THE NATURAL OF REVENGE: 02/01/2012 - 03/01/2012

วันจันทร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

[ตำนานคริศต์] สงคราม นรก - สวรรค์ 1-4


ตอนที่ 1 
ในตอนก่อนที่ จักรวาลนี้ จะกำเนิดสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย มีเพียงโลกทิพย์หรือสวนเอเดนเท่านั้น ที่ดำรงอยู่ พระเจ้าไม่ว่าจะใน พระนาม ไหน ล้วนแล้วเป็นองค์เดียวกัน พระเจ้าได้สร้างเหล่าเทวดาทั้งหลายให้มีหน้าที่ต่างๆกัน ดังนี้

1. SERAPHIM เทวดาผู้สยายปีก ปกป้องพระเจ้า และบัลลังก์ ของพระองค์ มีอยู่ด้วยกัน 4 องค์ คือ
- METATRON ผู้เป็นเสียงแทน พระเจ้า ผู้ถูกชี้ตัวว่า เป็น SATAN
- KEMUEL ผู้เฝ้าบัลลังก์เบื้องซ้าย ผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่าง ISHRAEL กับ HIERARCHS บนสวรรค์ชั้น7
- NATHANAEL ผู้เฝ้าบัลลังก์เบื้องขวา
- GABRIEL ผู้เก็บดวงวิญญาณของเหล่าสรรพชีวิต
เทวดาทั้งสี่มีลักษณะนิสัยที่โกรธเกรี้ยว ดุดัน และไม่ค่อยน่าไว้วางใจ เทวดาทั้ง 4 มีปีกองค์ละ 3 คู่ 2.CHERUBIM เทวดาที่ทำการปกป้อง ต้นไม้ศักสิทธิ์ หรือ ต้นไม้แห่งชีวิต และ ต้นไม้แห่งความอมตะ
ได้แก่
- KERUB ปกป้องต้นไม้แห่งชีวิต
- EZEKIEL ปกป้องต้นไม้แห่งความอมตะ แบ่งได้เป็น 4 องค์ มีลักษณะของใบหน้าที่แตกต่างกัน
หัวเป็นคน เฝ้าอยู่ทางด้านหน้า
หัวเป็นอินทรีย์ เฝ้าอยู่ทางด้านหลัง
หัวเป็นสิงโต เฝ้าอยู่ทางด้านขวา
หัวเป็นวัว เฝ้าอยู่ทางด้านซ้าย
แต่ทั้ง 4 ยังคงมีรูปร่างในแบบของมนุษย์อยู่ และมีปีก องค์ละ 2 คู่ มีขา เป็นวัว
3. OPHANIM หรือ GALGALLIN เทวดาที่ปกป้องยานพาหนะที่ใช้ออกรบ มีเทวดาชื่อ RAPHAEL
เป็นผู้ควบคุม
4.THE DOMININONS เป็นเทวดาที่ดูแล บัญชีรายชื่อรวมถึง สาส์น ที่พระเจ้าใช้บอกแก่เหล่าเทวดาโดยผ่านทาง คำพูดของMETATRON เทวดาที่ควบคุมมีอยู่ 4 องค์ ได้แก่
- ZADKIEL
- HASHMAL
- YAHRIEL
- MURIEL

5.THE VIRTUES เทวดาผู้ให้พรทั้งหลาย และ ผู้สอนความกล้าหาญแก่มนุษย์คล้ายกับพวกขุนนาง
ก่อนที่พวกเขาจะตกสวรรค์ มาอยู่บนโลกมนุษย์ มีดังนี้
- MICHAEL
- GABRIEL
- RAPHAEL
- BARIEL
- TARSHISH
- SATANEL 
6.THE POWER ว่ากันว่าเป็นเทวดากลุ่มแรกที่พระเจ้าสร้าง เพื่อป้องกันเขตแดน ของทั้ง 3 โลก ได้แก่
- CAMUEL ผู้ถูกชี้ตัวว่าเป็น ดยุค ของ นรก เนื่องจากเข้าขัดขว้างการรับพระบัญญัติ 10 ประการ ของโมเสท
- MAGUS 1 ใน 7 ของเทวดาที่ได้เห็นพระพักษ์ของพระเจ้า
ทั้ง 2 รักษาความสมดุลระหว่าง ดี กับ เลว
7.THE PRINCIPALITIES เทวดาที่เป็นผู้ปกป้องคำสอนของพระเจ้า หรือ ศาสนา นั้นเอง ได้แก่
NISROCK หรือ ASSYRIAN ผู้ถูกชี้ตัวว่าเป็นเจ้าชายแห่งนรก
ANAEL 1 ใน 7 เทวดา ที่ให้พลังในด้านการสร้างสรร และเกี่ยวข้องกับ ลักษณะทางเพศของมนุษย์
CHALDEAN เทพธิดาแห่งความรักและสงคราม
CERVILL เทพแห่งพลัง ผู้ช่วย DAVID เข่นฆ่า GOLIATH
อัครเทวทูต THE ARCHANGELS ที่สำคัญในการนำทัพเหล่าเทวดาน้อยใหญ่เข้าสู่สงครามนรก-สวรรค์ ที่พระเจ้าทำการรบกับ SATAN ได้แก่ (เป็นแทพข้างบนที่มาฟอร์มทัพไหม่)
- MICHAEL
- GABRIEL
- RAPHAEL
- URIEL
- METATRON
- REMIEL
- SARIEL
- ANAEL
- REGUEL
- RAZIEL
และยังใกล้ชิดกับมนุษย์มากอีกด้วย
ส่วนเทวดาที่เป็นคนกลางระหว่าง พระเจ้ากับมนุษย์นั้น จัดเป็นเทวดาระดับล่างสุด คือ ANGELOS นอกจากนี้ยังมีเทวดาอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึงซึ่งมีหน้าที่คล้ายกันกับ ANGELOS แต่ส่วนใหญ่ จะอยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุด ค่อยรับฟังความในใจของมวลมนุษย์ และดลใจให้ทำสิ่งต่างๆอีกหลายองค์


--------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 2


LUCIFER 
"เป็นใหญ่ใน นรก ดีกว่าเป็นทาสบน สวรรค์"
 เป็นคำกล่าวของเทวดาที่เป็นเทพแห่งความรัก นั้นคือ LUCIFER เจ้าชายแห่งนรก ผู้สร้างอาณาจักรของตนจากไฟแห่งความอิจฉาริษยา

ในตอนเริ่มต้น พระเจ้า สร้าง LUCIFER และ CHALDEAN เพื่อเป็นเทวดา ผู้ให้ความรักก่อเกิดแก่ มวลมนุษย์ และเหล่าเทวดาด้วยกันเอง เป็นเช่นนั้นอยู่นาน จนกระทั้ง อำนาจแห่ง ปาฏิหาริ์ ของ CHALDEAN ได้ทำการสร้างเทวทูตองค์น้อย นาม CUPID ขึ้นเนื่องจาก เมื่อมนุษย์ มีการแพร่ขยาย เผ่าพันธุ์ มากขึ้น ภาระหน้าที่ ของเทพทั้ง 2 ไม่เพียงพอต่อจำนวนมนุษย์ หลังจากที่ได้สร้าง CUPID ขึ้นมา ทำให้ LUCIFER ไม่พอใจที่ CHALDEAN ไม่ปรึกษาตน LUCIFER จึงนำเรื่องไปกราบทูล ต่อ พระเจ้า พระเจ้า ได้เรียก CHALDEAN กับ CUPID น้อย เข้ามาหาและสอบถาม แต่ด้วยความน่ารัก ของ CUPID น้อยทำให้พระเจ้าทรงเอ็นดู ในทุกๆ ห้วงเวลาแห่งโลกทิพย์

หลังจากที่ อดัม และ เอวา ถูกขับไล่ออกจาก สวนสวรรค์แห่งเอเดน พระเจ้าก็จะเรียกหาเจ้า CUPID น้อยเข้ามาหา ซึ่งนั่นทำให้ LUCIFER ผู้ที่พระเจ้าเคยโปรดปราน รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เมื่อนานวันเข้า ก็เปลี่ยนเป็นความอิจฉาริษยา จนกระทั่งในครั้งหนึ่ง LUCIFER ตัดสินใจเข้าไปถามพระองค์ด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวว่า ทำไมท่านถึง ทรงทำกับข้าพระองค์เช่นนี้ ใยลำเอียง ไม่ทรงรักข้าพระองค์เหมือนก่อน เมื่อพระเจ้าได้ยินดังนั้นก็ทรงกริ้ว และแผดเสียงของพระองค์ด้วยภาษาที่ทั้งเหล่ามนุษย์ และเทวดา ไม่สามารถจะรับไหว นอกจาก เทวดา เพียงองค์เดียวเท่านั้น นั่นคือ METATRON ทำให้สวรรค์สะท้านสะเทือนไปทั่ว

ด้วยความที่ยังไม่ทันได้ฟัง สิ่งที่พระเจ้าตรัสจาก METATRON , LUCIFER ก็เข้าใจว่าพระเจ้าทรงขับไล่เขาออกไปจากสวรรค์ LUCIFER ถึงกับประกาศก้องด้วยความโกรธว่า "เป็นใหญ่ในนรก ดีกว่าเป็นทาสบนสวรรค์" พร้อมกับ หักปีกของตนทิ้ง คำพูดของ LUCIFER ดังกึกก้องไปถึงหูพวก DEMON สัตว์อัปลักษณ์ ที่วนเวียนอยู่ตามป่าลึกและใต้ผืนดิน ต่างพากันลุกฮือ โห่ร้องที่ได้ยินเช่นนั้น LUCIFER เริ่มมองหาที่ๆตนจะสร้างอาณาจักรขึ้นเอง แต่ในโลกมนุษย์นั้น ไม่มีที่พอสำหรับเขา เขาจึงดำดิ่งสู่ห้วงมหาสมุทร อันเวิ้งว้าง ลึกลงไปจนสุดผืนแผ่นดินใต้มหาสมุทร เพื่อสร้างอาณาจักรของตนขึ้นด้วนเปลวเพลิงแห่งความอิจฉา และแผดเผาทุกอย่างสิ้นด้วยไฟแห่ง โทสะ สร้างบัลลังก์ของตนขึ้น จากแรงอาฆาตพยาบาท ริษยา เพื่อรอวันกลับมาแก้แค้นพระเจ้า...




--------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 3


หลังจากลงสู่ขุมนรกได้ไม่นาน LUCIFER ได้แผ่ขยายอำนาจของตนอย่างกว้างขว้าง โดยไม่ฟังเสียงใคร แม้ว่า METATRON จะลงมาอธิบายพระวจนะของพระเจ้าที่รับสั่งในวันนั้น LUCIFER ก็ไม่เชื่อ และ เนื่องจาก METATRON ออกนอกสวรรค์เป็นเวลานาน ทำให้พระเจ้าและเหล่าเทวดา ต่างกล่าวหาว่า METATRON กลายเป็น SATAN ไปอีกคน เมื่อกลับมายังแดนสวรรค์ จึงถูกพระเจ้าลงโทษมิให้พูดจา ใด ๆ ได้อีก นอกจาก สิ่งที่พระองค์รับสั่งเท่านั้น จึงทำให้เหล่าเทวดาและมวลมนุษย์ค่อยๆลืมความมีตัวตนอยู่ของ METATRON

นอกจากเทวดา 4 องค์ที่ทำหน้าที่ส่งสาส์น ของพระเจ้าเท่านั้คือ ZADKIELHASHMAL , YAHRIELและMURIEL ในเวลาไล่เลี่ยกัน ได้เกิดกรณีพิพาทขึ้น เมื่อ AZAZELเทวดาในอาณัติของ METATRON ได้ทำเกิน หน้าที่ของตนนอกเหนือจากดูแล อดัมในช่วงที่ยังอยู่ในสวนเอเดน เพราะตอนที่พระเจ้าขับไล่ อดัมและอีฟ ออกจากสวนเอเดนนั้น พระเจ้ามิได้รับสั่งให้ AZAZEL เลิกการติดตามดูแล อดัม แต่ด้วยความเข้าใจผิด AZAZEL หันหลังให้กับ อดัม ตาม พระเจ้าและยังไปพูดกับเหล่าเทวดาทั้งหลายถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำ พระเจ้าเลยคาดโทษไว้ ด้วยความโกรธ AZAZEL เริ่มไม่ยอมรับในความยิ่งใหญ่และสูงสุดของพระเจ้า หนีลงมายังโลก และเริ่มสอนมนุษย์ให้รู้วิธีการทำอาวุธ พร้อมกับสอนศิลปะการต่อสู้ให้

เรื่องรู้ถึง พระเจ้า ทำให้ AZAZEL ผิดใจกับพระเจ้าเป็นอันมาก แต่มิได้ทรงขับไล่เพียงแต่ให้ไปอยู่ในโลกใต้สมุทร เฝ้าทางเข้าออกของปิศาจที่จะขึ้นมายังโลก แต่ด้วยความที่โกรธและเริ่มเสื่อมศรัทธาใน พระเจ้า AZAZEL จึงชอบแอบลักลอบไปทั้ง 3 โลก เพื่อสืบหาข้อมูล และเริ่มปั่นหัว ทั้งเทวดา มนุษย์ และ LUCIFER ทำให้เกิดสงครามขึ้นและเนื่องจาก AZAZEL อยู่ในสังกัดของ METATRON ยิ่งทำให้ พระเจ้ามองเห็นว่า METATRON เป็นผู้ยุยงอยู่เบื้องหลัง เลยทำให้พระเจ้าตรัสรับสั่งกับ METATRON น้อยลงไปอีก.



---------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 4 

วันเวลาล่วงผ่านไป หนึ่งศตวรรษ การต่อสู้ระหว่างนรก-สวรรค์ ครั้งแรกก็เริ่มขึ้น LUCIFER นำทัพเข้าต่อกรกับ เหล่าเทวดา เพื่อฝ่าไปหาพระเจ้า แต่ด้วยการนำทัพ สวรรค์ ของเหล่า อัครเทวทูต ได้แก่ MICHAEL, GABRIEL, RAPHAEL, URIEL, METATRON, REMIEL, SARIEL, ANAEL, REGUEL, RAZIEL ทำให้กองทัพของ LUCIFER ไม่สามารถฝ่าไปได้และพ่ายแพ้กลับไป แต่ถึงกระนั้น ความสูญเสียที่เกิดขึ้นก็ช่างใหญ่หลวงนัก เหล่าเทวดา และเหล่าปิศาจ ต่างล้มตาย กันอย่างมากมาย

ในส่วนของมนุษย์ หลังจากที่ AZAZEL สอนให้ทำอาวุธ มนุษย์ก็เริ่มที่จะฆ่าฟันกันเอง ไม่เว้นแม้แต่กับพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ไม่เกรงกลัวต่อบาป และนับถือพระเจ้าน้อยลง LUCIFER หลังจากที่พ่ายแพ้สงครามเห็นว่าเจ้าพวกสัตว์ประเสริฐของพระเจ้ากระทำการเยี่ยงนี้ จึงคิดหาวิธีเข้าครอบงำจิตใจของมนุษย์และเริ่มท้าทายพระเจ้าใหม่โดยการพนันขันต่อกับพระเจ้าว่า มนุษย์ สัตว์ประเสริฐที่พระเจ้าสร้างมานั้นจะทำความดีหรือเลวมากกว่ากัน และมีทีท่าว่า LUCIFER กำลังจะเป็นฝ่ายชนะ เพราะมนุษย์ ยิ่งนับวันก็ยิ่งทำความเลวมากขึ้นๆ พระเจ้า ทรงเสียพระทัยมากที่สิ่งที่พระเจ้าสร้างมา ให้รูปลักษณ์ เหมือนพระศิริโฉมของพระองค์ กระทำการชั่วช้า ไม่เกรงกลัวต่อบาป และลืมคำสั่งสอนของพระองค์

พระเจ้าจึงตรัสรับสั่งกับ METATRON ว่า "เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราสร้างขึ้นมาให้สิ้นไปจากแผ่นดิน รวมถึงทุกสิ่งทั้งสัตว์เลื้อยคลาน นกในอากาศด้วย" แต่ในบรรดามนุษย์ที่ถูกครอบงำและหลอกล่อให้ทำความชั้ว ยังมีคนดีอยู่ นั้นคือ โนอาห์ จึงทำให้เขาเป็นที่โปรดปราณของพระเจ้า พระเจ้าจึงตรัสกับ โนอาห์ว่า "เราตัดสินใจแล้วว่า จะให้บรรดาเหล่ามนุษย์ถึงแก่ความพินาศเสียที เราจะทำลายพวกเขาไปพร้อมๆกับแผ่นดินโลก เจ้าจงต่อนาวา(เรือ) ด้วยไม้สนโกเฟอร์ ยาว 300 ศอก กว้าง 50 ศอก สูง 30 ศอก แล้วทำเป็นห้องๆ และชันยาเรือทั้งภายในและภายนอก จงทำช่องข้างบนให้สูง 1 ศอก จงตั้งประตูเรือด้านข้าง ทำดาดฟ้าเรือ และแบ่งเป็นชั้นๆ รวม 3 ชั้น เราจะทำให้น้ำถ่วมแผ่นดิน จะทำลายมนุษย์และสัตว์ที่มีลม%

[ตำนานคริสต์] กองทัพเทพและมารในวันสงครามขั้นแตกหัก JIHAD


[ตำนานคริสต์] กองทัพเทพและมารในวันสงครามขั้นแตกหัก JIHAD
คณะอัครเทวดา (หัวหน้าเทพ: Archangels)
เทวัญ(สิ่งมีชีวิตของพระเจ้าจากคัมภีร์เก่า)เหล่านี้ถ้าแปลตามตำแหน่งแปลได้ว่าหัวหน้า เทวดา แต่หน้าที่จริง ๆ นั้นไม่มีใครทราบได้ มีบันทึกถึงบทบาทและ ชื่อ ของอัครเทวดาเหล่านี้ว่ามี เทพคาเอล (ปราบเทพกบฏอื่น ๆ ) เทพราฟาเอล (ในหนังสือโทบิต) เทพกาเบรียล (ช่วยดาเนียลเข้าใจนิมิตที่เห็น และเป็นผู้นำสาส์นมาแจ้งแก่พระนางมารีย์ถึงการรับเอา กายของพระบุตร) หนังสือเอโน๊คบทที่ 1 กล่าวว่าเทวัญคณะนี้มี

เจ็ดอัครเทวดา
คือ มิคาเอล กาเบรียล ราฟาเอล รูริเอล ชามูเอล โยฟิเอล และ แซดคิเอล



1.มิคาเอล (Michael) เทพองค์นี้มีน้อยคนนักที่รู้ตัวตนที่แท้จริงในจิตใจข องท่านประวัติความจริงทั้งหมดที่ ได้บอกความจริงให้รู้ว่าท่านเป็นผู้ที่อิจฉาและริษยา ในตัวของ Lucifer ได้ถูกลบออกไปจากประวัติศาสตร์ โดยกลุ่มผู้พิทักษ์ความเชื่อในศาสนาคริสต์และผู้เขีย นพระคัมภีร์หมดแล้ว ซึ่ง Lucifer นั้นถือได้ว่าเป็นอัครเทวดาองค์หนึ่งและเป็นอัครเทวด าองค์แรกที่พระเจ้าได้สร้างขึ้น มาให้มีรูปงามมากที่สุดเหนือเทวดาทั้งหมด เพื่อต้องการให้เป็นผู้ฃ่วยงานส่วนใหญ่ของพระองค์อย่ างใกล้ชิด และได้รับความรักจากพระองค์มากที่สุด (ถึงแม้ถือว่าเป็นอัครเทวดาองค์หนึ่งแต่ก็ไม่ได้จัดใ ห้อยู่ใน 1 ใน 7 อัครเทวดาเพราะบทบาทส่วนใหญ่จะทำงานใกล้ชิดพระเจ้ามา กกว่า) และเพราะสาเหตุนี้เองที่ทำให้มิคาเอลเกิดความริษยาแล ะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดของการใส่ร้าย Lucifer และทำให้เกิดเหตุการณ์ the fallen Angel ครั้งแรกในสงครามสวรรค์ ที่ Lucifer กับเทวดาทั้งหลายที่เชื่อในความดีของ lucifer ได้ร่วมกันต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและความจริงในสิ่ง ที่ไม่ได้ทำผิดอย่างที่ถูกกล่าวหาและใส่ร้ายโดยมิคาเอล จนในที่สุดก็ได้เกิดความผิดพลายครั้งแรกขึ้นบนสวรรค์ และการตัดสินใจผิดด้วยอารมณ์โทสะของพระผู้เป็นเจ้าจึ งทำให้เกิด SATAN LUCIFER และเทวดาต้องคำสาปทั้งหลายที่อยู่ข้าง Lucifer ให้มีสภาพเป็น Demons และต้องตกสวรรค์ในที่สุด



2.ราฟาเอล (Raphael) หนึ่งใน 7 อัครเทวดาผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์ ผู้เฝ้าประตูสวรรค์ และดูแลดวงวิญญาณผู้ตายบนสวงสวรรค์ ผู้นำของกองทัพสวรรค์และเป็น 1 ใน 7 อัครเทพที่ยิ่งใหญ่บนสวรรค์ ท่านและ กาบรีเอลเป็นอัครเทวดา ที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในพระคัมภีร์ ส่วนในคัมภีร์ Aggadaah ได้กล่าวเอาไว้ว่าท่านเป็นผู้ปกป้องชาวอิสราเอล บางคนนับถือท่านในฐานะเทพแห่งการ "ปกป้อง"
ปรากฏในพระคัมภีร์ไม่กี่เล่ม ท่านเป็น เทพแห่งการ "รักษา" เพราะมีปรากฏในพระคัมภีร์ว่าท่านได้รักษาตาที่บ อดของ ชายชื่อ โทบิด มาแล้ว และยังเป็น 1 ใน3 เทวฑูต ที่มาส่งข่าวให้อับราฮัม อีกด้วย




3.กาบรีเอล (Fabriel) หนึ่งใน 7 เทวดาผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์เป็นเทพแห่ง "ข่าวสารจากพระเป็นเจ้า" รวมทั้งยังเป็นเทพแห่งความเมตตา การเกิดใหม่ และเป็นเทพผู้ปกป้องผู้ตายร่วมกับมิคาเอลอีกด้ว ย ในภาษาฮิบรูจะอ่านชื่อของท่านว่า กาบรี-เอล ท่านเป็นอัครเทวฑูตที่ส่งข่าวการมาเกิดของพระเยซูคริ สตกับพระนางมาเรีย และยังเป็นคนเป่าแตรแห่งการชำระบาปในวัน Judgment Day ด้วย




4.อูรีเอล (Uriel) อัครเทวดาที่ผู้คนส่วนมากไม่ให้ความสนใน แท้ที่จริงแล้วท่านเป็นเทพแห่งการปกป้องพระคัมภีร์แล ะคำสอน และยังเป็นเทพแห่ง "แสงสว่าง" ส่วนมากท่านจะปรากฏตัวในฐานะผู้ชี้แจง และผู้ที่สั่งสอนสาวกพระเป็นเจ้า ท่านเป็นหนึ่งใน 'watchers'ซึ่งคือ "ผู้เฝ้ามอง" ท่านยังเป็นเทวฑูตที่อธิบายชะตากรรมของ "เทวฑูตปีกหัก หรือ 'the fallen angel' ทั้งหลายในพระคัมภีร์ ท่านมักจะเป็นผู้นำทางสาวกที่หลดผิด ในพระคัมภีร์สู่ทางสว่าง และยังเป็น 1 ใน 4 เทพผู้ปกป้องบัลลังค์ของพระเป็นเจ้า คนส่วนมากนับถือท่านเป็น "เทพแห่งความรู้"

5.ซารีเอล (Sariel) มีไม่มากที่รู้จักท่าน ซึ่งท่านก็เป็น 1 ใน 7 เทวฑูตที่ยิ่งใหญ่บนสวรรค์เหมือนกัน ส่วนมากจะปรากฏในคัมภีร์ของ อิสลาม และ ยิวมากกว่าเป็นเทพแห่งการปกป้อง และความสันติสุข ในพระคัมภีร์บอกไว้ว่า ในมหาสงครามบนสวรรค์ เทวฑูตถึงกับเขียนชื่อของท่านไว้บนโล่ของตัวเอง ในพระคัมภีร์บอกไว้ว่าเป็นเทพผู้ปกป้องสรวงสวรร ค์ และ โลกมนุษย์ เป็นเทพแห่ง "ความกล้า" และ "การควบคุม" ขณะที่ในพระคัมภีร์เก่าแก่ของชาวยิว และ สุเมเรียน บ่งบอกว่าท่านเป็น "กาเดี้ยน" หรือผู้ปกป้อง ในพระคัมภีร์ Talmud นั้นบอกไว้ว่าท่านเป็นเทพแห่ง "ความตาย" บ้างก็ว่าท่านเป็น ราศี Aries หนึ่งในจักรราศี นั่นเอง

6.เรมีเอล (Remiel) มีความใกล้เคียงกับ ซารีเอล เป็นเทวฑูตที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักและส่วนมา ปรากฏในคัมภีร์ของ อิสลาม และ ยิว มากกว่าในพระคัมภีร์ บอกไว้ว่าท่านเป็นผู้เผย "ความจริง" สู่มวลมนุษย์ และเป็นผู้ควบคุมการมาของวันสิ้นโลก ปรากฏในพระคัมภีร์ "The Apocalypse" (ระหว่างช่าง 200 ปีก่อนคริสตศักราชถึงปี คริสตศักราชที่ 300 ) ถ้าจะเรียกว่า เป็นเทพแห่งความ "แท้จริง" ก็คงไม่แปลกเพราะ งานของท่านที่ปรากฏในพระคัมภีร์ส่วนมากจะเป็นกา รบอก "ความจริง" แก่ผู้คน และยังเป็นผู้ที่คอยจำกัดปีศาจอีกด้วย

7.ราเกล (Raguel) บ้างก็เรียก ลูฟาเอล ท่านนี้จะปรากฏในคัมภีร์ อิสลามและยิวมากกว่า เป็น 1 ใน 7 อัครฑูต บนสวรรค์ ชื่อของท่านต่างไป (Raguil, Rasuil,Rufael, Suryan, Akrasiel) ซึ่งความหมายที่แท้จริงของท่านคือ "เพื่อนแห่งพระเจ้า" เป็นเทพแห่ง "ความยุติธรรม" "ความถูกต้อง" และ"ความเท่าเทียม" พลังของวท่านคือพลังแห่งความสมดุล ท่านเป็นเทพผู้ปกป้องโลก หรือเทพแห่งโลก ผู้พิทักษ์องค์ที่ 2 และ/หรือ องค์ที่ 4 บนสวรรค์ ท่านเป็นคนดู และควบคุมความประพฤติของเหล่าเทวฑูตองค์อื่นๆ และเป็นคนสังการ ท่านยังปรากฏในความเชื่อของชาว บาบิโลเนียน ในชื่อของ "Rag" (บ้างก็ว่า Ragumu) และในความเชื่อของชาวสุเมเรียในนามของ "Rig" ซึ่งแปลว่า "คำพูด" ซึ่งในความเชื่อเหล่านั้นต่างก็ยกให้ท่านเป็นเท พเจ้า ความสมดุล เช่นกัน

คณะเทวดา (เทวฑูต: Angels)



------------------------------------------------------------------------
กองทัพของลูซิเฟอร์

Abdiel, Abbadon, Abigor, Abraxas, Adramelech, Af, Agaliarept, Agares, Agiel, Alocer, Ahriman, Amaymyon, Ammi, Amon, Amy, Andras, Androalphus, Antichrist, Ariel, Arioch, Asmodeus, Astaroth, Azazel
Baal, Balam, Baphomet, Barbatos, Beelzebub, Behemoth, Belial, Belphegor, Berith, Botis, Bifron, Buer, Byleth
Camio, Cassiel
Dagon
Eurynome
Flauros, Forcas, Furfur
Gaap, Gamygyn, Glasyalabolas, Gremory, Gusoyn
Ipes
Leviathan, Leonard, Lilith, Lucifuges
Malphas, Mammon, Marbas, Marchocias, Mastema, Mephistopheles, Moloch, Morax
Naberus
Orias, Oze
Paimon, Pazuzu, Phoenix, Pursan
Ronwe
Sabnac, Sallos, Sammael, Satanachia, Scox, Stolas, Sytri
Tephros
Urobach, Uval
Vepar, Volac
Zagan, Zepar

และเหล่า ภูติผีที่เป็นลูกสมุน (Gargoyles) อีกนับแสนนับล้านตัว


ปีศาจผู้เป็นตัวแทนแห่งปาป 7 ประการ (7 deadly sins)
บาป 7 ประการ (seven deadly sins) เป็นหลักคำสอนของศาสนาคริสต์ในอดีตกาล ให้มนุษย์ไม่ทำตามสัญชาตญาณของตนมากจนเกินไป ทางศาสนาคริสต์ได้แบ่งบาปออกเป็น 2 ประเภทคือ แบบที่สามารถยกโทษให้ได้ และ แบบรุนแรง ในต้นศตวรรษที่ 14 หลักคำสอนนี้เป็นที่นิยมในหมู่ศิลปิน (หรือแม้กระทั่งในปัจจุบัน) ผลงานศิลปะมากมายที่สื่อถึงบาป 7 ประการแพร่ไปทั่ววัฒนธรรมต่างๆทั่วโลก
เรียงลำดับจากความรุนแรงน้อยไปหามาก ตามคำสอนของสันตะปาปา เกรโกรี คริสตศักราชที่ 6
ราคะ (ภาษาลาติน: luxuria ลุกซุเรีย ; ภาษาอังกฤษ: lust) 
การคิดในทางเสื่อม ความต้องการเป็นที่สนใจจากผู้อื่น ความต้องการความเร้าใจ หมกมุ่นทางเพศที่มากจนเกินไป หรือที่ผิดมนุษย์ปกติ ความใคร่ที่เกิดขึ้นในทางทุจริต เช่น การมีเพศสัมพันธ์กับสัตว์ กับพ่อแม่หรือลูกหลานตัวเอง การข่มขืน การมีชู้ แอสโมดิวส์ ปีศาจที่หลงรักมนุษย์หญิงสาวคนอื่นและฆ่าชายที่จะแต่งงานกับนางทุกคน เป็นปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์แห่งราคะคืองูหรือวัว สีประจำบาปนี้คือสีฟ้า บทลงโทษผู้กระทำบาปข้อนี้คือ ถูกรมด้วยสารกำมะถันและไฟ
ศีลธรรมที่ช่วยกำจัดราคะคือ ความบริสุทธิ์ ความหวงแหนในพรหมจรรย์

ตะกละ (ภาษาลาติน: gula กูลา ; ภาษาอังกฤษ: gluttony) 
การสนองความต้องการโดยไม่ยั้งคิด มุ่งร้ายเอาของคนอื่น บริโภคสิ่งต่างๆจนขาดการการไตร่ตรอง บริโภคจนมากเกินไป มากจนเกินความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาหาร รวมถึงการบริโภคสิ่งๆต่างๆโดยไม่คำนึงสนใจ หรือเห็นใจคนอื่น บีลเซบับ เจ้าชายแห่งนรกหรือเจ้าแห่งหมู่แมลงวัน เป็นปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของตะกละคือหมู สีประจำบาปคือสีส้ม บทลงโทษของผู้ที่ตะกละในนรกคือการที่ถูกกินทั้งเป็นโดยหนู คางคก และงู
ศีลธรรมที่ช่วยกำจัดตะกละคือ ความพอดี การยับยั้งชั่งใจ

โลภะ (ภาษาลาติน: avaritia อวาริเทีย ; ภาษาอังกฤษ: greed/avarice) 
ความทะเยอทะยานอันแรงกล้าในการให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินและอำนาจ โดยไม่คำนึงถึงแนวทางหรือคุณธรรมในการได้มาซึ่งสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการขโมย การขู่กรรโชกทรัพย์ ยักยอก การกักเก็บทรัพย์สินต่างๆ โดยไม่แบ่งปันหรือช่วยเหลือผู้อื่น ต่อมาโลภะรวมถึง การหาทรัพย์อย่างทุจริตมาใช้เพื่อประโยชน์ทางศาสนาด้วย ถือเป็นการมุ่งร้ายต่อศาสนา และเป็นการหักหลังต่อผู้นับถือคริสต์ศาสนาอีกด้วย แมมมอน ปีศาจแห่งความมั่งคังที่ไม่เป็นธรรม เป็นปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของโลภะคือ กบ สีประจำบาปคือสีเหลือง บทลงโทษของผู้ที่โลภมากคือการถูกแช่ในน้ำมันเดือด
ศีลธรรมที่ช่วยกำจัดโลภะคือ ความเมตตา การแบ่งปัน

เกียจคร้าน (ภาษาลาติน: acedia อาซีเดีย ; ภาษาอังกฤษ: sloth/laziness) ความไม่สนใจใยดีต่อการเปลี่ยนแปลง ต่อสิ่งรอบข้าง ใช้เวลาอย่างไร้ค่า ความไม่ต้องการที่จะทำอะไร โดยปล่อยให้ผู้อื่นเป็นผู้ทำงานหนักเพื่อตนเองเท่านั้น การปล่อยปละละเลยต่อหน้าที่ของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการละเลยที่จะทำดีรวมถึงการละเลยที่จะเคารพต่อพระเจ้าด้วย ผู้ที่เกียจคร้านจะอยู่เฉยๆ รักษาสภาพความเป็นอยู่ของตนเองในภาวะเดิมตลอดเวลา ไม่ทำอะไรมาก แต่ก็ไม่ใช้อะไรมากเช่นกัน เบลฟีเกอร์ ปีศาจผู้ไม่ยอมทำอะไรเพียงแต่บอกให้มนุษย์คอยทำสิ่งเหล่านั้นให้เป็นปีศาจประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของเกียจคร้ายคือแพะ สีประจำบาปคือสีคราม บทลงโทษของผู้เกียจคร้านคือการถูกโยนลงไปในบ่องูพิษ
ศีลธรรมที่ช่วยกำจัดเกียจคร้านคือ ความกระตือรือร้น ความทะเยอทะยาน

โทสะ (ภาษาลาติน: ira ไอรา ; ภาษาอังกฤษ: wrath) ความโกรธเคืองและพยาบาทที่ขาดความเหมาะสม การทนรับสภาพในบางสิ่งบางอย่างไม่ได้ การแสวงหาหนทางผิดกฎหมายบ้านเมือง ในศีลธรรมในการล้างแค้น การมุ่งร้ายที่จะทำสิ่งต่างๆแก่บุคคลที่ตนไม่ชอบ รวมถึงการไม่ชอบบุคคลอื่นโดยไร้เหตุผล เช่น สีผิว เชื้อชาติ ศาสนา นำไปสู่การฆ่าและฆาตกรรมผู้อื่น โมหะคือความโกรธที่ไม่ต้องการที่จะยกโทษ ซาตาน ปีศาจแห่งความมืดเป็นตัวแทนประจำบาปข้อนี้ สัญลักษณ์ของโมหะคือหมี สีประจำบาปคือสีแดง บทลงโทษของผู้ที่มีบาปโมหะคือ การถูกฉีกร่างทั้งเป็น (ซ้ำแล้วซ้ำเล่า)
ศีลธรรมที่ช่วยกำจัดโมหะคือ ความนอบน้อม การให้อภัย

อิจฉา (ภาษาลาติน: invidia อินวิเดีย ; ภาษาอังกฤษ: envy) ความปรารถนาให้ผู้อื่นรับเคราะห์ การไม่ยอมรับผู้อื่นที่มีสิ่งต่างๆ ดีกว่าตนเอง ทั้งด้านทรัพย์สมบัติ ลักษณะรูปร่างนิสัย และ การประสบความสำเร็จ ความอิจฉานำไปสู่การรังเกียจตัวเอง ต้องการอยากเป็นผู้อื่น นำไปสู่การขโมยและทำลายผู้อื่น ความอิจฉาเป็นการพัฒนาต่อจากตะกละและโลภะที่สุดขั้ว เลวีอาธาน ปีศาจอสรพิษทะเลแห่งนรก ผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อต้านพระเจ้าถือเป็นปีศาจประจำบาปนี้ สัญลักษณ์ของอิจฉาคือสุนัข สีประจำบาปคือสีเขียว บทลงโทษผู้ที่มีความอิจฉาคือถูกแช่แข็งในน้ำเย็นจัด
ศีลธรรมที่ช่วยกำจัดอิจฉาคือ ความกรุณา ความเผื่อแผ่

โอหัง (ภาษาลาติน: superbia ซูเปอร์เบีย ; ภาษาอังกฤษ: pride/hubris ) 
ยะโสเป็นยอดแห่งบาปทั้งปวง ความหยิ่งยะโสคือต้องการเป็นผู้ที่มีความสำคัญและอำนาจเหนือผู้อื่น การที่รักตนเองมากจนเกินไป หลงในอำนาจและรูปลักษณ์ของตัวเอง (โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปรียบตนเองเทียบเท่ากับพระเจ้า) ซึ่งบาปประการนี้ทำให้ ลูซีเฟอร์ (ปีศาจประจำบาปนี้) ถูกขับไล่ออกจากสวรรค์ เนื่องจากลูซีเฟอร์เห็นว่าตนมีอำนาจเท่ากับพระเจ้าและสามารถสร้างพรรคพวกของตัวเองเพื่อต่อต้านและไม่เคารพพระเจ้า คนที่มีความหยิ่งยะโสจะสนใจเฉพาะตนเองเท่านั้น ไม่สนใจว่าผู้อื่นจะเป็นเช่นไร สัญลักษณ์ของโอหังคือ ม้า สิงโต หรือ นกยูง สีประจำบาปคือสีม่วง บทลงโทษของผู้ที่โอหังคือการถูกทรมานบนวงล้อ (มัดกับวงล้อแล้วให้วงล้อหมุนเรื่อยๆ ผู้ถูกทรมานจะถูกบดขยี้กับพื้น)
ศีลธรรมที่ช่วยกำจัดโอหังคือ ความถ่อมตน การเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
(ข้อมูลจาก วิดิพีเดีย)

7 มหาบาปแห่งนรก [repost]






ลูซิเฟอร์ (Lucifer) จอมมารแห่งความหยิ่งผยอง มหาบาปข้อที่ 1 จอมมารแห่งนรก พวกเราคุ้นเคยกับชื่อนี้มาก อาจจะเพราะว่าเค้ามีบทบาทเยอะในพระคัมภีร์ คำว่าลูซิเฟอร์นั้น เป็นคำละติน มาจากสองคำ คำว่า Lux ซึ้งแปลว่าแสงสว่าง และ Ferrer แปลว่า ผู้นำมา หรือ ผู้ถือ ซึ่งถ้าเอามารวมกันก็จะแปลว่า "ผู้นำมาซึ่งแสงส่วง" หรือถ้าจะแปลตามภาษาชาวบ้านอีกทีก็คงจะแปลว่า รุ่งอรุณ หรือ ดาวแห่งความแสงสว่าง อะไรทำนองนั้น

อดีตอัคระเทวฑูตองค์นี้ พระเป็นเจ้าเป็นผู้สร้างขึ้นมาจากแสงสว่างและให้ความเอ็นดูเป็นอย่างมาก ถือได้ว่า เป็นใหญ่รองมาจากพระเป็นเจ้า ถือได้ว่าเป็นอัคระเทวฑูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ ทว่าด้วยความที่นึกว่าตนเองยิ่งใหญ่เหนือใคร ทำให้ก่อกบฏหักหลังพระเป็นเจ้า และในที่สุดก็ตกจากสวรรค์ กลายเป็น"ปีศาจ"

ตามตำนานของชาวฮิบรู ลูซิเฟอร์ ได้ถูกยุยงโดยซาตานอีกทีนึง (เห็นได้ว่าตำนานฮิบรู ลูซิเฟอร์ และ ซาตานเป็นคนละคนกัน) ซึ่งในพระคัมภีร์ของฮิบรูนั้น ซาตานก็เป็นหนึ่งในอัคระเทวฑูตด้วย ชื้อว่า Satan-Sataniel (หรือSamael?) ว่ากันว่าซาตานต้องการที่จะเป็นที่สุดในจักรวาล เลยได้ยุยง (บางก็บอกสิงสู่) เทพบางองค์ ทำให้เป็นมารร้าย

ตามตำนานของชาวคริสต์ ในคัมภีร์The Old Testamentได้แปลคำว่า Helel เป็น ลูซิเฟอร์ และได้โยงกับปีศาจร้ายที่มีร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลาน ที่ลอบเข้ามาในสวนอีเดนและหลอกลวงอดัมและอีฟ

ในยุคกลาง นักบุญเจอโรม (St.Jerome)หลวงพ่อในศาสนะจักร คิดว่า ลูซิเฟอร์ ไม่ใช่ชื่อที่ดีสำหรับ "ปีศาจ" และได้เปลี่ยนมาเป็น "ซาตาน" จนในที่สุด ทั้งสองก็ได้รวมมาเป็นคนเดียวกัน ซึ้งจะเห็นได้ว่าในพระคัมภีร์บางทีก็ชื่อลูซิเฟอร์ บางทีก็ชื่อ ซาตาน

ในตำนานกรีกบางที คำว่า ลูซิเฟอร์ เปรียบได้กับดาววีนัส (ซึ่งลูซิเฟอร์เป็นชื่อเดิมของดาววีนัส)

ในบางตำนานของชาวเพแก้น หรือ วิคคา บอกไว้ว่า เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา ก็ได้ให้ความดูแลสนใจในตัว มนุษย์มากกว่าผู้อื่นได ซึ่งมากกว่าตัวลูซิเฟอร์เองด้วย ทำให้เกิดความรู้สึกน้อยใจ และประชดพระเป็นเจ้าโดยการนำพรรคพวกมาก่อกบฏ ในบางความเชื่อของชาวเพเก้น เชื่อกันว่า ลูซิเฟอร์นั้นอยู่ที่ยุโรปและเอเชีย

ทุกวันนี้ มีลัทธิเกิดขึ้นมาใหม่ ที่มีลูซิเฟอร์เป็นเทพของพวกเค้า และเรียกตัวเองว่า ลูซิเฟอเรี่ยน (Luciferains) ตามชื่อศาสดาของพวกเค้า Lucifer Calaritanus บิช๊อปของลูซิเฟอเรี่ยน ซึ่งเชื่อว่าพระเยซูคริสต์ไม่ใช่ผู้ที่ถูกเลือกและเป็นเทพ แต่คือลูซิเฟอร์นั้นเอง (เข้าข่ายพวกลัทธิบูชาซาตาน หรือ บูชาปีศาจ) ในคัมภีร์ของพวกเค้า ได้บอกเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ "ก่อนจะร่วงหล่น" หรือ Before the fall ซึ่งเล่าเรื่องราวไว้ว่า เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ ลูซิเฟอร์นั้นเอ็นดูมนุษย์เป็นอย่างมากและหลงไหลกับความใสซื่อบริสุทธิ์ของมนุษย์ แต่เป็นเพราะว่าการที่มนุษย์นั้น ใสซื่อของมนุษย์นั้นเอง ทำให้มนุษย์ไม่รู้สึกถึงตัวตนของพระเป็นเจ้า ในคัมภีร์เลยบอกไว้ว่า พระเจ้าได้เสกให้งูมาล้อลวงมนุษย์ ให้กินผลไม้แห่งปัญญา พอมนุษย์ได้กินเข้าไป ก็ได้รู้สึกถึงพระเป็นเจ้า และ ได้ขับออกจากสวนอีเดนไป พอลูซิเฟอร์รู้เรื่องเข้าก็ได้โกรธและก่อกบฏขึ้น นี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำมาเพื่อโน้มน้าวจิตใจของสาวกลัทธิลูซิเฟอเรี่ยน ซึ่งต่อมาได้เป็นลัทธินอกรีต และ มีกระจัดกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ บางกลุ่มก็ได้ใช้ยาเสพติด หรือ เสียงเพลงเพื่อนกล่อมประสาท

ทำไมลูซิเฟอร์ถึงได้เป็นตัวแทนของบาปแห่งความหยิ่งพยองทุกๆท่านก็คงรู้แล้วสินะครับ เป็นเพราะลูซิเฟอร์นึกว่าตนเองเก่งกว่าใครและมีพลังมากกว่าคนอื่น ทำให้หลงผิดและก่อกบฏขึ้น ทำให้ก่อสงครามสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยลูซิเฟอร์ได้ชักจูงเทพ 2 ใน 3 (บางก็ว่า 3/5) ของเทพบนสวรรค์ มาต่อสู้กับกองทัพสวรรค์ นำทับโดยอัคระเทวฑูต มิคาเอล และได้พ้ายแพ้ไปในที่สุด





- Mammon จอมมารแห่งความโลภในเงินตรา มหาบาปข้อที่ 2 เป็นบาปที่มีอำนาจมากในสมัยนี้ เพราะบางคนสมัยนี้ยังคือว่าเงินคือพระเจ้า เพราะงั้นจึงไม่แปลกถ้า แมมม่อน ตัวแทนแห่งความโลภเงิน จะมีอำนาจมากในนรก เพราะความโลภเงิน ก่อกำเนิดการคตโกง การขโมย หรือแม้แห่งฆาตกรรม ซึ้งแมมมอม สิงผู้คนทำให้เกิดความกระหายในเงินทอง
แมมมอน มีความหมายว่า "ทรัพย์สมบัติ" "ทรัพย์ศฤงคาร" "เจ้าแห่งเงินตรา" หรือ "ผู้ร่ำรวยที่สุด" แต่คำแปลนั้นยังไม่แน่ชัด บางกลุ่มก็บอกว่ามันแปลว่า "ผู้คตโกง" หรือแม้แต่ ชาวฮิบรู คำว่า matmon แปลว้าเงินทอง แต่มีกล่าวไว้ว่าคำๆนี้มาจากชาว Syrian เพระพวกเค้าเรียกผู้ร่ำรวยด้วยชื้อของปีศาจ

แมมมอนเป็นหนึ่งในเจ้าชายแห่งนรก ซึ้งเคยเป็น Archangel มาก่อนเหมือนลูซิเฟอร์ บางคนก็กล่าวไว้ว่า แมมม่อนเป็นตนเดียวกันกับ Beelzebub มีคำกล่าวไว้มากมายเกี่ยวกับปีศาจตนนี้ บางคนว่า มันได้ครองบันลังแห่งโลกนี้ไว้ เพราะว่าโลกสมัยนี้เป็นโลกแห่งเงินทอง
ในแมนธิว 6:24 และ ลุกค์ 16:13 กล่าวถึงพลังอำนาจที่ต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า เป็นปีศาจที่สามารถอ่านความคิดมนุษย์ได้ และจะกำจัดได้มีแต่ความศัทรา ตามพระคัมภีร์กล่าวถึงแมมม่อนน้อยมาก มีเพียงแค่ท่องคำบางคำที่พูดถึงมันเช่น "Mammon est nomen daemonis" (Mammon is the name of a demon). หรือ แมมมอนคือชื้อของปีศาจ และ กล่าวถึงมันที่แปลว่า ความร่ำรวยเพียงเท่านั้น
St Matthew กล่าวเอาใว้ว่า
No one can serve two masters. He will either hate one and love the other, or be devoted to one and despise the other. You cannot serve God and mammon. Matthew 6:24
แปลได้ว่า
"ไม่มีใครสามารถรับใช้ได้สองเจ้า เขาจะรังเกียจอีกคน และรักอีกคน หรือ ซื่อสัตย์ อีกคนและเหยียดหยาม อีกคน คุณไม่สามารถรับใช้พระเป็นเจ้า และ แมมม่อนได้"
Milton กล่าวเอาไว้เกี่ยวกับแมมม่อนไว้อีกมากมาย (ซึ้งยาวมากจนแปลไม่ไหว) แต่ใจความรวมๆคือ แมมม่อนเป็นปีศาจที่สามารถเข้าสิงใครก็ได้ที่มีความกระหาย มันจะ แทรกเข้าไปในจิตใจตามความโลภที่ผู้นั้นมี มันจะบังคับให้ครนผู้น้ำทำทุกอย่างเพื่อได้เงินทองมาเป็นของตน และไม่ยอมที่จะให้มันไปกับใคร ถ้าจะให้คนๆนี้บริจากเงิน ละก็ ฝันไปเถอะ สำหรับคนที่ถือว่า เงินคือพระเจ้า เงินบันดาลเสกสรรค์ได้ทุกอย่าง นั่นแหละ พวกสาวกของMAMMON มันจะทำให้คนๆนั้นรักเงินยิ้งกว่าอะในโลก ในที่สุดทำให้เสียทุกสิ่งทุกอย่างไปจนหมด แม้กระทั้งลูกเมีย ไม่มีร่องรอยอื่นว่ามันมากที่ได แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีเทพเจ้าที่มีชื้อว่า แมมม่อนถึงศาสณาได แต่ว่าความหมายของชื้อนั้งไปตรงกับเทพบางองค์ชองชาว Syriac

จบแล้วล่ะคับ ผมคิดว่ามันน้อยไปนี๊ดนะคับ แต่เพราะข้อมูลของแมมม่อมมีน้อยมากเลยได้มาแค่นี้ ตัวผมเองคิดว่าความโลภ ความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติ นี้น่ากลัวมากๆ การที่ พี่ฆ่าน้อง ลูกฆ่าพ่อ ผัวฆ่าเมีย ที่เป็นข่าวดังๆกันมานักต่อนัก เบื้องหลังอาจเป็นฝีมือของ MAMMON ดลใจก็ได้ แท้จริงแล้ว อำนาจที่ร้ายแรงที่สุดของ MAMMON อาจไม่สำแดงฤทธิ์เดชออกมาได้ ถ้ามนุษย์ รู้จักคำว่า "พอ"


-ASMODEUS จอมปีศาจแห่งราคะ มหาบาปข้อที่ 3 ปีศาจตนนี้มีชื่ออื่นที่เค้าเรียกกันเพียบ... Ashmeday, Asmodius, Asmodee, Asmoday, Hasmoday, Sydoney, Chammaday, Ashmedai, Sidonay, Asmodai, Asmadai, Chashmodai, ?shma

คาดว่า ชื้อน่าจะมาจาก ashma daeva ปีศาจตนนี้เป็นปีศาจที่มาจากแถบเปือร์เซีย แทนที่จะมาจากฮิบรู แบบปีศาจส่วนใหญ่ แต่ว่ามันเป็นปีศาจที่มีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อของชาวฮิบรูเป็นอย่างมาก และถูกจัดว่าเป็น"ปีศาจแห่งความชั่วร้าย"

ใน Encyclopedia of Religions บอกไว้ว่า เป็นปีศาจเก่าแก่ มีอีกนามว่า Ashmedai เป็นปีศาจผู้มาจาก Zend Aeshmadeva ดินแดนแห่งราคะ (The Book of Tobit 3:8)

ในตำนานบอกไว้ว่า เป็นความผิดของเจ้าปีศาจ Ashmedai นี้แหละที่มอมเหล้าโนอา และเป็นเจ้าตัวนี้แหละ ที่เป็นคนสิงสาวน้อยซาราห์ และถูกมหาเทพราฟาเอล ขับไล้ และถูกขับไล้ไปยังดินแดนทางเหนือของอียิปต์

ในตำรา Demonology บางเล่มบอกไว้ว่ามันเป็นตัวควบคุมบ่อนพนันทั้งหลาย ผู้ที่จะสามารถเรียก จอมปีศาจตนนี้ได้ ต้องเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจมาก และต้องใส่หมวกอาคม เพื่อป้องกันการสะกดจิตของมัน ไม่งั้นจะโดนมันหลอกเอาได้

Barrett แห่ง The Magus II ได้อถิบายแอสโมดีอุส เป็น ภาชนะแห่งความโกรธเกรียว ในตำราบางเล่มกล่าวเอาไว้ว่า มันเป็นลูกคนแรกของ อดัม และ ลิลิธ ซึ้งก็คือ เป็นพี่ชายต่างบิดาของเหล่า ซักคิวบัส และ อินคิวบัส นั้นเอง ทว่าในตำรา The Book of the Sacred Magic of Abra-Merlin the Mage กล่าวเอาไว้ว่า มันเป็นทายาทของเผ่า Tubal ที่เก่าแก และมีน้องสาวชื้อว่า Naamah

ในตำนานของโซโลม่อน แอมโมดีอุส เป็นตัวแทนของ "ซาตาน" (เหมือนปีศาจเก่งๆหลายๆตัว = =) แต่ว่า มันมีเครดิด ในการริเริมการสร้าง ม้าหมุน ดนตรี การเต่นรำ การละคร และพวกแฟชั่น นำสมัย

Asmodeus เป็นปีศาจแห่งราคะ และตันหาทางเพศ มันจะพยายามทุกวิธีทางที่จะให้มนุษย์ลุ้มหลงในประเวณี และ ย่ำยีผู้อื่น แต่ทว่าจะขัดขวางทุกวิธีทาง กับคนที่ต้องการมีลูก เมื่อมันปรากฏต่อมวลมนุษย์ มันจะมีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาดสามหัว ขี่มังกร พร้อมอาวุทหอก หัวทั้งสามของมันเป็น วัว แพะ และคน เพราะว่า สัวต์พวกนี้ถือว่าเป็นสัตว์ที่ที่ลุ่มหลงในตัณหา เท้าของมัน ถ้าคนจะสังเกตุ จะเป็นของไก่

ลองมาดูชื้ออื่นของมันบ้างดีกว่า

Ashmedai ในคัมภีร์กฏหมายของยิว บอกว่ามันเป็น ผู้ส่งสารแห่งพระเป็นเจ้า ซึ้งก็คือเทวดา นั้นเอง ทว่า มันเป็นคู่ปรับของโซโลม่อน และ ผู้ปกครองทางใต้ ด้วยปีศาจ 66 กองทัพ เป็นของมัน เลยถูกจัดให้เป็นปีศาจ และบางตำราไปไกลถึงจัดให้มันเป็นงูที่หลอกลวงอีฟ จะดีหรือร้าย เทวดาหรือปีศาจ ก็แล้วแต่ Ashmedai ถูกจัดไว้ว่าเป็นปีศาจที่ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และถูกจัดให้เป็นนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่

Asmadai ในบางคัมภีร์บอกไว้ว่า Asmadai ถูก Uriel และ Raphael กำจัดไปพร้อมกันปีศาจอีกตนชื้อว่า Adramalec

Asmoday เป็นเทวฑูตตกสวรรค์ที่มีปีกและบินไปมาได้ พร้อมทั้งยังรู้อนาคต อ้างอิงจาก Budge, Amulets และ Talismans Asmoday เป็นผู้สอน คณิตศาสตร์ ให้แก่มนุษย์ และสามารถทำให้หายตัวได้ ปกครองปีศาจ ทั้ง 72 กองทัพ และ เมื่อถูกเรียกมาจากขุมนรก มันจะมีรูปร่างเป็นสัตว์ประหลาด สามหัว (วัว แพะ คน)

Aeshma รากศัพย์ของ Asmodeus ในตำนานของชาวเปอร์เซีย เค้าเป็น หนึ่งใน 7 เทวฑูต





- Leviathan จอมมารแห่งความอิจฉาริษยา มหาบาปข้อที่ 4 
ชื้ออื่นที่ปรากฏ : Lothan, Leviatan ความหมายของชื้อ : ผู้ที่ขัดขวางความศรัทธา

Leviathan เป็นปีศาจที่คุ้นหูของหลายๆคน นั้นอาจจะเป็นเพราะมันได้มีบทบาทหลายอย่างในพระคัมภีร์ของชาวคริสต์ และชาวยิว
ปรากฏในบทแห่ง Isaiah 27
1 In that day,
the LORD will punish with his sword,
his fierce, great and powerful sword,
Leviathan the gliding serpent,
Leviathan the coiling serpent;
he will slay the monster of the sea.
เห็นได้ชัดว่า ลิเวียธาณ คือปีศาจ ที่มีรูปร่างเป็นสัตว์เลื้อยคลาน รูปร่างคล้ายมังกร ผู้อาศัยในทะเลลึก ปรกติจะจัดให้มันเป็นเพศเมีย บางตำรากล่าวไว้ว่า มันก็คือ Rahab อดีดเทวฑูตองค์หนึ่งในสวรรค์ เทวฑูตแห่งยุคกำเนิดโลก ร่วมกับ เบเฮมอธ กล่าวไว้ว่า ลีเวียธาณ และ เบเฮมอธ ถือกำเนิดในวันที่ 5 ของการสร้างโลก
ในบางตำรา กล่าวเอาไว้ว่า ทั้งสองจัดได้ว่าเป็น "เทวฑูตเลว" (Bad Angel)
[Rf. Ginzberg, The Legends of the Jews V, 46; The Apocalypse of Abraham 10.]
นักศึกษาไบเบิลบางคน ที่ศึกษาเกี่ยวกับปีศาจ คิดว่าลีเวียธาณ ก็คือ Tiamat ของชาวบาบิโลเนียนนั้นเอง แต่ทว่า ในไบเบิลนั้น จัดให้ลีเวียธาณเป็นสัตว์ดุร้าย(หรือที่คน ยุคก่อนคิดว่าเป็นปีศาจ)ทั้งมวลที่อาศัยอยู่ในน้ำ ภาพบน ลีเวียธาณ และ เบเฮมอธ
ในบท Biblical lore (Job 41:1) จัดให้มันเป็นปลาวาฬยักษ์
ในบท Psalm 71:14 จัดให้มันเป็นฮิปโปโปเตมัส หรือจระเข้
หรือในบท Isaiah 27:1 กล่าวเอาไว้ว่า "เจ้างูพิษผู้โป้ปด"
และใน Revelation 12;9 ซาตานยังบอกว่ามันเป็น "งูเฒ่า"

ในบทของ Mandean กล่าวเอาไว้ว่า เมื่อถึงวันแห่ง hammagedon วิญญาณที่ไม่บริสุทธิ์ จะถูกกลืนกินเป็นอาหารของลีเวียธาณ แม้ว่ารูปร่างของมันจะไม่ค่อยเหมือนกันซะเท่าไร แต่ว่ายังไงมันก็ถูกจัดว่าเป็น ปีศาจที่ร้ายกาจที่สุดและนากลัวที่สุดเท่าที่มนุษย์จะจินตนาการออก
ในหนังสือ Book of Job ที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์และฮิบรู ลีเวียธาณถูกบรรยาย ไว้ว่าเป็นเป็นปีศาจที่ไม่มีทางที่มนุษย์จะเอาชนะได้ ในหนังสือกล่าวเอาไว้ว่า มันเป็นปีศาจร้ายที่มีลมหายใจเป็นไฟ เมื่อมนุษย์ได้เห็นมัน จะต้องกรีดร้องด้วยความกลัวอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่ทหารกล้าผู้ชณะมาหลาย สงครามยังต้องกรีดร้องเหมือนผู้หญิง และยืนร้องไห้เหมือนเด็ก
ความหวาดกลัวในปีศาจตนนี้ได้มีมานานมาก ซึ้งถึงขนาดปรากฏใน DEAD SEA SCROLLS แต่ที่น่าสนใจคือ ในบันทึกนี้ บอกไว้ว่า ซักวันหนึ่งบุตรแห่งแสง จะทำลาย บุตรแห่งความมืด และนำมาซึ้งหายณะขิงลีเวียธาณ

ทำไมมันถึงได้เป็นตัวแทนของบาปแห่งความอิฉฉาน่ะเหรอ? มีทฤษฏีต่างกันออกไป บางก็ว่ามันอิฉฉามนุษย์ที่อยู่ได้ทั้งบนเขา พื้นดิน และท้องทะเล และมีอิสระเสรี แต่มันต้องถูกกักขังอยู่แต่ในท้องทะเล บางก็ว่า มันอิฉฉาในพลังอำนาจของพระเป็นเจ้า แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นตัวแทนของความหวาดกลัวตั้งแต่สมัยดึกดำบรรณ์ของมนุษย์





- เบลเซบับ (Beelzebub) จอมปีศาจแห่งความตะกละ มหาบาปข้อที่ 5 หนึ่งในเทวทูตผู้ถูกขับจากสรวงสวรรค์ อดีตมหาเทพชั้นเซราฟิม, และกลับกลายเป็นจอมปิศาจผู้ยิ่งใหญ่อีกตนหนึ่งแห่งขุมนรก ผู้เป็นรองแค่ซาตานเท่านั้น. ตามที่ John Milton, ผู้ประพันธ์ Paradise Lost (ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 1667), กล่าวไว้ว่า "than whom, Satan except, none higher sat." หรือ "ยกเว้นแต่ซาตานเท่านั้น, ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกว่าเบลเซบัฟ"

เซบาสเตียน ไมเคิลลิส (Sebastian Michaelis), ผู้ชำนาญในการขับไล่ผีร้ายแห่งศตวรรษที่ 17, ได้จัดเบลเซบัฟ เป็น 1 ใน 3 ของเทวทูตผู้ทรงอำนาจ (อีก 2 คือ ลูซิเฟอร์และลิเวียธัน). ต่อมามีงานเขียนสองชิ้นในศตวรรษที่ 18 กำหนดว่า "Unholy Trinity" ประกอบไปด้วย ลูซิเฟอร์, เบลเซบัฟ, และแอสตารอส. (จะเห็นว่าลูซิเฟอร์กับเบลเซบัฟมีความยิ่งใหญ่แทบไม่ต่างกัน)

ชื่อเบลเซบัฟเป็นที่รู้จักกันดี ไม่ได้น้อยไปกว่าลูซิเฟอร์เนื่องจากในภาพยนตร์, การ์ตูน, โดยเฉพาะเกมส์ต่างๆ มักจะมีพูดถึงอยู่บ่อยๆ. มีชื่อเรียกมากมาย แต่มักจะคล้ายๆ กัน เช่น Belzebud, Belzaboul, Beelzeboul, Baalsebul, Beelzebus, และ Beelzebuth.

เกม/การ์ตูนที่มีการกล่าวถึงเบลเซบัฟ เช่น Final Fantasy, โจ มาไคมูระ (เบลเซบัฟเป็น Boss เฝ้าหน้าประตูเข้าไปหาลูซิเฟอร์), เซนต์เซย่า (เบลเซบัฟเป็นบริวารมือขวาของลูซิเฟอร์), Summoner, Devil Summoner, Godcyder (เบลเซบัฟเป็นรองจากลูซิเฟอร์และมีบทบาทถึง 1 ใน 4 ของเรื่อง), หรือภาพยนตร์ Bedazzled, Lord of the flies, etc ....

ชื่อ "เบลเซบัฟ" ว่ากันว่าเพี้ยนมาจากคำว่า Baalzebul ซึ่งแปลว่า "จ้าวแห่งสวรรค์ - Lord of Heaven" กลายเป็น เบลเซบัฟ (Beelzebub) หรือ "จ้าวแห่งแมลงวัน - Lord of Flies".

แต่เดิมนั้นเบลเซบัฟ เป็นเทพเจ้าของซีเรียน (Syrian God), เป็นเทพเจ้าแห่งเอครอน (Ekron) แห่ง ฟิริสเทีย (Philistia). เมื่อกษัตริย์ Ahaziah หารือกับเหล่านักปราชญ์ว่า หายนะที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมือง เป็นเพราะเหตุอันใด. นักบวชได้กล่าวว่า "เมื่อใดที่ Ank (Beelzebub) มาเยือน, เมืองนี้จะมีโรคร้ายระบาดไปทั่ว ผู้คนจะล้มตาย ซากศพจะกองสูงเหนือหลังคาบ้าน" และนับแต่นั้นเป็นต้นมา เบลเซบัฟก็กลายเป็นปิศาจแห่งความตาย.

ปรากฎใน The New Testament ว่าเป็นผู้ปกครองเหล่าปิศาจ เจ้าชายแห่งเหล่าปิศาจ (Matthew 12:24). ทว่าเบลเซบัฟนั้นต่างจากซาตาน ไม่ว่าจะเป็นแหล่งของพลังเวทย์ การกระทำ หรืออะไรทั้งหมด ไม่ได้ใช้หรือขอยืมพลังจากซาตานเลย. ใน Gospel of Nicodemus, พระเยซูคริสต์เดินทางเยือนนรก 3 วัน และให้เบลเซบัฟ มีอำนาจในการปกครองนรก (อย่างเป็นทางการ) และให้มีอำนาจเหนือซาตาน (กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ได้รับเลือกให้คุมนรกอย่างถูกต้องโดยพระคริสต์) แลกกับการยอมรับในพระองค์ เพราะว่าซาตานนั้นไม่ยอมรับในตัวพระเยซูคริสต์. (นี่เป็นความเชื่อของฝ่ายที่ว่าเบลเซบัฟอยู่เหนือกว่าซาตาน)






BELPHEGOR
 จอมปีศาจแห่งความเกียจคร้าน มหาบาปข้อที่ 6
ชื้ออื่นที่ปรากฏ: Baal Davar, Baal-Peor, Baalam, Baalberith, Baalphegor, Baalsebul, Baalzephon, Bael, Baell, Balam, Balan, Balberith, Beal, Belberith, Beleth, Belfagor, Belial, Beliar, Belphegor, Berith, Bileth, Bilet, Byleth, Elberith, BA'AL
ความหมายของชื้อ: จ้าวแห่งการเปิดโปง , Baal แห่งเขา Phegor
Belphegor หรือชื้อที่คุ้นหูกันดี Baal (บาร์ล หรือ บา-อัล) ซึ้งปรากฏในนวนิยาย หรือ กวี หลายๆเรื่อง เกมส์หลายๆเกมส์ และวงค์ร๊อกบูชาซาตาน ซึ้นเป็นชื้อเดียวกัน กับเทพ Baal เทพแห่งสายฟ้าแห่งอียิปต์ ซึ้งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยงข้องกันรึป่าว โดยเบลเฟกอร์ ตามพระคัมภีร์ เป็นตัวแทนของความขี้เกียจ ไม่ทำการทำงาน ไม่ทำหน้าที่รับผิดชอบ สัปเพร่า ทำงานขาดตกบกพร่อง บาปนี้ ปรากฏต่อมนุษย์ทุกคน ไม่สิ..... ต้องบอกว่าปรากฏต่อสิ่งมีชีวิตที่มีสติทุกอย่าง ปรกติแล้วจะเกิดกับคนที่หลับในเวลา ทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ้ง ถ้าเป็นงานของพระ ซึ้งพอโดนมันครอบงำเข้าละก็ ไม่มีทางที่จะทำงานหรอก

เบลเฟกอร์ จ้าวแห่งความไร้ศีลธรรม ซึ้งอดีดเคยเป็นเทวฑูต มีหน้าที่ในการจัดตำแหน่ง (อาจจะเกี่ยวข้องกับการจัดตำแหน่งอย่างไร้ศิลธรรมในสมัยก่อนก็ได้ อย่างน้อยผมก็คิดว่างั้นนะ) ในนรก เบลเฟกอร์ เป็นปีศาจนักประดิษฐ์ที่ชาญฉลาด และการค้นพบสิ่งของแปลกๆ มักจะปราฏกตัวให้คนที่ชอบโกง และชั่วร้าย ซึ้งมันจะให้สิ่งประดิษฐ์ที่พิศดารแก่คนผู้นั้น เมื่อปรากฏร่าง มันมักจะออกมาในรูปของหญิงสาว หรือไม่ก็ปรากฏในร่างของปีศาจเครายาวปากกว้างมีเขาและเล็บยาว มันชอบที่ยั่วยวน ผู้ชายให้หลงไหลในกามรส

อีกชื้อหนึ่งของมันคือ จอมเปิดโปง ซึ้งก็คือ ถ้าที่ใหนมีความลับ มันจะไปเปิดโปงให้คนเค้ารู้กันทั่ว ซึ้งส่วนมากจะไม่ค่อยดีนัก และอาจจะเพราะเหตุนี้ เมื่อมันปรากฏตัว มันจึงมักจะไม่ใส่เสื้อผ้า ประวัติความเป็นมาของปีศาจตนนี้ ตามชื้อจองมัน Belphegor ซึ้งก็คือ Baal จากภูเขา Phogor หรือ ภูเขาPeor ภูเขาในแถบอนาจักร Moab (ผมก็ไม่แน่ใจว่าที่ใหน) ซึ้ง Baal น่าจะเป็นผู้ครอบครองภูเขา Phegor แห่งอนาจักร Moabite (ม้อไบ? เกี่ยวป่ะ??) บางคนก็บอกว่ามันคือเทพ Chamos (Chemosh) เทพ ประจำประเทศ Moab ซึ้งก็แน่นอนว่ามันพิสูจน์ไม่ได้ว่ามันมีรากฐานจริงๆที่ใหน ซึ้งนักโบราณคดีก็ต้องเดากันไปต่างๆนาๆ ไม่ว่าจะเป็นคน หรือ เทพ แต่ที่รู้แน่ๆคือเป็นผู้ที่ได้ปกครองภูเขา Phogor และได้รับการบูชา ชาวบ้านจะต้องนำเครื่องเซ่นจากผลผลิตมาถว่าย ซึ้งมีปรากฏในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล

Baalมักจะมีการค้า ผู้หญิงของ Moab แลกกับเงินทองและผลผลิต และคนที่ขัดขืนจะโดนประหาร และก็เลนเกิดเป็นลัทธิบูชา Baal (คล้ายๆกับสมัยที่ฮิตเลอร์ขึ้นปกครองเยอร์มันน่ะแหละ) ความเลวทรามของ Baal กระฉ่อนไปทั่วหล่า แล้วจะมีจอมยุทคนใหนจะมาจัดการละนี้? 555 .....ใช่แล้ว ในที่สุดก็มีจอมยุท ซึ้งเป็นทะหารชาวอาหรับ (?) และก็ได้ เป็นสงคราขึ้นในอิสราเอล ซึ้งได้ปรากฏขึ้นหลายต่อหลายครั้งในไบเบิล.....และนักบุญพอลเลยหยิบเอามาอ้างอิงในคำสอนของท่านหลายบท และก็เลยกลายเป็น Belphegor ทุกวันนี้




- ซาตาน (SATAN) 
เจ้าแห่งความชั่วร้าย ราชาแห่งนรก มหาบาปข้อที่ 7 เมื่อพูดถึงซาตาน คนทั่วไปมักจะนึกถึงตัวประหลาดที่มีเขา 2 เขา หรือผีที่มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วพระคัมภีร์บอกว่าซาตานนั้นเป็นทูตสวรรค์ชั้นสูง มีรูปร่างงดงาม ฉลาด เป็นทูตสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ และพระเจ้าได้ทรงตั้งให้อยู่ท่ามกลางเครูบ มีชื่อเรียกว่าลูซิเฟอร์ ดังที่ปรากฏในพระธรรมเอเสเคียล 28:12 - 15

"บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงเปล่งเสียงบทคร่ำครวญเพื่อกษัตริย์เมืองไทระ และจงกล่าวแก่ท่านว่าพระเจ้าตรัสดังนี้ว่า เจ้าเป็นตราแห่งความสมบูรณ์แบบเต็มด้วยสติปัญญาและมีความงามอย่างพร้อมสรรพ เจ้าอยู่ในเอเดนพระอุทยานของพระเจ้า เพชรพลอยทุกอย่างเป็นเสื้อของเจ้า คือทับทิม บุษราคัมน้ำอ่อน เพชร เพทาย โกเมน และมณีโชติ ไพฑูรย์ มรกต และเบริล เพชรพลอยเหล่านี้ฝังในทองคำและลวดลายแกะสลักก็เป็นทองคำ สิ่งเหล่านั้นจัดเตรียมไว้ในวันที่สร้างเจ้าขึ้นมา เราตั้งเจ้าให้อยู่กับเครูบ ผู้พิทักษ์ที่ได้เจิมตั้งไว้ เจ้าอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์แห่งพระเจ้า และเจ้าเดินอยู่ท่ามกลางศิลาเพลิง"

พระเจ้าไม่ได้สร้างซาตาน พระองค์สร้างแต่ทูตสวรรค์ ซาตานเกิดขึ้นจากความหยิ่งผยองของทูตสวรรค์ตนหนึ่งที่สมบูรณ์แบบ ที่คิดว่าตนเองรูปร่างงดงาม มีตำแหน่งสูงกว่าบรรดาทูตสวรรค์องค์อื่นๆ และฉลาดที่สุด ดังนั้นตนจึงสมควรที่จะได้รับการยกย่อง ได้รับการนมัสการแทนพระเจ้า

"จิตใจของเจ้าผยองขึ้นเพราะความงามของเจ้า เจ้ากระทำให้สติปัญญาของเจ้าเสื่อมทรามลงเพราะเห็นแก่ความงามของเจ้า เราเหวี่ยงเจ้าลงที่ดินแล้ว เราตีแผ่เจ้าต่อหน้ากษัตริย์ทั้งหลาย เพื่อตาของท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะเพลินอยู่ที่เจ้า" เอเสเคียล 28:17

ความหยิ่งยโสนี้เป็นหนึ่งในความบาปที่พระเจ้าทรงเกลียดชัง เหมือนกับที่บอกไว้ในพระธรรมสุภาษิต 6:16 - 19 ดังนี้

"มีหกสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงเกลียด มีเจ็ดซึ่งเป็นที่น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์ ตายโส ลิ้นมุสา และมือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก จิตใจที่คิดแผนงานโหดร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว พยานเท็จซึ่งหายใจออกเป็นคำมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง" เพราะความหยิ่งผยองนี้เอง ซาตานจึงถูกพระเจ้าขับไล่จากสวรรค์ และถูกผลักให้ตกลงมายังโลกมนุษย์ ตกลงมายังปากแดนของคนตาย

"โอดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชาติตกต่ำน่ะ เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สูงสุด แต่เจ้าถูกนำลงมาสู่แดนคนตาย ยังที่ลึกของปากแดน" อิสยาห์ 14:12-15

รูปลักษณ์ของซาตานไม่อาจอธิบายได้ชัดเพราะมีหลายแบบตามท้องถิ่น(อาจเป็นปางต่างๆเหมือนเทพเจ้า)รูปลักษณ์ที่เราคุ้นเคยกันจะเป็นปิศาจมีเขาแพะบนหัว ผิวหนังหยาบ ตาสีแดง ฟันแหลมมีทรวงอกเป็นของผู้หญิงและท่อนล่างเป็นแพะถือตรีศูล(สามง่าม)เป็นอาวุธ นอกจากนี้แล้วยังมีรูปลักษณ์อื่นๆอีกมากตามแต่จิตนาการของผู้คน(เคยมีการใช้รูปงูเป็นเครื่องหมายของซาตาน เนื่องจากซาตานเคยจำแลงการเป็นงูในตอนล่อลวงเอวา(อีฟ)ให้กินผลไม้ต้องห้าม)

เวโดร่า(Vedora) ชื่อเฉพาะไม่มีความหมาย เกิดจากการเล่นคำ Voice of darkness และ original lord of gaia แตกต่างจากซาตาน เพราะเป็นซาตานในรูปลักษณ์เทพมีลักษณะเป็นบุรุษรูปงามร่างสูงใหญ่กำยำสวมเกราะนักรบสีดำน่าเกรงขามและผมยาวสลวยสีแพลตินั่ม (ทองคำขาว) มีเสียงร้องที่ไพเราะ และรูปลักษณ์แบบนี้ที่ทำให้ซาตานยั่วยวนเหล่าเทพเทพีให้แตกพ่ายได้แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อพระเจ้า

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ประวัติ Heinrich Hertz ผู้คิดค้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า




ประวัติ Heinrich Hertz ผู้คิดค้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 
ประวัติ Heinrich Rudolf Hertz ที่มาของหน่วย ความถี่ บนโลกเรา


ภาพลูกคลื่นวิ่งไปมา ในหน้าจอ ออสซิโลสโคป คงเป็นสัญลักษณ์ ที่นักเรียน นักศึกษา เกี่ยวกับด้านวิทยาศาสตร์คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แถมยังมีการเรียกหน่วยต่างๆ ออกมาให้เราจดจำไปใช้ในการเรียนการสอน ด้วย..


แต่รู้หรือไม่ ว่าที่มีของหน่วยความถี่ ที่เรียกว่า Hertz นั้น มาจากอะไร? หากไม่รู้ เรามีคำตอบให้ Hertz เป็นชื่อที่แต่งตั้งให้ เพื่อเป็นเกียรติ กับนักวิทยาศาสตร์ นามว่า  Heinrich Rudolf Hertz  นั่นเอง เอาล่ะ มารู้จักประวัติของ  Heinrich Rudolf Hertz  กัน

Heinrich Rudolf Hertz


ประวัติ Heinrich Rudolf Hertz

ชื่อ           : ไฮน์ริช  เฮิร์ตซ์ ( Heinrich Rudolf Hertz )
มีชีวิตในช่วง : 1857-1891
สัญชาติ      : เยอรมนี


Heinrich Rudolf Hertz  จบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเบอร์ลิน และรับการแต่งตั้งเป็นอาจารย์สอนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยคีล จากการค้นพบที่สำคัญของ แมกซ์เวลล์ ทำให้ Heinrich Rudolf Hertz  หันมาสนใจการศึกษาเกี่ยวกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า   การศึกษาของแมกซ์เวลล์พบว่า ถ้านำตัวนำมารับประจุไฟฟ้า หรือให้คายประจุไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว มันจะต้องเกิดการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกไปด้วย  เพราะประจุที่ให้แก่ตัวนำนั้นจะไม่ขึ้นอยู่ในตัวนำตลอดไป แต่มันจะคายประจุออกมาเรื่อยจนกระทั่งเป็นกลางทางไฟฟ้า

การคายประจุแบบนี้จะเป็นการแพร่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมานั่นเอง Heinrich Rudolf Hertz คิดว่าหากนำสายตัวนำมาต่อเข้ากับแหล่งกำเนิดจะทำให้กระแสไฟฟ้าวิ่งไปจนสุดปลายสาย ที่ไม่ต่อกลับเข้าวงจร กระแสไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ต่อไปอีกหรือไม่   ในความคิดของแมกซ์เวลล์ กระแสไฟฟ้าจะแพร่กระจายเหมือนกันเสียงของระฆังที่ถูกตี   ส่วนความดังของเสียงจะขึ้นกับระยะทาง    


Heinrich Rudolf Hertz ได้ทำการทดลองนี้ซ้ำโดยใช้ขดลวด 2 ขด เป็นอุปกรณ์ ขวดที่ 1 ทำหน้าที่จ่ายกระแสไฟฟ้า และขดที่ 2 ทำหน้าที่รับสัญญาณ   ผลการทดลองของเขาเป็นไปตามทฤษฏีของแมกซ์เวลล์ทุกประการ  กล่าวคือ แม่เหล็กไฟฟ้าสามารถเคลื่อนที่ผ่านอากาศได้    Heinrich Rudolf Hertz  ได้พัฒนาสายอากาศ(Antenna) สำหรับส่งสัญญาณหลายชนิด และได้ทดสอบคุณสมบัติทางแม่เหล็กไฟฟ้าของวัสดุหลายชนิด ภายหลังเขาจึงได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์

Heinrich Rudolf Hertz