ้ง เพราะหากทิ้งลงไปทั้งอย่างนั้น ของข้างในอาจบูดเน่าและส่งกลิ่นเหม็น (สุดยอดๆ)

14. สามารถยืนอ่านหนังสือโป๊หรือการ์ตูนโป๊ได้แจ่มๆ ไม่มีใครมองด้วยสายตาแปลกประหลาด (555555 จะดีเหรอ) โอ้..... ในฝันเลย
15. ผู้ชายญี่ปุ่นแทบทุกคน ชอบกันคิ้ว เพราะผู้ชายที่นี่รักสวยรักงามไม่แพ้ผู้หญิง ถ้าไปทำผมในร้านเสริมสวย ช่างทำผมจะถามแน่นอน ว่าจะกันคิ้วเพิ่มด้วยมั้ย

เหตุผลยอดนิยมที่คนรักมักบอกเลิก


เหตุผลยอดนิยมที่คนรักมักบอกเลิก




เวลาที่จีบกันใหม่ ๆ คนเราก็มักสรรหาเหตุผลมาหว่านล้อมให้อีกฝ่ายหนึ่งใจอ่อน ยอมยกใจให้ไปครอบครอง ไม่ใช่เวลาที่จีบกันเท่านั้นนะที่เราต้องหาเหตุผลมาสนับสนุนความคิด เวลาที่ต้องการจะขอเลิกก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเหตุผลมาจากไหนมากมาย บางเหตุผลก็ฟังดูดี แต่บางเหตุผลนี่สิ อย่างเช่น “เธอดีเกินไป” เนี่ยะ!!! ถามหน่อยว่า แล้วไอ้ตอนแรกมาจีบฉันทำไม เราลองมาดูกันดีกว่าว่า มีเหตุผลอะไรกันบ้างที่คนส่วนใหญ่เค้าหยิบยกขึ้นมาเพื่อขอเลิกกับแฟน


ลืมแฟนเก่าไม่ได้ 
ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าลืมไม่ได้แล้วมาจีบคนอื่นอีกทำไม แล้วสุดท้ายใครล่ะที่เสียใจ คนเราเนี่ยนะ ถ้าคิดว่าจะมีความรักครั้งใหม่แล้วก็ควรที่จะทิ้งอดีตไว้ข้างหลังซะ หรือว่าถ้ามันทำไม่ได้จริง ๆ ก็เปลี่ยนเป็นการเก็บเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีตมาปรับปรุงใช้กับคนที่เรากำลังจะเริ่มใหม่ด้วย เช่น นิสัยที่ไม่ดี พฤติกรรมที่เคยใช้กับคนรักเก่าแล้วเค้าไม่ชอบ เราก็ปรับปรุง ไม่นำมาใช้กับความรักครั้งใหม่ ป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอยน่าจะดีกว่านะ 

วิถีแตกต่าง

ฉันชอบแบบนี้ แต่เธอชอบแบบนั้น เข้ากันไม่ได้เลยสักอย่าง อันนี้ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ความรักของ คุณไปไม่ถึงฝั่ง จะบอกให้นะว่า การมีไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะทำให้คนเราต้องเลิกกัน เพราะเราสามารถที่จะแบ่งเวลาเพื่อทำกิจกรรมร่วมกับคนที่คุณรักได้ เช่น เขาชอบดูฟุตบอลเอามาก ๆ และจะต้องทะเลาะกันทุกครั้งเวลาที่คุณอยากไปดูหนัง แต่เค้าติดนัดบอลแมตช์สำคัญ แต่แทนที่จะโมโหใส่กัน ก็เปลี่ยนมาเป็นผลัดกันยอมบ้าง เช่น แมตช์นี้เค้าพลาดไม่ได้จริง ๆ คุณก็เปลี่ยนจากการงอนใส่ เป็นทำอาหารมื้ออร่อยไว้กิน กันสองคนในโรงหนังส่วนตัว (แต่วันนี้ฉายฟุตบอล) เป็นต้น รับรองว่า ชีวิตรักของคุณจะไม่มีคำว่า “ต่างกัน” 

ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวมากเกินไป

สาเหตุที่ทำให้คนเราเข้าไปก้าวก่ายกับเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายมากเกินไปคือ การระแวง และไม่ไว้ใจ ซึ่งเหตุผลนี้แหละที่ทำให้อีกฝ่ายต้องตามจิก เธออยู่ไหนแล้ว อยู่กับใครบ้าง ผู้หญิงหรือผู้ชาย แล้วไปเจอกันได้อย่างไร สนิทกันแค่ไหน และอีกหลากหลายคำถามที่น่ารำคาญตามมา และจากสาเหตุเหล่านี้มันก็มีส่วนทำให้ชีวิตความเป็นส่วนตัวของอีกคนหนึ่งขาดหายไป เพราะแทนที่จะบอกแค่พ่อแม่อย่างเดียว เดี๋ยวนี้ต้องรายงานแฟนด้วย โอ๊ย!!ขออยู่คนเดียวจะดีกว่า ฉะนั้น จำไว้ว่า ถ้าเขาอยากให้เรารู้ และไม่อยากให้เราเป็นห่วง เค้าก็โทรฯหาเราเอง ไม่ต้องไปเซ้าซี้มาก เดี๋ยวจะอยู่กันไม่ยืด


ยังไม่ใช่ (สำหรับกันและกัน)

คนเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอีกคนหนึ่งใช่หรือไม่ใช่ ก็ต้องเริ่มจากการศึกษากันไปสักระยะหนึ่งก่อน แล้วจะรู้ได้เองว่าคนไหนใช่หรือไม่ใช่ แต่สำหรับบางคนก็ใช้คำว่า “ยังไม่ใช่” มาเป็นข้ออ้างในการขอเลิก เพื่อที่จะไปคบกับคนอื่น ๆ อีก อันนี้ต้องระวังนะ เพราะอาจจะเข้าข่ายอีกหนึ่งเหตุผล นั่นก็คือ “ไม่รู้จักพอ”

นอกจากนี้แล้วก็ยังมีอีกมากมายหลายคำอ้างที่หยิบยกขึ้นมาเพี่อบอกเลิกกัน เอาเป็นว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ควรใช้สติในการคิดให้รอบคอบก่อนที่จะตอบตกลงเลิกกัน เพราะหลังจากที่พูดแล้วคุณอาจแก้ไขอะไรไม่ได้อีก

ความลับของชาวโลก


ความลับของชาวโลก




สิ่งที่ท่านได้อ่านต่อไปนี้ คัดลอกมาจากบางส่วนของ วิทยานิพนธ์ของมนุษย์ต่างดาว จากดาว M 71 ผู้หนึ่งที่แฝงกายมาทำวิจัยลับๆ เกี่ยวกับมนุษย์โลก 
นี่คือสิ่งที่เขาเขียนในวิทยานิพนธ์ระดับด็อกเตอร์ ซึ่งมีชื่อในภาษา M71 ว่า "อาบากาตุ เซโส มนุษโลกุถัง" หรือแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "พฤติกรรมมนุษย์โลก"

1. มนุษย์โลกเพศผู้ มีลักษณะทางกายภาพอ่อนแอ กว่ามนุษย์เพศเมีย มีข้อพิสูจน์ดังต่อไปนี้

- มนุษย์โลกเพศผู้ ต้องสวมใส่เครื่องปกป้องร่างกายอย่างมิดชิด ในขณะที่มนุษย์โลกเพศเมียสามารถ เปิดเผยผิวเนื้อได้โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ

- เมื่อมีการต่อสู้ มนุษย์โลกเพศเมียจะหลั่งสาร บางอย่างออกมาจากนัยน์ตา เมื่อนั้น มนุษย์โลกเพศผู้ จะยอมแพ้ทันทีโดยไม่คิดต่อสู้ต่อ

- ส่วนใหญ่มนุษย์โลกเพศผู้จะหวั่นเกรงมนุษย์ เพศเมียเสมอ

- ในการสืบพันธุ์ของมนุษย์ พบว่ามนุษย์โลกเพศผู้บางคน จำเป็นต้องสวมเกราะป้องกันด้วย มิเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต

- ถึงแม้จะแข็งแรงปานนี้ แต่มนุษย์โลกเพศเมีย บริโภคอาหารในปริมาณที่ต่ำมากต่อวัน แต่กลับมีน้ำหนัก เพิ่มขึ้นได้รวดเร็วกว่ามนุษย์เพศผู้

- เมื่อประสงค์จะยุติความสัมพันธ์ใดๆ บางครั้งมนุษย์เพศเมียจะตัดหางที่อยู่ด้านหน้าใต้ท้องของมนุษย์เพศผู้ ซึ่งอาจจะทำให้มนุษย์เพศผู้เสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน

2. มนุษย์โลกแม้จะนับถือศาสนาที่แตกต่างกัน แต่มนุษย์โลกจะประดับเครื่องรางของขลังเหมือนๆ กัน โดยเครื่องรางนี้มีรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีปุ่มเรียงกันอยู่ประมาณ 15 - 18 ปุ่ม มีแสงและเสียงออกมาบางครั้ง โดยมนุษย์โลกบางคนศรัทธามาก จะห้อยคอ บ้างก็ใส่กล่องหรือถุงอย่างดีใส่ไว้ในกระเป๋า

บางครั้งมนุษย์จะทำความเคารพเครื่องรางนี้ ด้วยการนำมาทัดหูเพื่อรับฟังเสียงบางอย่างคาดว่าเป็นการติดต่อกับพระเจ้า ในบางเวลามนุษย์จะนำเครื่องรางนี้ตั้งบูชาไว้บนแท่นขนาดเล็ก เพื่อสักการะก่อนเข้านอน 
3. นอกจากนั้น มนุษย์โลกส่วนใหญ่นั้นเชื่อในเวทย์มนตร์คาถา ถึงกับพกพาเอาตำราคาถาเวทย์มนตร์ต่างๆ ติดตัวไว้ตลอดเวลา ขนาดหนาบ้างบางบ้างตามสะดวก

4. มนุษย์โลกสามารถฆ่ากันได้ง่ายๆ แม้จะนับถือพระเจ้าองค์เดียวกัน

5. มนุษย์โลกเชื่อว่า ยานเหล็กที่หุ้มตัวเวลาเดินทาง สามารถบ่งบอกสถานะทางสังคมได้

6. มนุษย์โลกสามารถหัวเราะ ร้องไห้ โกรธเคือง คลั่งแค้น หรือกระทั่งสำเร็จความใคร่ได้ ด้วยการมองจ้องจอสี่หลี่ยมเท่านั้น

7. มนุษย์ส่วนใหญ่เชื่อในหลักการปกครองด้วยเสียงข้างมาก แต่น่าแปลกที่มนุษย์ส่วนใหญ่นับล้าน อาจจะพบกับความลำบากอย่างยิ่งได้จากน้ำมือของคนกลุ่มเล็กกว่า หากว่าคนกลุ่มเล็กนั้นเป็น "นักการเมือง" 
8. มนุษย์ทุกคนต้องกินอาหาร แต่มนุษย์กลุ่ม ที่มีหน้าที่ผลิตอาหาร ส่วนใหญ่มักจะยากจน และอดอยาก

หลายเรื่องที่คุณไม่รู้


หลายเรื่องที่คุณไม่รู้




-เพลงชาติไทยบรรเลงครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2475 ซึ่งมีแต่ทำนองไม่มีเนื้อ
-จากปี พ .ศ. 2475 ถึงปัจจุบันเพลงชาติไทยได้รับการแก้ไขเนื้อร้องมาแล้ว 3 ครั้ง เนื้อร้องเพลงชาติไทยในปัจจุบันสั้นกว่าครั้งที่1 และครั้งที่ 2 ถึง 1 เท่าตัว
-สวนกุหลาบเป็นโรงเรียนที่มีศิษย์เก่าเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด จำนวน 7 คนคือ พระยามโนปกรณ์ นิติธาดา,ทวี บุญยะเกตุ, ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช, ปรีดี พนมยงค์ , ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช,ธานินทร์ กรัยวิเชียร และ พล.อ.เปรม ตินสูลานนต์
-เนเทอร์แลนเป็นประเทศที่มีหมาประจำชาติ
-ประเทศวาติกันไม่มีคนเกิด เพราะห้ามคนที่แต่งงานอยู่
-ธงชาติอิตาลีออกแบบโดยนโปเลียน
-มีเด็กผู้ชาย 5 คน พระ 1 รูป อยู่ในธนบัตร 100 บาทรุ่นปัจจุบัน
-ส่วนแบงก์พันรุ่นปัจจุบันมีเป็ด 7 ตัว ควาย 1 ตัว และสัตว์สี่ขาที่ระบุชนิดไม่ได้อีกสองตัว
-ต้นหอม( ราคา 9 บาท ) เป็นอาหารรายการแรกในเมนูของร้านเอ็มเคสุกี้
-ขนมจีนไม่ได้มาจากเมืองจีน แต่มาจากคำว่า ขนอมจิน เป็นภาษามอญ
-ต้องใช้น้ำประมาณครึ่งแกลลอนในการทำมักกะโรนี 1จาน และต้องใช้น้ำอีกประมาณ 1 แกลลอนในการล้างหม้อ
-นักวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ว่าทุกๆ 4 คนจะมีคนหนึ่งที่สติเพี้ยนๆลองเช็กเพื่อนข้างๆสัก 3 คนสิ ถ้าทุกคนปกติ ก็แสดงว่าเป็นเรานั่นแหละ
-ขนมทอดกรอบ ปูไทย ระบุว่าไม่มีส่วนผสมของเนื้อปูเลย
-ตำไทยใส่ปู กับตำปูใส่ถั่วนั้นไม่เหมือนกัน
-ถั่วพีแคน คืออาหารชนิดเดียวที่นักบินอวกาศเอาออกนอกโลกได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการ Dehydrated
-ถ้าเคี้ยวหมากฝรั่งเวลาปอกหัวหอมจะไม่ร้องให้
-สีราม กฤษณะ วิศวกรด้านการแพทย์ชาวสิงคโปร์จดสิทธิบัตรการออกแบบวัสดุอุดฟันชนิดใหม่ของเขาไว้ว่าทำมาจากชิ้นส่วนของรถถังหุ้มเกราะ
-มีคู่รักคู่หนึ่งในเมือง Elizabethan ประเทศอังกฤษ ใช้แอบเปิ้ลดูดซับกลิ่นใต้รักแร้ของกันและกัน เพื่อแลกเอาไว้ดูต่างหน้า วันใหนที่คิดถึงกันก็จะหยิบแอปเปิ้ลผลนั้นขึ้นมาดม
-นมตราหมีกับเครื่องดื่มกระทิงแดง เป็นยี่ห้อที่มีสัตว์สองตัวอยู่ในโลโก้ แต่ชื่อที่เขียนไว้กลับไม่เติม s ( Baer และ Red Bull)
-โลโก้ร้านแมงป่อง ตัวแมงป่องขยิบตาข้างขวาให้
-ไตรภพ ลิมปพัทธ์ พบรักกับ พิจิตรา (ภรรยา) ที่เกาะสมุย จ.สุราฎษ์ธานี ขณะนั้นเขาเรียนอยู่ชั้น ม.5 โรงเรียนวัดสระเกศ
-ภาษาฮาวายมีตัวอักษร 12 ตัว
-โดนัลด์ ดักส์ถูกแบนในประเทศฟิลแลนด์ เพราะมันไม่ได้ไส่กางเกงใน
-ภาพยนต์เรื่อง Turning poit และ The Color Purple ได้รับการเสนอเข้าชิงออสการ์ 11 รางวัลเท่า และพลาดเรียบทุกรางวัลเหมือนกัน
-ห้าง เดอะมอลด์ 2 อยู่ตรงข้ามกับ เดอะมอลด์ 3
-รถเมล์สายที่วิ่งระยะทางสั้นที่สุดคือ สาย 1 วิ่งจากถนนตกไปท่าเตียน
-รถเมล์สาย 72 มีกริ่งทั้งหมด 17 อัน
-ในแต่ละวันทั่วโลกมีคนสมัค อีเมลของ hotmail เยอะกว่า ส.ส. ไทยรักไทย กับแกนนำหน้าทำเนียบบวกกันเสียอีก
-ตอนที่ F4ไปเปิดคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซียทำให้เด็กนักเรียนเกือบ 100 คนต้องเรียนซ้ำชั้น เพราะไม่ได้ไปลงทะเบียนเรียนเทอม 2
-นาฬิกาตาย จะบอกเวลาถูก วันละสองครั้ง
-ตอง ภัครมัย โปรตระนันทน์ มักใช้รถไฟฟ้าเส้นทางจากสยามไปศาลาแดง เพื่อไปทำผม
-คาสิโนในลาสเวกัลไม่มีหน้าต่าง และไม่มีนาฬิกา
-สมองของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เดิมทีถูกเก็บไว้สำหรับวิจัย แต่สมองบางส่วนได้ถูกหมอขโมยไประหว่างการชันสูตรศพโดยถูกเก็บไว้ในโถใต้อ่างล้างจานในอพาร์ตเมนต์ของหมอคนนั้น ต่อมาเขาได้มอบสมองส่วนหนึ่งเป็นของขวัญวันคริสต์มาสให้เพื่อนหมอด้วยกัน
-วอลต์ ดิสนีย์ เสียพรหมจรรย์ในวันเกิดครบรอบ 18 ปี
-คนญี่ปุ่นมาซื้อเสื้อยืดลายมิกกี้เมาส์ที่สวนจตุจักรมากกว่าคนชาติอื่น
-มีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่หุ่นดีได้จนถึงวันวิวาห์ และมีเหลือแค่ 23% ที่ทนผอมได้จนกระทั่งมีลูกคนแรก
-เด็กผู้ชายที่อยู่หอ นิยมนำเสื้อยืดมาทำเป็นปลอกหมอนกันมาก
-ผู้หญิงกระพริบตามากกว่าผู้ชายประมาณ 2 เท่า
-วัยรุ่นผู้ชายจะคิดเรื่องเพษ ทุกๆ 15 นาที
-ผมจริงของ เอลวิส เพรสลีย์ เป็นสีบอรนด์ แต่เขาย้อมเพราะเขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ รอย ออบิสัน
-เราเป็นโรคหวัดในวันจันทร์มากกว่าวันอื่น
-ก่อนที่กระดาษทิชชู่จะถูกค้นพบ ในวังของฝรั่งเศสใช้ผ้าลินินอย่างดีเช็ดก้น
-สมเด็จฮุนเซ็น ผู้นำกัมพูชามีถุงกอล์ฟทั้งหมด 200 ถุง และมีไดรฟ์เวอร์ 500 อัน
-หอยทากสามารถหลับได้นานถึง 3 ปีโดยไม่ต้องกินอะไรเลย
-จำนวนแถวของข้าวโพดทุกฝักจะเป็นเลขคู่
-ผู้ชายอาจเป็นคนที่ค้นพบความร้อนที่เรียกกันว่า ไฟ แต่ผู้หญิงเป็นคนที่ค้นพบวิธีเล่นกับไฟ

ผู้หญิงจำไว้ อย่าทำแบบนี้กับผู้ชายที่เราไม่คิดอะไรด้วย


ผู้หญิงจำไว้ อย่าทำแบบนี้กับผู้ชายที่เราไม่คิดอะไรด้วย




ฝากถึงคุณผู้หญิงทั้งหลาย ไม่ว่าคุณจะมีใครแล้วหรือไม่

อย่าได้ทำแบบนี้กับผู้ชายที่เราไม่ได้คิดอะไรด้วย ไม่ว่าจะเป็น... 


- โทรหาเวลาดึกๆ เพราะเวลานี้มีไว้ให้คนพิเศษเท่านั้น

ดังนั้นขอร้องคุณ อย่าโทรมาบ่อยๆ ครั้งละนาน ๆ

เพราะไม่งั้นผมจะพาลคิดเข้าข้างตัวเองไปใหญ่ 


- อย่าโทรหาเพื่อร้องเพลงให้ฟัง และให้เราช่วยร้องด้วย

ถ้าผมถามว่าโทรไปร้องเพลงให้คนอื่นฟังบ่อยเหรอ อย่าตอบว่า . . .

"เปล่า เราโทรมาร้องให้เธอฟังคนเดียว"



- อย่าเล่าเรื่องราวครั้งก่อนกับแฟนคนเก่า และอย่าพูดว่าตัวเองเหงา

อยากมีใครสักคนให้ได้ยิน เพราะผมอาจจะอยากเป็นคนๆ นั้น



- อย่าบอกว่าชอบทำขนม และเมื่อผมขอให้ทำให้ทานบ้างก็อย่าตอบว่า "ได้"

เพราะสำหรับผมการมีใครสักคนทำขนมให้ทานมันไม่ได้แปลว่าเพื่อนธรรมดาๆ สักคนแล้ว 


- อย่าร้องไห้ให้ฟัง หรืออย่างน้อยก็อย่าทำเสียงให้ผมเข้าใจว่า . . .

คุณกำลังร้องไห้เสียใจอยู่ เพราะไม่งั้นผมจะอ่อนแอ

และผมก็อยากจะช่วยคนที่กำลังอ่อนแอ แต่เวลานั้น

ผมไม่มีอะไรป้องกันตัวเลย ถ้าคุณกำลังจะทำร้ายผม 


- อย่าคุยโทรศัพท์กับผมถึงเช้า

ก่อนจะบอกอรุณสวัสดิ์พร้อมกับราตรีสวัสดิ์

เพราะไม่งั้นก่อนนอนผมจะคิดถึง และในฝันก็คงมีแต่ภาพคุณ 


- อย่าพูดว่าอยากเจอ หรือถามว่าว่างวันไหน

เพราะทุกครั้งที่คุณบอกว่าอยากเห็นหน้า

ผมเอง... อยากจะพูดอย่างนั้นตั้งแต่เริ่มโทรศัพท์หาแล้ว 


- อย่าโทรหาผมตั้งแต่ผมยังไม่ตื่นนอน

เพราะคุยกับคุณถึงเช้าเพื่อบอกว่าวันนี้เราเจอกันนะ

ถ้าผมบอกว่ายังหลับอยู่เลย อย่าบอกผมว่าคุณจะรอที่นั่น...

คุณอยากจะไปไหนก็ไปตามใจคุณดีกว่า หากคุณรอ...

คุณก็กำลังจะได้ใจผมไปทั้งหมดใจแล้วนะ... 


- อย่าเดินเข้ามาใกล้ผม อย่าแตะมือ และอย่าคล้องแขน

มันไม่ได้น้ำเน่าขนาดที่ว่าผมได้ยินเสียงหัวใจคุณเต้น

แต่ผมจะได้ยินเสียงหัวใจผมเต้นมากกว่าคุณต่างหาก 


- ก่อนจะแยกกัน อย่าชวนผมไปหาอะไรทาน อย่าชวนผมไปเดินดูของ

อย่าแม้แต่จะให้ผมไปส่งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้

เพราะผมอาจจะหาทางกลับมาคนเดียวไม่ได้อีกแล้ว
เหตุผลนะเหรอ . . . ก็เพราะผมกลัวรักคุณจนถอนตัวไม่ขึ้นนะสิครับ!