THE NATURAL OF REVENGE: Escherichia

วันเสาร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Escherichia


ทำความรู้จัก "อีโคไล"

แบคทีเรียชนิดที่มีในร่างกายมนุษย์ส่วนใหญ่จะไม่ทำอันตรายต่อร่างกาย แต่สำหรับแบคทีเรียที่มีชื่อว่า อีโคไล หรือ Escherichia ซึ่งพบได้ในลำไล้ของมนุษย์และสัตว์ สามารถทำให้เกิดโรคหรืออาการต่างๆ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ เยื้อหุ้มสมองอักเสบ และอาการท้องร่วง เป็นต้น แบคทีเรียชนิด อีโคไลจะมีชีวิตอยู่ได้ในสิ่งแวดล้อมทั่วไป โดยเฉพาะในมูลสัตว์
หลักจากพบการติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ระบาดในประเทศอังกฤษ วันนี้ Telegraph นำข้อมูลเกี่ยวกับแบคทีเรียชนิดนี้มาให้ได้รู้จักกันเพื่อเป็นการป้องกันและรับมือหากได้รับเชื้อชนิดนี้
เชื้ออีโคไล แพร่สู่คนได้อย่างไร

เชื่อแบคทีเรียอีโคไลจะแพร่สู่คนได้จากการรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ปนเปื้อนอยู่ ซึ่งเชื้อชนิดนี้มักจะปนเปื้อนอยู่ในอาหารที่ได้รับการปรุงไม่ถูกสุขลักษณะ
จำนวนผู้ได้รับเชื้ออีโคไล

หน่วยงานด้านการป้องกันโรคในประเทศอังกฤษรายงานว่าในปี 2551 มีผู้ได้รับเชื้ออีโคไลและมีอาการป่วยที่เกิดจากการได้รับเชื้อ 950 ราย
การระบาดของเชื้ออีโคไล

การแพร่ระบาดของเชื้ออีโคไลเริ่มขึ้นในประเทศอังกฤษและคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 20 ราย ซึ่งเป็นผู้ที่รับประทานอาหารขณะร่วมพิธีในโบสถ์แห่งหนึ่งในปี 2539-2540
อาการของผู้ได้รับเชื้ออีโคไล
จะพบอาการแต่เริ่มท้องร่วงเล็กน้อย จนกระทั่งเกิดภาวะลำไส้อักเสบและมีอาการเลือดออกไม่หยุด เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงและพบเลือดปนกับอุจจาระ
ระยะฟักตัวของเชื้ออีโคไล

ระยะฟักตัวของเชื้ออยู่ที่ประมาณ 3-8 วัน และจะปรากฏอาการในช่วง 3-4 วันหลังการได้รับเชื้อ แม้ว่าผู้ได้รับเชื้อจะสามารถนำเชื้อชนิดนี้ออกจากร่างกายได้ภายใน 1 สัปดาห์ แต่เชื้อส่วนที่หลงเหลือเพียงเล็กน้อยยังสามารถทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ เช่นเกิดภาวะไตเสื่อม ซึ่งเกิดจากเซลล์เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย
ผู้เสี่ยงได้รับเชื้ออีโคไล

เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ จะเป็นผู้มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้ออีโคไลมากที่สุด เนื่องจากร่างกายของคนกลุ่มนี้จะมีความสามารถในการต้านทานเชื้อได้น้อยกว่าคนทั่วไป
การป้องกันและรักษาเมื่อได้รับเชื้ออีโคไล

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาอาการที่เกิดจากการได้รับเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้โดยตรง ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาแก้ปวดท้องได้ในเบื้องต้น แต่ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดกลุ่มสเตอรอยด์ เช่นยาแอสไพริน เพราะยากลุ่มนี้จะมีผลทำลายไตของผู้รับประทาน นอกจากนี้เพื่อเป็นการป้องกันการได้รับเชื้อ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มบรรจุกระป๋องและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เรื่องราวต่างบนโลกใบนี้เป็นเรื่องใกล้ตัวของคนทั่วโลก ไม่ว่าจะเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือเรื่องการแพร่ระบาดของเชื้อโรคร้ายแรงต่าง ๆ ประชาชนชาวโลกสามารถรับรู้ถึงข่าวคราวได้ทันทีแบบไร้พรมแดน ปัจจุบันนี้ชาวโลกได้รับรู้เรื่องเชื้อโรค “อีโคไล” ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งได้ระบายแถบประเทศยุโรป คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วกว่าสิบศพที่ประเทศเยอรมนี และล้มป่วยด้วยการติดเชื้อดังกล่าวเป็นจำนวนกว่า 500 ราย อันมีสาเหตุจากแตงกวาที่นำเข้ามาจากประเทศสเปน

การระบาดของเชื้อโรค “อีโคไล” ทำให้ทั่วโลกต่างตื่นตัวเฝ้าระวังพืชผลทางเกษตรต่าง ๆ ที่มาจากประเทศแถบยุโรป  แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขยังไม่สามารถชัดเจนได้ว่าเชื้อ “อีโคไล” แพร่ระบาดได้อย่างไร เพราะพบการปนเปื้อนของเชื้ออีโคไลจากแตงกว่าจำนวน 2 ผลที่ได้มีการตรวจสอบจำนวน 4 ผล และทางเยอรมนีก็ยังคงวิเคราะห์แตงกวาอีก 2 ผลอย่างละเอียดต่อไป เพื่อให้ทราบที่มาอย่างแน่ชัด

ชื่อเชื้อโรค “อีโคไล” คนไทยเองยังไม่ค่อยคุ้นชื่อนี้เท่าไหร่นัก  บางคนฟังชื่อแล้วอาจจะงงว่าเชื่อโรคอะไร  เมื่อการสื่อสารไร้พรมแดนในปัจจุบันนี้ ก็ย่อมทำให้ทุกคนต้องหาทางป้องกันระวังภัยจากเชื้อร้ายของ “อีโคไล”  โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐก็ต้องเฝ้าระวังด้วยความไม่ประมาท

เพื่อให้คนไทยรู้จัก  “อีโคไล” กันมากขึ้น  ได้ค้นคว้าหาข้อมูลมาบอกให้ทราบว่า “อีโคไล” มาจากชื่อเต็มภาษาอังกฤษว่า Escherichia coli แต่ฝรั่งนิยมเรียกชื่อว่าว่า E.coli  ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งในกลุ่มโคลีฟอร์ม มีอยู่ตามธรรมชาติในลำไส้ใหญ่ของมนุษย์และสัตว์ แบคทีเรียชนิดนี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องร่วมอุจจาระบ่อย ๆ ทำให้ถ่ายเป็นอุจจาระเหลวจนกระทั้งเป็นน้ำ เป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ที่ผ่านมาผู้ที่ได้รับเชื้ออีโคไล อาการมักจะไม่รุนแรง เพราะทั้งผู้ใหญ่และเด็กมีภูมิต้านทานอยู่บ้างแล้ว เพราะอาจได้รับเชื้อเข้าไปทีละเล็กทีละน้อย เชื่ออีโคไลนี้มักปนเปื้อนมากับอาหาร น้ำ หรือ มือของผู้ประกอบอาหาร โดยปกติเชื้อนี้อาจจะสามารถตรวจพบในอุจจาระของมนุษย์อยู่แล้วแม้จะไม่มีอาการแสดงอะไรออกมาก็ตาม

อย่างไรก็ตามปัจจุบันเชื้อโรคอีโคไล ที่ในอดีตตรวจพบมักจะไม่เป็นอันตรายมาก แต่ปัจจุบันนี้เชื้ออีโคไล กลายเป็นเชื้อมหาภัยที่น่ากลัว เพราะผู้ที่ได้รับเชื้อเข้าไปแล้วยังสามารถทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ ซึ่งอาจจะทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสพ เกิดภาวะโรคไตเสื่อม จนถึงเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้อย่างไม่คาดคิด

สำหรับอาการของผู้ที่ได้รับเชื้อโรคร้าย “อีโคไล” นั้น เชื้อร้ายนี้มีระยะฟักตัวอยู่ประมาณ 3-4 วัน และจะปรากฏอาการในเวลา 3-4 วันหลังจากที่ได้รับเชื้อ โดยจะเริ่มอาการท้องเสียเล็กน้อย จนกระทั่งเกิดภาวะลำไส้อักเสบและมีอาการเลือดออกไม่หยุด เกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และพบเลือดปนกับอุจจาระ

กลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อ “อีโคไล” มากที่สุด  ก็คือ ผู้สูงอายุ เล็ก และผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันการทำงานผิดปกติ เนื่องจากมีความต้านทานเชื้อโรคนนี้ได้น้อยกว่าบุคคลปกติทั่วไป

ปัจจุบันนี้ยังไม่มีวิธีการรักษาสำหรับผู้ที่ได้รับเชื้อโรคอีโคไลโดยตรง เพื่อเป็นการป้องกันการได้รับเชื้ออีโคไลจากการรับประทานอาหารไม่สะอาด  เพราะเชื้อนี้ปนเปื้อนมาจากพืชผลทางเกษตรและอาหารที่ปรุงอย่างไม่สะอาด

เชื้อโรค “อีโคไล” นี้ได้มีการระบาดเป็นพัก ๆ แล้วก็หายไป มิใช่เพิ่งมาแพร่ระบาดในช่วงปี 2554 นี้ที่ประเทศเยอรมนี   ซึ่งระหว่างปี 2539-2540  เชื้อโรคอีโคไล ก็เคยระบาดที่ประเทศอังกฤษ และทำให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ไปกว่า 20 ศพ  ต่อมาในปี 2551  ประเทศอังกฤษก็พบการระบาดของ  “อีโคไล” อีก โดยมีผู้ที่ได้รับเชื้อมหาภัยนี้ถึงเกือบพันราย

แม้ว่าเชื้อ “อีโคไล” จะพบการระบาดบ่อย ๆ ในแถบประเทศยุโรป  ไม่ค่อยจะพบการระบาดในประเทศแถบเอเชีย หรือแม้แต่ประเทศไทย   ซึ่งอาหารของผู้ที่ได้รับเชื้ออีโคไลจะใกล้เคียงกับ “อหิวาตกโรค” ที่คนไทยรู้จักกันดีก็ตาม แต่ก็อยากให้คนไทยทุกคนตั้งมั่นด้วยความไม่ประมาทที่ต้องควรเฝ้าระวังเชื้อโรคร้าย “อีโคไล”

เพราะเชื้อโรคต่าง ๆ ในโลกปัจจุบันนี้ก็ไร้พรมแดนเช่นกัน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น