THE NATURAL OF REVENGE: Mythology : ตำนานบริวารของดาวพฤหัส

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Mythology : ตำนานบริวารของดาวพฤหัส


Mythology : ตำนานบริวารของดาวพฤหัส


ดาวนพเคราะห์ในระบบสุริยะนั้น ต่างก็มีดวงจันทร์เป็นบริวารเช่น เดียวกับโลกของเรา หากทว่าดวงจันทร์ ของดาวอื่นนั้น ล้วนมีนามที่ตั้งไว้ อย่างไพเราะเพราะพริ้ง และมีตำนาน อันเป็นที่มาของนามเหล่านั้น ซึ่งน่าสนใจยิ่ง วันนี้เราขอนำเอานามของดวงจันทร์ บริวารของดาวพฤหัสบดี ที่นักดาราศาสตร์ได้ตั้งตามชื่อบุคคล ในตำนานโบราณของกรีกและโรมัน มาเล่าสู่กันฟัง

ดาวพฤหัส เป็นดาวเคราะห์ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะของเรา นักดาราศาสตร์ยุคแรกๆ จึงตั้งชื่อให้ว่า "จูปีเตอร์" (Jupiter) อันเป็นนามของจอมเทพที่มีอำนาจสูงสุดของชาวโรมัน (ภาษากรีกใช้ว่า "ซูส" (Zeus))

บริวารของดาวพฤหัสนั้นมีถึง 13 ดวง ซึ่งแบ่งออกเป็น "กลุ่มใหญ่" และ "กลุ่มย่อย" กลุ่มใหญ่มี 4 ดวง ล้วนแต่ มีขนาดโตกว่าและไล่เลี่ยกับดวงจันทร์ ของโลกเราทั้งสิ้น (จึงเรียกว่าเป็น "กลุ่มใหญ่") ได้แก่ "คัลลิสโต", "ยูโรปา", "ไอโอ" และ "แกนีมี้ด" 
ส่วนดวงจันทร์บริวารอื่นๆ นั้นมีขนาดเล็กเกินไป นักดาราศาสตร์ไม่สนใจที่จะตั้งชื่อเสียงเรียงนามให้ จึงเรียกกันว่าเป็นบริวาร "กลุ่มย่อย" เท่านั้น 
ชื่อของดวงจันทร์บริวารกลุ่มใหญ่ 4 ดวงนั้น ตั้งขึ้นตามชื่อของมเหสี และบริวารที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์จูปีเตอร์ ทั้งนั้น คือทั้ง "คัลลิสโต", "ไอโอ" และ "ยูโรปา" ต่างก็เคยเป็นสาวงามที่ได้รับตำแหน่งชายา ของจอมเทพมาแล้วทั้งสิ้น เว้นแต่ดวงที่ 4 "แกนีมี้ด" ที่ออกจะแปลกกว่าเพื่อนหน่อยตรงที่เป็นผู้ชาย ทว่าก็เป็นชายที่ท่านท้าวจูปีเตอร์ หรือซูสโปรดปรานเป็นพิเศษ (โดยไม่ได้ ทรงเป็นโฮโม!) นับว่าผู้ที่ตั้งชื่อให้แก่ดวงจันทร์ของดาวพฤหัสนี้ ท่านพิถีพิถันและใช้ความรอบรู้ในทางวิชาตำนานศาสตร์ (Mythology) มาพิจารณาประกอบด้วย อย่างน่าชมเชยยิ่ง และต่อไปนี้คือตำนานที่มาของแต่ละชื่อดังกล่าว

"คัลลิสโต" (Callisto) คือธิดาของ ลีคาออน (Lecaon) ราชาแห่งอาร์คาเดีย ผู้เป็นเจ้าของตำนาน "มนุษย์หมาป่า" ที่น่าขนพองสยองเกล้า นาม"ลีคาออน" เป็นต้นศัพท์ของคำว่า "ลีแคนโธรปี" (Lycan-thropy) ซึ่งหมายถึงอาการวิกลจริตชนิดหนึ่ง ซึ่งผู้ป่วยเข้าใจว่าตนเองเป็นหมาป่า!

เจ้าหญิงคัลลิสโตทรงมีพระโฉมงดงามยิ่ง เผอิญซูสทอดพระเนตรเห็นโฉมอันโสภาเข้าจึงหลงรัก (เห็นใครก็รักไปหมดแหละ) และพานางไปร่วมอภิรมย์อย่างลับๆ จนกระทั่งคัลลิสโตคลอดโอรสออกมามีนามว่า "อาร์คัส" (Arcas) 

ดวงจันทร์ ยูโรปา ได้เชื้อจาก เจ้าหญิงยูโรปา (Europa) ธิดาของกษัตริย์ แห่งแคว้นไซดอน เป็นสตรีที่งามเลิศในแผ่นดินทีเดียว ขนาดว่ามหาเทพซูส ซึ่งประทับอยู่บนวิมานแมนแดนโอลิมปุสได้ สอดส่องทิพยเนตรมาเห็นนางเข้าเท่านั้น ก็หลงรักอย่างรุนแรง เสด็จไปหายูโรปาในลักษณะปลอมแปลงพระองค์เป็นวัว ที่มีลักษณะได้สัดส่วนที่สุดในโลกทีเดียว พอปรากฏกายให้เห็น ยูโรปาและสาวๆ ก็พากันชื่นชมและกรูกันเข้าไปหาวัวประหลาดนี้ ทว่าวัวเจ้าเล่ห์ไม่สนใจใครอื่นนอกจากยูโรปา เมื่อยูโรปาขึ้นนั่งบนหลังมัน เจ้าวัวปลอมก็ลุกพรวดขึ้นด้วย ความเร็วอันน่าอัศจรรย์ และออกวิ่งตะบึงไปยังชายหาด ต่อจากนั้นก็พายูโรปาโลดลิ่วไปเหนือเกลียวทะเลอันซาดซ่า ยูโรปา รู้แล้วละว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับนาง


ดังนั้น นางจึงทำอย่างที่ผู้หญิงทั่วไปจะพึงกระทำ นั่นคือ อ้อนวอนฝากเนื้อ ฝากตัวกับ "วัว" ตัวนั้น ซึ่งก็คือจอมเทพซูส นั่นเอง

ในกระบวนมเหสีของซูสกล่าวได้ว่ายูโรปาเป็นสตรีโชคดีที่สุด กล่าวคือ นางไม่ได้ถูกเฮรามเหสีใหญ่รบกวนเลย ได้ พำนักอยู่ที่เกาะครีตอย่างแสนสุข และประสูติโอรสถวายซีอุส 2 องค์ คือ "ไมนอส" (Minos) และ "ราดาแมนธุส" (Rhadamanthus) 
ดินแดนที่ซีอุสพานางโลดลิ่วข้ามมานั้นจึงได้ชื่อตามนามของนางว่า ทวีปยุโรป และเป็นอีกชื่อหนึ่งของดวงจันทร์ บริวารดาวพฤหัส



"ไอโอ" (IO) เป็นเจ้าหญิงแสนโสภา ราชธิดาของพระเจ้า อินาคุส ซึ่งครองนครรัฐในเอเชียไมเนอร์ ความงามของ ไอโอทำให้จูปีเตอร์หรือซูส สุดจะเฉยเมยได้จึงลอบลงมาพบนาง

กระทั่งเรื่องนี้รู้ไปถึงพระนางเฮรา มเหสีของซูส ซึ่งนอกจากขี้หึงแล้ว ยังดุอีกด้วย ซูสทั้งๆ ที่เป็นมหาเทพ แต่ก็กลัวเมียเป็นที่สุด จึงแปลงร่างของไอโอจากเจ้าหญิงแสนงามเป็นนางวัวขาวไปทันที กระนั้นก็ยังไม่รอดพ้นฤทธิ์ความหึงของเฮราไปได้ นางได้ทูลขอนางวัวน้อยจากซูสไปเลี้ยงดู ซูสเกรงว่าหากปฏิเสธมเหสีขี้หึงจะสงสัยหนักขึ้น จึงทรงยอมยกวัวจำแลงให้ไป
เฮราจัดให้ อาร์กัส อสุรกายพันตาคอยเฝ้าดูวัวน้อยมิให้คลาดสายตาไปได้ ในที่สุดซูสก็อดสงสารไอโอไม่ ไหว จึงทรงปรึกษากับ เฮอร์มีส เทพแห่งการสื่อสาร ซึ่งเป็นโอรสองค์หนึ่ง เฮอร์มีสจึงสังหารอาร์กัสและปล่อยวัวน้อยไอโอหลบหนีไปได้ ไอโอหนีไปยังดินแดนอียิปต์ เพื่อให้พ้นการติดตามไม่ลดละของเฮรา

โดยนางได้หนีไปทางช่องแคบ ที่แยกยุโรปและทวีปเอเชียออกจากกัน ดังนั้น ช่องแคบตรงนั้นซึ่งต่อมา กลายเป็นดินแดนที่เป็นเมืองอิสตันบูลในเตอรกี เดี๋ยวนี้จึงเรียกว่าช่องแคบ "บอสฟอรัส" (Bosphorus) ซึ่งแปลว่า "ท่าวัวข้าม" (Cow Crossing) ต่อจากนั้น ไอโอก็ว่ายน้ำข้ามช่องแคบ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่แยกประเทศกรีซ ออกจากดินแดนภาคใต้ของประเทศอิตาลี ท้องทะเลตรงนั้นจึงได้ชื่อว่า "ทะเลไอโอเนียน" (Ionian Sea) ตามชื่อของไอโอด้วยประการฉะนี้

ต่อมาไอโอก็ประสูติโอรสถวายซูส องค์หนึ่ง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของวีรบุรุษผู้โด่งดังนาม "เฮอร์คิวลิส"นั่นเอง

ส่วน แกนีมี้ด (Ganymede) นั้นมีบทบาทน้อยกว่าไอโอมาก เขาเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดา โอรสของพระเจ้าทรอส (Tros) ผู้ทรงเป็นราชาธิบดีแห่งกรุงทรอย แกนีมี้ดมีรูปร่างหน้าตาหล่อ เหลา กิริยามารยาทก็เรียบร้อย จึงเป็นที่ถูกพระทัยของมหาเทพผู้นิยมความงามเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่ทอดพระเนตรเห็นเจ้าชายแกนีมี้ดนั้น ซูสทรงอยู่ใน ลักษณะปลอมแปลงองค์เป็นนกอินทรีมหึมา ทรงไม่ฟังอีร้าค่าอีรม โฉบลงใช้ กรงเล็บอินทรีอันเรืองศักดา ขยุ้มเอา แกนีมี้ดขึ้นไปยังสวรรค์ชั้นโอลิมปุสทันที เมื่อถึงที่นั่นแล้ว ก็ทรงมอบหมายหน้าที่ให้แกนีมี้ดปรนนิบัติ คอยเสิร์ฟเมรัยถวายทวยเทพในงานเลี้ยงสำเริงสำราญ ส่วนนอกเวลาเลี้ยงนั้น แกนีมี้ดมีหน้าที่อัญเชิญถ้วยสุธารสหรือถ้วยเมรัย ตามแต่จะโปรดมาถวายซูสเป็นประจำ 



1 ความคิดเห็น: