THE NATURAL OF REVENGE: อารมณ์ขันสำคัญ ยิ่งวันใกล้ตาย

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2554

อารมณ์ขันสำคัญ ยิ่งวันใกล้ตาย


อารมณ์ขันสำคัญ ยิ่งวันใกล้ตาย


คนที่รู้สึกว่า "ความตาย" ยังเป็นเรื่องไกลตัว ยังอีกนานเลยกว่าเราจะตาย อาจไม่รู้สึกเห็นความสำคัญของการหมั่นทำตัวเองให้มีรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ แต่สำหรับคนที่รู้ตัวว่า อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 2-3 เดือนเท่านั้น (หากหมอแม่น) อย่าง ลอว์เรน เทอร์ราซซาโน่ นักข่าวของหนังสือพิมพ์นิวส์เดย์ (Newsday) เธอบอกว่า "อารมณ์ขัน" เนี่ยแหละสำคัญยิ่ง และเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังใกล้ตาย!!! 
ลอว์เรน เทอร์ราซซาโน่ รู้ตัวว่าเป็นมะเร็งปอดเมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนเธออายุแค่ 36 ปีเท่านั้น และถึงแม้ว่าในขั้นตอนการรักษาที่ผ่านมา หมอจะตัดปอดข้างขวาที่เป็นเนื้อร้ายออกไปแล้ว และเธอก็ได้รับการรักษาทั้งทางเคมีบำบัดและฉายรังสีอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงกระนั้นมะเร็งก็ยังลาม โดยล่าสุด เธอเขียนเล่าในคอลัมน์ว่า หมอบอกให้เธอเตรียมใจว่า อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ 2-3 เดือนเท่านั้นเอง!!!

ขณะที่ผู้ป่วยหลายคน อาจ "จิตตก" และอยู่แบบหดหู่ แต่แทบไม่น่าเชื่อว่า ขนาดเห็นความตายกำลังรอท่าอยู่ใกล้ขนาดนั้น ลอว์เรนก็ยังมีอารมณ์ขันพอที่จะเขียนหยอกล้อกับ "ความตาย" ที่กำลังรอเธออยู่แค่คืบว่า "ถ้าหากโชคดี สวรรค์มีจริง ฉันก็อยากมีโอกาสได้ไปนั่งจิบไวน์กับ จอห์น เอฟ.เคนเนดี้ จูเนียร์ จากนั้นก็จะเขกกะโหลกเขาสักที ที่ดันอุตริขับเครื่องบินทำไมก็ไม่รู้ในคืนที่มีหมอกลงจัด"


ลอว์เรน เขียนเล่าถึงลูกชายสุดหล่อของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคนเนดี้ ของสหรัฐอเมริกา ที่ขับเครื่องบินตกเมื่อหลายปีมาแล้ว ที่บริเวณไร่องุ่นมาร์ธา"ส ไวน์ยาร์ด และเสียชีวิตพร้อมภรรยาสาวสวย โดย ลอว์เรน ได้ทำข่าวนี้ด้วยตอนนั้น รวมทั้งข่าวใหญ่ๆ อีกหลายข่าวให้แก่หนังสือพิมพ์นิวส์เดย์ที่ทำงานอยู่ที่นี่มาร่วม 10 ปี

แต่ประมาณสัก 7 เดือนมาแล้วนี่เอง ที่ ลอว์เรน ได้ตัดสินใจเพิ่มคอลัมน์ใหม่ขึ้นมาชื่อว่า ไลฟ์, วิธ แคนเซอร์ (Life, With Cancer) ที่จะออกในนิวส์เดย์ ทุกวันอังคาร เพื่อเป็นช่องทางบอกเล่าถึงการที่เธอต่อสู้กับโรคมะเร็ง และพูดถึงเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับโรคนี้ ซึ่งอาจไม่ค่อยมีใครเขียนถึง อย่างเช่น "เรื่องไม่น่าพูด" ที่คนทั่วไปมักชอบพูดกับผู้ป่วยมะเร็ง เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี หรือแม้แต่การให้กำลังใจว่า ผู้ป่วยที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายนี้คือ ผู้กล้า

"ทั้งที่จริงแล้ว พวกเราก็คือมนุษย์ธรรมดาเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ" ลอว์เรนเขียนบอกถึงสิ่งที่ใครๆ ไม่จำเป็นต้องไปพูดอย่างนี้กับผู้ป่วยก็ได้ ทั้งยังว่า เธอได้รับอี-เมลจากแฟนๆ ส่วนใหญ่ที่เขียนมาขอบคุณเธอ ที่กล้าพูดสิ่งเหล่านั้นแทนผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาก็อยากจะพูดเหมือนกัน

อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้ป่วยมะเร็ง ลอว์เรนก็ยอมรับว่า จริงอยู่ที่มี "ความจริง" เกี่ยวกับโรคมะเร็งมากมายที่น่าเศร้าหดหู่ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ว่า มันก็ยังมี "ที่ว่าง" สำหรับอารมณ์ขันอยู่เช่นกัน

"และฉันก็มักจะใช้อารมณ์ขันเป็นเครื่องมือช่วยเขียนงานให้มันดูอ่านง่าย อ่านลื่น เพื่อช่วยให้คนอ่านรู้สึกคลายเครียด" เธอบอก ก่อนจะเล่าต่อถึงที่มา อันเป็นหัวใจของคอลัมน์ชีวิต กับ โรคมะเร็งว่า "เป้าหมายในการเขียนคอลัมน์นี้ ฉันอยากเขียนถึง ข้อห้ามต่างๆ เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ที่สื่อส่วนใหญ่มักจะมองข้าม ไม่ได้เขียนถึง แต่ส่วนใหญ่มักจะไปเขียนกันถึงลักษณะอาการต่างๆ ของโรคมะเร็ง การค้นคว้าวิธีรักษาใหม่ๆ หรือแม้แต่เรื่องชวนเศร้า ทั้งที่จริงยังมีอีกหลายแง่มุมที่ไม่มีใครเข้าไปแตะ" 

ลอว์เรน เทอร์ราซซาโน่ วัย 39 นักข่าวและคอลัมนิสต์ เจ้าของคอลัมน์ ไลฟ์, วิธ แคนเซอร์ (Life, With Cancer) ในหนังสือพิมพ์นิวส์เดย์ ของสหรัฐอเมริกา ถ่ายเมื่อปี 2549 ลอว์เรนป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด ล่าสุดหมอบอกว่า เธออาจมีชีวิตอยู่แค่ 2-3 เดือนเท่านั้น
และน่าดีใจแทนเจ้าของคอลัมน์ ซึ่งเพิ่งฉลองครบรอบแต่งงาน 1 ปีกับ อัล เบเกอร์ นักข่าวของนิวยอร์ก ไทมส์ เมื่อไม่นาน ที่งานของเธอได้เป็นกำลังใจให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนไม่น้อย รวมทั้ง คาเรน จอย มิลเลอร์ ซึ่งรอดตายจากมะเร็งเต้านม และเป็นผู้ตั้งชมรมกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมในเมืองฮันติงตัน มลรัฐลองก์ ไอส์แลนด์ ขึ้นมา ที่เล่าว่า เพื่อนสมาชิกในกลุ่มเธอต่างเป็นแฟนคอลัมน์ของลอว์เรน และมักจะนำเนื้อหาในคอลัมน์มาพูดคุยกันเสมอๆ

"คอลัมน์ของเธอ ได้ทำให้พวกเราทุกคนตระหนักถึงสิ่งท้าทายหลายเรื่องที่เราต้องเผชิญ และมันยังช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากที่ไม่อยากพูดถึงความรู้สึกหวาดกลัว และความรู้สึกของตัวเองทั้งหลายแหล่ ได้มีช่องทางระบายความรู้สึกเหล่านั้นออกมา" มิลเลอร์บอก

ส่วนคนที่ไม่ได้ถูกโรคมะเร็งเล่นงานอย่าง วอล์ท แฮนเดลแมน นักเขียนการ์ตูนมือรางวัลพูลิเซอร์ของนิวส์เดย์ ซึ่งติดตามคอลัมน์ของลอว์เรนเสมอๆ ก็ยังบอกว่า "ผมยังรู้สึกได้รับความเข้มแข็งจากเธอเลย"

ขณะที่ลอว์เรน ยังเคยเขียนถึงมุมมองของเธอเกี่ยวกับเรื่องความตายว่า "ฉันเคยเห็นคนมีอายุยืนเหมือนปู่ของฉัน ที่อยู่แบบเรียบง่าย แต่มีความสุข ก่อนที่ปู่จะตายไปตอนอายุ 93 แต่ในทางตรงกันข้ามกันสุดโต่ง ในงานของนักข่าว ฉันก็เคยเห็นเด็กอายุ 3 ขวบที่ตายด้วยน้ำมือของพ่อแม่ที่โหดเหี้ยม อำมหิต มันไม่มีอะไรที่ฟังดูสมเหตุสมผลหรอกในเรื่องของความตาย"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น