THE NATURAL OF REVENGE: กองหินศิลาและเนินดินพิศวง ?

วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กองหินศิลาและเนินดินพิศวง ?


กองหินศิลาและเนินดินพิศวง ?

วันนี้ไทยรัฐซันเดย์ สเปเชียล จะพูดถึงเรื่องกองหินประหลาด ที่อัฟเบอรี่ (Avebury) ในประเทศอังกฤษ ซึ่งว่ากันว่า เป็นกองหินประหลาดที่ใหญ่ที่สุด ในยุโรปทีเดียว

กองหินนี้มีความน่าพิศวงอยู่ ในตัวเองมาก แต่เนื่องจากมันตั้งอยู่ไม่ห่างจากกองหินสโตนเฮ้นจ์อันบันลือโลกเท่าใดนัก มันจึงถูกความดังของสโตนเฮ้นจ์บดบังรัศมีเสียจนเงียบเชียบไป

กองศิลาพิศวงที่อัฟเบอรี่ ประกอบด้วยก้อนศิลาขนาดมหึมาเรียงกันเป็นรูปวงกลมที่กลมดิกจำนวนถึง 100 ก้อน หนักกว่า 40 ตัน ล้อมรอบอาณาบริเวณกว้างกว่า 1,100 ฟิต
จากการค้นหาอายุของกองหินประหลาดนี้ พบว่ามันมีอายุประมาณ 4,000 ปี เก่าแก่พอๆ กับสโตนเฮ้นจ์ นั่นเอง ปริศนาใหญ่ของกองหินนี้ก็คือ ใครเป็นคนยกเอามันมาวางเรียงเป็นวงกลมดิกอยู่ที่นั่น? ยกได้ด้วยวิธี ใด? และมีเหตุผลใดจึงกระทำเช่นนั้น? 
จนป่านนี้ ปริศนาก็ยังคงเป็นปริศนาอยู่นั่นเอง ไม่มีใครตอบได้ สักคน 
บางคนได้ให้คำตอบที่ทำให้ปวดหัวหนักเข้าไปอีก นั่นคือ บอกว่ากองหินอัฟเบอรี่นั้น ทำขึ้นเพื่อให้มองดูทางอากาศเท่านั้น มิใช่ให้มองทางพื้นดิน

ก็ใครกันเล่ามีความสามารถพิเศษขนาดเรียงก้อนหินมหึมา ไว้บนพื้นดินแล้วตัวเองขึ้นไปมองดูมันจากอากาศ...ในสมัย 4,000 ปีอันนานโพ้น?

สำหรับกองหินสโตนเฮ้นจ์อันลือชื่อนั้น ได้เคยกล่าวถึงมาหลายหนแล้ว จึงขอสรุปในที่นี้เพียงสั้นๆ ว่า อยู่ห่างจากกองหินอัฟเบอรี่ไม่มากนัก ทำให้มีผู้คิดว่าน่าจะมีการเกี่ยวข้องกัน อยู่ระหว่างกองหินสโตนเฮ้นจ์กับกองหินอัฟเบอรี่ อย่างน้อยอายุอานามก็ร่วมสมัยเดียวกันคือประมาณ 4,000 ปี ลักษณะที่ก้อนศิลาขนาดมหึมาเรียงซ้อนกันเป็น 2 แถว เว้นจังหวะจะโคนเป็นอันดีให้สัมพันธ์กับแสงอาทิตย์และดาวที่สำคัญๆ ทำให้นักดาราศาสตร์สมัยใหม่ เอนเอียงไปทางที่เชื่อว่า บางทีกองหินสโตนเฮ้นจ์อาจเป็นปฏิทินทางดาราศาสตร์อันยิ่งใหญ่ ของคนโบราณเสียละกระมัง?

เช่นเดียวกับศิลาพิศวงที่อัฟเบอรี่ ไม่มีใครไขปริศนาได้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้

ห่างจากอัฟเบอรี่ไปทางใต้เพียง 1 ไมล์ มีสิ่งน่าพิศวงอีกอย่างหนึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้วยเหมือนกัน

แน่นอนละ มันต้องเป็นสิ่งซึ่งซ่อนปริศนาลึกลับไว้ด้วยแน่ๆ ม่ายงั้นคอลัมน์นี้ไม่นำมาเขียนถึงเสียให้ยากส์ 
สิ่งนั้นเรียกว่า “เนินนํ้ามือมนุษย์” หรือ “Man Made Mound” หรือมีชื่อที่รู้จักกัน แพร่หลายว่า “ซิลเบอรี่ ฮิลล์” (Silbury Hill) มันเป็นเนินมหึมาสูงถึง 130 ฟิต มีเนื้อที่ภายในถึง 1212 ล้านคิวบิกฟิต และปกคลุมอาณาบริเวณกว้าง 512 เอเคอร์
ความจริงใครที่เห็นขนาด ของซิลเบอรี่ฮิลล์นี้แล้ว เป็นต้องฉงนทุกคน ไปว่าใครมาสร้างเนินนี้ไว้ทำอะไร ด้วยว่ามันใหญ่โตมหึมาเป็นนักหนา ขนาดต้นไม้ใหญ่ๆยังสูงไม่ถึง 1 ใน 10 ส่วน คนเมื่อปีนขึ้นไปบนยอดแล้วจะมองเห็นเล็กจิ๋วเท่าตัวมด

นักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์มาตรวจสอบแล้วก็บอกว่า มันถูกสร้างด้วยนํ้ามือมนุษย์แน่นอน และดูจากรูปก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะลักษณะเนินอันกลมเหมือน ซาละเปาเรียบเชียบไปหมดทั้งลูกอย่างที่เห็นอยู่ในรูปนี้ คงไม่ใช่ฝีมือธรรมชาติเป็นแน่ 
ซิลเบอรี่ฮิลล์นี้จึงเป็นเนินดินที่คนสร้างขึ้นที่สูงใหญ่ที่สุดในยุโรป ขนาดของมันเท่ากับพีระมิดใหญ่ๆทีเดียว 
มีคำถามที่ตอบไม่ได้ก็คือ ใครสร้างซิลเบอรี่ฮิลล์-และทำไม?

ก็เช่นเดียวกับความลึกลับอื่นๆคือมีผู้ทดลองหาคำตอบ ไปต่างๆนานา คำตอบที่ฟังเข้าท่าก็คือ เนินซิลเบอรี่ฮิลล์ นี้ สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสุสานบรรจุศพกษัตริย์ผู้ที่สร้าง

สโตนเฮ้นจ์และกองหินอัฟเบอรี่...มีตำนานเล่ากันว่า ซิลเบอรี่ ฮิลล์ เป็นเนินซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นฮวงซุ้ยหรือหลุมฝังพระศพของกษัตริย์ซิล ในอดีตกาลนานหนักหนา ความจริงเปิดหนังสือประวัติศาสตร์อังกฤษดู ก็ไม่พบว่าอังกฤษเคยมีกษัตริย์พระนามว่าพระเจ้าซิล แต่ชาวบ้านเขาเชื่อของเขายังงั้น จะทำไงได้ จึงเป็นอันว่าซิลมาก็ซิลไปด้วยก็แล้วกัน
วันดีคืนดี ชาวบ้านแถวนั้นก็เห็นพระเจ้าซิลควบม้ากั้บๆ ผ่านมาท่ามกลางแสงเดือน ทำเอาพวกผู้หญิงต้องร้องวี้ดว้ายถลกกระโปรงถอนสายบัวเป็นแถวๆแทบไม่ทัน แต่ก็ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้จนบัดนี้ว่า ใต้เนินนั้นมีสุสานฝังจริงหรือไม่ เพราะขุดกันทีไรก็มีอันเป็นไปล้มเหลวเสียทุกทีจนดูราวกับเจ้าของสุสานอาถรรพณ์ ภายใต้เนินได้สำแดงอิทธิฤทธิ์ห้าม มิให้ใครแหยมเข้าไปรบกวนนั่นเอง

ลืมบอกไปว่า อายุอานามของเนินซิลเบอรี่ก็รุ่นราวคราวเดียวกับกองหินสโตนเฮ้นจ์และกองหินอัฟเบอรี่ ซึ่งช่วยให้ความเห็นที่ว่า มันเป็นที่บรรจุศพเจ้าของกองหินทั้งสองเด่นชัดขึ้น
รายงานหลังสุดบอกว่า การสำรวจเนินซิลเบอรี่ ฮิลล์ ด้วยเครื่องมือทันสมัยที่สุด บอกให้ผู้สำรวจปวดหัวเข้าไปอีก คือ เทคนิคที่สร้างเนินซิลเบอรี่นั้น เป็นเทคนิคสมัยใหม่เอี่ยมเปี๊ยบ ไม่ว่าจะเป็นในด้านสำรวจเซอร์เวย์ ด้านก่อสร้างเป็นรูปตัวเนิน และด้านการพรางตา ให้มองเห็นทางอากาศ ล้วนแต่เป็นวิทยาการเดียวกับ ชนิดที่คนสมัยปัจจุบันใช้อยู่ทั้งสิ้น

ปริศนาจึงเกิดขึ้นอีกว่า ใครหนอทันสมัยขนาดนี้เมื่อ 4,000 ปีมาแล้ว?

แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 1833 เนินดินนี้ก็ถูกทำลายราบลงเพื่อหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ และได้ค้นพบหัวกะโหลกมนุษย์กับเครื่องประดับอกทำด้วยทองคำแบบบุรุ่มบุราณฝังอยู่ด้วยกัน คำว่า Silbury ซึ่งคิดกันว่าชาวบ้านแยกศัพท์เอาเองเป็น Sil แล้ว ก็ bury หรือที่ฝังพระศพของกษัตริย์ ซิลก็ดูจะเป็นเค้าความจริงขึ้นมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น