THE NATURAL OF REVENGE: 08/01/2011 - 09/01/2011

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เเนสกา หริอ นาสกา


ลายเส้นนาสกาใครคือผู้สร้างมนุษย์หรือผู้มาเยือนจากต่างดาว  
าพลี้ลับบนทะเลทรายที่รู้จักในชื่อลายเส้นนาสกา (Nasca Lines) อันประกอบไปด้วยรูปลายเส้นที่เน้นความเป็นธรรมชาติอย่างสัตว์และพืช เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายในปลายทศวรรษ 1920 เมื่อสายการบินพาณิชย์เปิดเส้นทางบินระหว่างกรุงลิมากับอาเรกีปา เมืองทางใต้ของเปรู และนับแต่นั้นมาก็สร้างความฉงนฉงายให้เหล่านักโบราณคดี นักมานุษยวิทยา และผู้หลงใหลในวัฒนธรรมโบราณของอเมริกามาตลอด ในเวลาไล่เลี่ยกัน บรรดานักวิทยาศาสตร์และมือสมัครเล่นทั้งหลายต่างพากันตีความลายเส้นเหล่านั้นไปต่างๆนานา บ้างว่าเป็นถนนของชาวอินคา บ้างว่าเป็นผังระบายน้ำ หรือไม่ก็เป็นภาพที่เอาไว้ชื่นชมจากบอลลูนอากาศร้อนยุคโบราณ แต่ที่น่าขำที่สุดคงไม่พ้นทฤษฎีหลุดโลกที่บอกว่าเป็นลานจอดยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง มาเรีย ไรเคอร์ ครูชาวเยอรมัน ได้ทำการสำรวจลายเส้นและรูปภาพซึ่งมีชื่อเรียกในทางวิชาการว่า ลิขิตธรณี (geoglyph – การวาดลายเส้นลงบนพื้น หรือการจัดเรียงเศษกรวด หิน ดิน บนพื้นดิน) อย่างเป็นทางการครั้งแรกนอกเมืองนาสกาและเมืองปัลปาที่อยู่ใกล้เคียง ไรเคอร์มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ลายเส้นเหล่านี้ตลอดครึ่งศตวรรษต่อมา กระทั่งเธอเสียชีวิตลงในปี 1998 และนับตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา ได้มีการดำเนินโครงการวิจัยร่วมระหว่างเปรู-เยอรมนีใกล้ๆเมืองปัลปาที่อยู่ห่างขึ้นไปทางเหนือ โครงการนาสกา-ปัลปา (Nasca-Palpa Project) ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของอีสลาและมาร์คุส ไรน์เดิล จากสถาบันโบราณคดีเยอรมนีนี้ มุ่งศึกษาชนเผ่าโบราณในภูมิภาคโดยบูรณาการวิชาการสาขาต่างๆอย่างเป็นระบบ เริ่มจากที่ตั้งชุมชนและวิถีชีวิตของชาวนาสกา สาเหตุที่พวกเขาปลาสนาการไป และอะไรคือความหมายของลวดลายประหลาดที่พวกเขาทิ้งไว้บนพื้นทราย
ขณะที่เครื่องบินของเราตั้งท่าเลี้ยว ยอห์นี อีสลา นักโบราณคดีชาวเปรูก็แนบใบหน้ากับกระจก “สี่เหลี่ยมคางหมู!” เขาตะโกนพลางชี้ไปยังรูปเรขาคณิตขนาดยักษ์ที่เริ่มปรากฏให้เห็นรางๆ “นั่นแท่นครับ!” เขาเสริมพลางชี้นิ้ว“แท่นบูชาไงล่ะ!
แท่นบูชาอย่างนั้นหรือ เขาชี้กองหินเล็กๆตรงมุมหนึ่งของสี่เหลี่ยมคางหมู หากอีสลาพูดถูก โครงสร้างขนาดเล็กที่ดูเรียบๆนี้อาจเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจความมุ่งหมายที่แท้จริงของลายเส้นนาสกา โดยเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นและสิ้นสุดลงที่น้ำ
ชายฝั่งทางใต้ของเปรูและทางเหนือของชิลีเป็นดินแดนอันแห้งแล้งที่สุดแห่งหนึ่งบนพื้นโลก ในภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นแอ่งขนาดเล็กและได้รับการปกป้องจากขุนเขาแอนดีส ที่ซึ่งวัฒนธรรมนาสการุ่งเรืองขึ้นนั้น มีแม่น้ำสิบสายไหลลงมาจากเทือกเขาแอนดีสซึ่งอยู่ทางตะวันออก แม่น้ำส่วนใหญ่จะเหือดแห้งอย่างน้อยก็ในบางช่วงของปี โครงข่ายของลำน้ำสีเขียวอันบอบบางสิบสายซึ่งแวดล้อมไปด้วยขุนเขาและทะเลทราย ก่อเกิดปัจจัยแวดล้อมอันเหมาะสมให้อารยธรรมยุคต้นถือกำเนิดขึ้น เบิร์นฮาร์ด ไอเทิล นักภูมิศาสตร์ในโครงการนาสกา-ปัลปา บอกว่า พื้นที่แถบนี้เหมาะสมที่สุดสำหรับการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์เพราะมีน้ำครับ แต่ขณะเดียวกันก็เป็นสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูงมากๆด้วย”
แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องน้ำท่าและลมฟ้าอากาศ  แต่วัฒนธรรมนาสกาก็รุ่งเรืองอยู่นานถึง 800 ปี  ราว 200 ปีก่อนคริสตกาล ชาวนาสกาเริ่มปรากฏตัวขึ้นจากวัฒนธรรมปารากัสที่รุ่งเรืองอยู่ก่อนหน้า โดยตั้งถิ่นฐานอยู่ตามหุบเขา ริมแม่น้ำและปลูกพืชผลต่างๆ เมืองหลวงอันเป็นศูนย์กลางการปกครองแบบเทวาธิปไตยของวัฒนธรรมนาสกายุคต้นคือแดนศักดิ์สิทธิ์บนผืนทรายชื่อ กาฮัวชี  ณ ศูนย์กลางทางพิธีกรรมแห่งนี้นักโบราณคดีได้ค้นพบกลุ่มสิ่งปลูกสร้างที่ครอบคลุมพื้นที่ 1.5 ตารางกิโลเมตร ประกอบไปด้วยพีระมิดอิฐสูงตระหง่าน วิหารขนาดใหญ่หลายแห่ง ลานกว้างและแท่นประกอบพิธี  ตลอดจนเครือข่ายบันไดและระเบียงทางเดินอันวิจิตรตระการตาที่เชื่อมต่อถึงกัน ในหนังสือว่าด้วยระบบชลประทานของนาสกาซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี 2003  นักประวัติศาสตร์ชี้ว่า  แม่น้ำนาสกาซึ่งไหลลงสู่ใต้ดินราว 15 กิโลเมตรทางตะวันออกของกาฮัวชี กลับโผล่ขึ้นเหนือพื้นดินอีกครั้งราวกับน้ำพุที่ผลุดพุ่งขึ้นตรงชานเมือง พวกเขาบรรยายว่า “การที่สายน้ำปรากฏขึ้น ณ จุดนี้ ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์อย่างแทบไม่ต้องสงสัย”
การสร้างลิขิตธรณีทำได้โดยการย้ายชั้นหินสีเข้มที่กระจายอยู่ทั่วพื้นดินออก เผยให้เห็นทรายสีอ่อนเบื้องล่าง เพียงเท่านี้ชาวนาสกาก็สามารถฝากรอยจารึกที่ดำรงอยู่หลายร้อยปีในสภาพภูมิอากาศอันร้อนแล้งได้ นักโบราณคดีเชื่อว่าการสร้างและดูแลรักษาลายเส้นเป็นกิจกรรมร่วมกันของชุมชน ณ ช่วงใดช่วงหนึ่งในยุคต้นของวัฒนธรรมนาสกา เส้นเหล่านี้ได้พัฒนาจากภาพธรรมดาๆไปสู่เส้นทางเดินที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรม ก่อนจะกลายเป็นรูปทรงเรขาคณิตแบบเปิดในเวลาต่อมา โดยสี่เหลี่ยมคางหมูบางรูปมีความกว้างกว่า 600 เมตร  นี่อาจเป็นการตอบสนองต่อประชากรที่เพิ่มขึ้นตามที่ทีมวิจัยเปรู-เยอรมนีบันทึกไว้  และอาจมีคนเข้าร่วมพิธีกรรมเหล่านี้มากขึ้น ไรน์เดิลบอกว่า “เราคิดว่าลายเส้นพวกนี้ไม่ได้เป็นภาพที่เอาไว้ดูอีกต่อไป แต่เป็นเหมือนเวทีที่ให้คนขึ้นไปเดินเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาครับ”
เป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้วที่ชนเผ่าในแถบเทือกเขาแอนดีสบูชาเทพเจ้าในรูปภูเขาอย่างเซร์โรบลังโก ข้อมูลจากนักสำรวจประจำสมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ระบุว่า ภูเขามีความเกี่ยวโยงกับแหล่งน้ำในเชิงตำนานหรือความเชื่อมากกว่าจะเป็นเรื่องทางธรณีวิทยา (แม้แต่ภูเขาที่ไม่มีทางน้ำใต้ดินยังได้รับความเคารพในฐานะเทพเจ้าและถือเป็นแหล่งน้ำด้วย) เศษเครื่องปั้นดินเผาในวัฒนธรรมนาสกาที่พบกระจัดกระจายตลอดเส้นทางไปสู่ยอดเขาเซร์โรบลังโกบ่งชี้ว่าการเชื่อมโยงเช่นนี้มีอยู่อย่างลึกซึ้งมาตั้งแต่อดีตกาลแล้ว แต่การค้นพบที่แท้จริงซึ่งเชื่อมโยงพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์เข้ากับการบูชาแม่น้ำเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2000 บนลิขิตธรณีรูปสี่เหลี่ยมคางหมูเหนือที่ราบสูงรกร้างใกล้หมู่บ้านยูนามา ก่อนหน้านี้ นักโบราณคดีมักพบกองหินขนาดใหญ่ที่มนุษย์สร้างขึ้นอยู่ตรงปลายสี่เหลี่ยมคางหมู ซึ่งพวกเขาสงสัยว่าอาจเป็นแท่นประกอบพิธี ขณะที่ไรน์เดิลขุดสำรวจกองหินกองหนึ่ง เขาก็พบเศษเครื่องปั้นดินเผา เปลือกกุ้งนาง ซากพืชผัก และเศษวัสดุอื่นๆที่เห็นได้ชัดว่าเป็นเครื่องบวงสรวง นอกจากนี้ เขายังพบเศษเปลือกหอยขนาดใหญ่ในสกุลหอยนางรมหนาม (Spondylus) ที่มีลักษณะโดดเด่นด้วยเปลือกสีครีมอมส้มและหนามแหลมบนพื้นผิว ซึ่งพบในน่านน้ำนอกชายฝั่งทางเหนือของเปรูเฉพาะช่วงที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ ดังนั้นจึงมีความเกี่ยวโยงกับการมาถึงของฝนและความอุดมสมบูรณ์ทางการเกษตร
“เปลือกหอยนางรมหนามเป็นสัญลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งทางศาสนาที่ใช้แทนน้ำและความอุดมสมบูรณ์ และน่าจะเชื่อมโยงกิจกรรมบางอย่างเข้ากับการสวดขอน้ำ เห็นได้ชัดเลยครับว่าน้ำเป็นปัญหาใหญ่ในแถบนี้” ไรน์เดิลอธิบาย ในเวลาต่อมา โดยเฉพาะในยุคกลางและยุคหลังของวัฒนธรรมนาสกา นักโบราณคดีพบหลักฐานการฝังศพมนุษย์ที่ถูกบั่นศีรษะเพื่อเป็นเครื่องบูชายัญมากขึ้น อันเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนประสบความกดดันทางสิ่งแวดล้อมอย่างแสนสาหัส ซึ่งอาจเป็นความแห้งแล้งหรือพืชผลทางการเกษตรล้มเหลวก็เป็นได้  และถ้านั่นคือการบูชายัญแล้ว  พวกเขาคงทำไปเพื่ออ้อนวอนเทพเจ้า”
แต่ท้ายที่สุดทั้งเครื่องเซ่นสรวงและการสวดอ้อนวอนก็ไม่ได้รับการตอบรับใดๆจากทวยเทพ
แทบไม่มีข้อสงสัยเลยว่าน้ำการขาดแคลนน้ำเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดในความอยู่รอดของวัฒนธรรมนาสกาในช่วงท้ายๆ หรือราว ค.ศ. 500 ถึง 600  นักรณีฟิสิกส์พบร่องรอยว่า ทะเลทรายได้แผ่อาณาเขตเข้าสู่ที่ราบระหว่างหุบเขาทางตะวันออกของเมืองปัลปาเป็นระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตรระหว่าง 200 ปีก่อนคริสตกาลถึงปี ค.ศ. 600 โดยแผ่ไปถึงระดับความสูงราว 2,000 เมตร ในเวลาเดียวกัน ศูนย์กลางประชากรในแถบลุ่มแม่น้ำรอบๆปัลปาก็เคลื่อนย้ายขึ้นไปทางเหนือของหุบเขามากขึ้น ราวกับว่าพวกเขาพยายามดิ้นรนหนีให้พ้นจากภัยแล้ง ไอเทิลสรุปไว้ในรายงานเมื่อไม่นานมานี้ว่า “ในช่วงปลายศตวรรษที่หก ความแห้งแล้งทวีความรุ่นแรงถึงขีดสุดและชุมชนนาสกาก็ล่มสลาย”
“ไม่ใช่แค่สภาพอากาศเท่านั้นนะครับที่ทำให้วัฒนธรรมนาสกายุคต้นที่กาฮัวชีล่มสลาย เราอาจพูดได้เลยว่า ชะตากรรมเดียวกันนี้น่าจะนำไปสู่อวสานของวัฒนธรรมนาสกาโดยรวมเช่นกัน” ยอห์นี อีสลา นักโบราณคดีชาวเปรูบอกผม วิกฤติและความระส่ำระสายเกิดขึ้นเพราะหุบเขาบางแห่งมีน้ำมากกว่าแห่งอื่นๆ และผู้นำชุมชนในหุบเขาต่างๆอาจขัดแย้งกัน”
ลิขิตธรณีจึงเปรียบได้กับเครื่องเตือนใจอันเปี่ยมไปด้วยพลังและมีนัยทางพิธีกรรมให้ชาวนาสการู้ว่า ชะตากรรมของพวกเขาผูกพันแนบแน่นกับสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นความงามตามธรรมชาติ ความอุดมสมบูรณ์ที่ไม่จีรัง หรือความเกรี้ยวกราดที่คุกคามต่อความเป็นความตาย เราจะมองเห็นความเคารพในธรรมชาติของชาวนาสกาได้ ทั้งในยามสมบูรณ์พูนสุขหรือแร้นแค้นขาดแคลนอย่างถึงที่สุด ในทุกเส้นสายและส่วนโค้งเว้าที่พวกเขาบรรจงลิขิตไว้บนพื้น ทะเลทราย  เมื่อเท้าของเราย่างเหยียบไปบนพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาด้วยความเคารพนอบน้อม แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นๆ เราจะสัมผัสถึงความเคารพยำเกรงนั้นได้ด้วยตัวเอง
  

อุกกาบาตตกที่เปรู


ชาวเปรู ตะลึง เมื่อมีลูกไฟแดงวาบ คล้ายอุกกาบาตพุ่งตกลงมาจากท้องฟ้า ในเมืองกุสโก ซึ่งเป็นอาณาจักรอินคาโบราณ ของประเทศเปรู ก่อนหายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้

          สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า 
ประชาชนชาวเมืองกุสโก ศูนย์กลางของอาณาจักรอินคาโบราณ ซึ่งตั้งใกล้กับเทือกเขาแอนดีส ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเปรู ต่างตื่นตะลึงเมื่อพบเห็นลูกไฟดวงโตพุ่งเป็นทางยาวตกลงมาจากท้องฟ้า เมื่อวันที่ 25 ส.ค. เวลา 14.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งลูกไฟดังกล่าวมีลักษณะคล้ายอุกกาบาตโดยได้พุ่งผ่านท้องฟ้าของเมืองก่อนจะหายไป

เเละคาดว่าน่าจะตกเเถวๆ ''อาณาจักรโบราณอินคา'' ประเทศเปรู


อยากรู้จังว่ามันจะเป้นอุกกาบาตหรืออะไรกันเเน่

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ขออภัย !!!

เนื่องจาก ช่วงนี้งาน กระผมเยอะถึงเยอะมากๆ
จึงไม่มีเวลามาลงบทความให้อ่านกันเอาไว้เครียลงานเสร้จเมื่อไรจะลงให้เเบบจัดเต็ม

ขออภัยมานะที่นี้ ปล.เเซม(ตั้ว) Webmaster TNR

วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หนังน่าดู

Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี

ชื่อภาษาไทย หลุมลับสยองสองล้านปี

จัดจำหน่ายโดย M Pictures

กำหนดฉายหนัง 1 กันยายน 2554

เรื่องย่อหนัง Apollo 18

เมื่อยานอวกาศ Apollo 17 ถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจที่แอบแฝงบนดวงจันทร์และเป็นทางการกับสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น เมื่อนักอวกาศค้นพบหลักฐานที่ทำให้ตกใจ เมื่อพบของที่เชื่อว่าเป็นรูปแบบของชีวิตนอกโลกถูกถ่ายทอดผ่านวิดีโอ เมื่อ 1 รอยเท้าคือของมนุษย์อวกาศ แล้วอีก 1 รอยเท้าละ มันคือรอยเท้าอะไร มันคือสิ่งใดที่พวกเขาเผชิญ แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดหรือไม่ หรือนี่คือเหตุผลที่อเมริกาไม่ได้กลับไปบนดวงจันทร์อีกเลย

จุดเด่น: Apollo 18 คือภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายแนววิทยาศาสตร์ระทึกขวัญ กำกับโดยผู้กำกับจากสเปน กอนซาโล โลเปซ-แกลเลโก่ นำเสนอเรื่องราวที่ทุกคนต่างคลางแคลงใจว่าดาวเคราะห์ใกล้โลกของเราอย่างดวงจันทร์มีสิ่งใดอาศัยอยู่หรือไม่ Apollo 18 เป็นหนังลูกผสมระหว่าง Paranormal Activity และ Apollo 13 โดยใช้นักแสดงหน้าใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เกิดความสมจริง

<b>Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี</b>
Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี
<b>Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี</b>
Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี
<b>Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี</b>
Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี
<b>Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี</b>
Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี
<b>Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี</b>
Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี
<b>Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี</b>
Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี
<b>Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี</b>
Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี
<b>Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี</b>
Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี
<b>Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี</b>
Apollo 18 หลุมลับสยองสองล้านปี

ว่ากันด้วยเรื่อง กบ อ๊บ อ๊บ



คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น
เพาะพันธุ์กบซีทรูใช้ในงานวิจัย


คณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการดัดแปลงพันธุกรรมสามารถ
เพาะพันธุ์กบที่มีผิวหนังโปร่งใส มองเห็นอวัยวะภายในได้โดยไม่ต้องผ่า

ศาสตราจารย์มาซายูกิ ซูมิดะ หัวหน้าคณะวิจัย กล่าวว่า ผิวหนังของกบนั้น
มีเม็ดสีน้อยมากในตอนที่เป็นลูกอ๊อด และนักวิจัยจะสามารถมองเห็นได้ว่า
อวัยวะภายในเติบโตขึ้นมาและแปรสภาพกลายเป็นกบได้อย่างไร
เมื่อมันเป็นกบโปร่งใส

 
นับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากกับการทำงานวิจัย เพราะนักวิจัยจะสามารถ
สังเกตเส้นเลือดต่างๆ ได้โดยไม่ต้องผ่าตัดกบ สำหรับการดัดแปลงพันธุกรรมนี้
นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของคณะวิจัยประเทศญี่ปุ่น หลังจากที่ก่อนหน้านี้
มีการเพาะพันธุ์ปลาโปร่งใสมาแล้ว
ศาสตราจารย์ซูมิดะบอกอีกว่า กบยังคงมีเม็ดสีเหลืองในผิวหนัง และได้มีการเพาะพันธุ์ออกมา
 ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์ทราบว่ามีลักษณะด้อยทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่ทำให้กบมีผิวสีซีด
และกบรุ่นที่ 2 นั้นจะออกลูกออกหลานที่เป็นกบโปร่งใสออกมา อย่างไรก็ตาม
เขากล่าวเพิ่มเติมว่าผิวของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่างจากผิวของกบ
ดังนั้นวิธีการเพาะพันธุ์แบบใหม่นี้จึงไม่อาจนำไปใช้กับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ตัวเลขปริศนาแห่งมหาปิรามิด


ตัวเลขปริศนาแห่งมหาปิรามิด

สาระน่ารู้วันนี้ขอนำเสนอเรื่อง “ตัวเลขปริศนาแห่งมหาปิรามิด” นับตั้งแต่เราเด็กๆ ถ้าเราะจพูดถึง มหาปิรามิด เราก็จะนึกถึง ความยิ่งใหญ่ลึกลับของมหาปิรามิด วันนี้ผมจะขอนำเสนอ ปริศนาอีกอย่างที่ชวนสงนของมหาปิรามิด ก็คือ “ตัวเลขปริศนา” เรามาเริ่มเรื่องกันเลยดีกว่า ปิรามิดของฟาโรห์คูฟูนั้น มีขนาดใหญ่มาก จนสามารถบรรจุ มหาวิหาร เวสต์มินสเตอร์ มหาวิหาร เซนต์ปอล แห่งกรุงลอนดอน มหาวิหาร เซนต์ปีเตอร์ แห่งกรุงโรม รวมทั้งโบสถ์ สำคัญ ๆ ของเมือง ฟลอเรนซ์และมิลาน เอาไว้ภายในได้ ทั้งหมด…คิดดูสิว่า มันใหญ่แค่ไหน !!
ทว่าปิรามิดคูฟู ไม่ได้มีแค่ความใหญ่อย่างเดียว หากมันยังซ่อนการค้นพบ ทางคณิตศาสตร์ ของคนโบราณ ที่ทำให้คนยุคปัจจุบัน ถึงกับคิ้วขมวด ผูกกันเป็นปมอีกด้วย
ปีเตอร์ ทอมคินส์ ได้รวบรวมข้อมูล การคำนวณทางคณิตศาสตร์ ของปิรามิดแห่งคูฟู เอาไว้ในหนังสือชื่อ “ความลึกลับของพีระมิด” โดยแบ่งเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
1. ความยาวเส้นรอบวง ของฐานพีระมิด เมื่อหารด้วย 2 เท่า ของความสูง จากฐานถึงยอด จะมีค่าเท่ากับค่าพาย (p) ซึ่งเท่ากับ 3.144 ค่าที่ได้นี้ คลาดเคลื่อนไปจาก ค่าที่ถูกต้อง ในปัจจุบันเพียงนิดเดียว ค่าที่ถูกต้องคือ 3.14159
2. ความยาวของเส้นรอบฐาน พีระมิดคูฟู เมื่อนับเป็น คิวบิท (ภายหลังพัฒนามาเป็น “นิ้ว”) วัดได้ 365.24 ซึ่งเท่ากับจำนวนวัน ในหนึ่งปี
3. สองเท่าของความสูงพีระมิด เมื่อคูณด้วยเลข 100,000 จะได้ค่าใกล้เคียงกับ ความยาวของ ระยะทางระหว่างโลก กับดวงอาทิตย์ คือ 93 ล้านไมล์ โดยประมาณ
4. น้ำหนักของพีระมิด เมื่อคูณด้วย 1,000,000,000,000,000 จะได้ค่าใกล้เคียงกับ น้ำหนักของโลกเรา โดยประมาณ
นอกจากค่าตัวเลข แล้วที่ตั้งของพีระมิดแห่งนี้ ยังแบ่งโลกออกเป็น 2 ส่วนเท่า ๆ กันอีก หรือถ้าเราลากเส้นตรง ผ่ากึ่งกลางพีระมิดขึ้นไป จะแบ่งสามเหลี่ยม ของแม่น้ำไนล์ ออกเป็นสองส่วนเท่ากัน

นาซ่าเผยข้อมูลล่าสุด ดาวเคราะห์ขนาดมหึมาหนัก 55 ล้านตัน อาจพุ่งชนโลกในพ.ย. ความรุนแีรงเทียบเท่าปรมาณู 65,000 ลูก




นาซ่าเผยข้อมูลล่าสุด  ดาวเคราะห์ขนาดมหึมาหนัก 55 ล้านตัน อาจพุ่งชนโลกในพ.ย. ความรุนแีรงเทียบเท่าปรมาณู 65,000 ลูก


สำนักข่าวต่างประเทศ (6 พ.ค.) อ้างได้รับการเปิดเผยข้อมูลล่าสุดจากองค์การนาซ่า โดยรายงานระบุว่าผู้เชี่ยวชาญของนาซ่าได้มีการทำนายว่า ดาวเคราะห์ขนาดมหึมา มีขนาดความกว้าง 1,300 ฟุต หนัก 55 ล้านตัน กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้และอาจพุ่งชนโลกได้ราวเดือนพฤจิกายน ปลายปีนี้
ทั้งนี้ ยังรายงานยังบอกอีกว่า ถ้าหากไม่ชนโลกอาจจะแค่เฉียดแบบระยะเผาขนด้วยระยะห่างเพียง 201,700 ไมล์ นับว่าเป็นการเคลื่อนเ้ข้ามาใกล้กว่าดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ที่ห่างราว 238,857-248,725 ไมล์
ดาวเคราะห์ดวงดังกล่าว มีชื่อว่า YU55 โคจรรอบดวงอาทิตย์ทุก ๆ 14 เดือน สามารถมองเห็นเป็นขนาดเล็กด้วยกล้องดูดาวเทเลสโคป และถ้าเป็นอย่างที่ผู้เชี่ยวชาญของนาซ่าได้กล่าวไว้ประมาณวันที่ 8 พ.ย.54  ดาวเคราะห์ดวงนี้อาจสร้างความหายนะครั้งร้ายแรงไ้ด้หากพุ่งชนโลก ตามคำทำนาย เพราะระดับความรุนแรงนั้นจะเทียบเท่ากับระเบิดปรมาณู 65,000 ลูก แรงปะทะอาจส่งผลให้เกิดหลุมลึก 2,000 ฟุต กว้าง 6 ไมล์

พบจานบิน UFO ที่จีน จนต้องปิดสนามบิน


พบจานบิน UFO ที่จีน จนต้องปิดสนามบิน












ประเทศจีนต้องวุ่นวายหลังจากที่มีคนพบวัตถุลึกลับบินเหนือน่านฟ้า ณ เมืองฮั่งซู ทำให้ต้องปิดสนามบินชั่วคราวทำให้นักท่องเที่ยวจีนติดค้างจำนวนมาก ข่าวนี้ทางเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศของเมืองจีนเมืองหนึ่ง อ้างว่าจานผีที่เป็นต้นเหตุให้การจราจรทางอากาศต้องหยุดชะงักนั้น “มีความเกี่ยวข้องทางทหาร”
หนังสือพิมพ์รายวัน “ไชน่า เดลี่” ได้อ้างเจ้าหน้าที่ควบคุมจราจรทางอากาศที่เมืองฮั่งซู เมืองหลวงของมณฑลซูเจียงว่า ตามที่เจ้าหน้าที่สนามบินเฮียวชาน ได้สั่งปิดสนามบินชั่วคราวเมื่อวันก่อน เพราะปรากฏมีจานบินขึ้น และเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับทางทหาร
ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์ทางการ จีน “โกลบอล ไทมส์” อีกฉบับหนึ่ง ก็เสนอข่าวเช่นกันว่า มีผู้พบจานบินลำหนึ่งซึ่งมีหางเป็นแสงสีขาวรูปพัดเหนือเมืองอุรัมจี เมืองหลวงของแคว้นปกครองตนเองอู้เก๋อ ซินเจียง แต่ต่อมานายซุง ฮั่วกัง เลขาธิการทั่วไปของสมาคมดาราศาสตร์ซินเจียง ได้แถลงว่า วัตถุนั้นเป็นชิ้นส่วนของอาวุธปล่อยข้ามทวีปของสหรัฐฯ. ท่องเที่ยวจีน, เที่ยวจีน

แปลกๆไปอีกอัน


 
  
 
  
 
  
 
  
 
  
 
  
 
  
 
  
 
  
 
  
 
  
 
  
 
  
ขอขอบคุณ funny.hunsa.com

แปลกวันนี้




บ้านมนุษย์หิน
แม้เทคโนโลยีทุกวันนี้จะก้าวไกลเจริญสุดกู่แค่ไหน แต่ก็ยังมีมนุษย์บางคนพอใจใช้ชีวิตแบบดึกดำบรรพ์
เหมือนกับเจ้าของ "บ้านหิน" แปลกประหลาด ที่ตั้งโด่อยู่บนภูเขาในเมืองฟาฟเฟ แดนโปรตุเกส
ตัวบ้านทำจากหินล้วนๆ แล้วต่อเติมประตู หน้าต่าง หลังคา เข้าไปนิดหน่อยให้พออยู่ได้
สื่อพากันขนานนามว่าเป็น "บ้านมนุษย์หินฟลินต์สโตน" เพราะดูตัวบ้านแล้วราวกับหลุดออกมาจากการ์ตูนเรื่องนี้จั๊ดๆ! : เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์
แครอตมือ
นายปีเตอร์ แจ๊กสัน อายุ 66 ปี ในหมู่บ้านคอนโดเวอร์ เมืองชร็อปไชร์ ในอังกฤษ ตื่นเช้าไปขุดแครอตในสวน ถึงกับปล่อยก๊ากที่เห็นว่าแครอตรูปร่างเหมือนมือคนเป๊ะจึงรีบเอาไปให้ ลินด์เซย์ ลูกสาววัย 42 ปี
จากนั้นพ่อลูกก็นั่งขำแล้วก็จัดการถ่ายรูปไว้ ก่อนจะจัดแจงหั่นแครอตหน้าตาประหลาดมาทำกับข้าวแล้วหม่ำกันทั้งบ้าน แหม..ถ้ามาโผล่เมืองไทยละก็จะไหว้ขอเลขเด็ดงวดหน้าซ้านิดนึง..กร๊ากก : เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์

สะพานง่อย
ชาวบ้านในเมืองเหอเฝ่ย มณฑลอันฮุย ฝั่งตะวันออกของจีน เฝ้าดูการระเบิดสะพานทิ้ง รัฐบาลจีนเห็นว่าผู้รับเหมาสร้างสะพานหลายแห่งโลภมาก กินงบประมาณจนทำให้โครงสร้างไม่ได้มาตรฐาน ต้องทำลายทิ้งเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เมื่อ 20 ก.ย. (เอเอฟพี)

ผ่าพลาสติกติดปอด 2 ปี
วันที่ 18 ก.ย. เอพีรายงานว่า ดร.โมเมน วาฮีดี ผู้อำนวยการคณะแพทย์ของศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยดยุก รัฐนอร์ท แคโร ไลนา สหรัฐ ผ่าตัดเอาเศษพลาสติกขนาด 1 นิ้วที่ติดอยู่ในปอดชายวัย 50 ปี ออกมาได้สำเร็จ หลังจากที่ชายคนนี้สูดหายใจเอาชิ้นส่วนพลาสติกเข้าไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อเกือบ 2 ปีก่อนขณะดื่มในร้านเวนดี้ จากนั้นก็ไอไม่หยุด อ่อนเพลียและปอดบวมมาตลอด ไปพบหมอมาแล้วหลายคน กระทั่งได้รับการวินิจฉัยว่ามีชิ้นส่วนแปลกปลอมในปอดข้างซ้าย

ทรงผมรักชาติ
อาตี๋ชาวเมืองเสิ่นโจวบังเกิดอารมณ์ร่วม อยากฉลองครบ 60 ปีก่อตั้งสาธารณรัฐคอมมิวนิสต์จีน 1 ตุลาคมนี้ให้ถึงใจ ว่าจ้าง "ช่างตัดผม" ช่วยบรรจงตัด-แต่ง-ไถ-โกนผมบนหัวให้ออกมาเป็นรูปพระราชวังต้องห้าม บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน
ซึ่งตรงประตูทางเข้าแขวนภาพ "ประธานเหมา" เห็นเด่นเป็นสง่า พร้อมปัก "ธงชาติจีน" ประดับประดาลงกลางกบาล..เอ๊ย..ศีรษะอีกต่างหาก 
สงสัยตะแกคงกลัวชาวบ้านไม่รู้ว่า "อั๊วรักชาติจริงๆ นะเฟร้ยยย"
คอลัมน์ เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์

จอมขุด
ตัวบิลบี้ซึ่งเป็นสัตว์นักขุดออกหากินกลางคืนของออสเตรเลีย นอนเอาคางเกยตักเจ้าของที่อุทยานสัตว์ป่าซิดนีย์ ออสเตรเลีย มีถุงหน้าท้อง และกรงเล็บใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของเทศกาลอีสเตอร์ของชาวออสเตรเลีย และเป็นสัตว์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์มากที่สุดของประเทศด้วย ถึงขั้นมีวันบิลบี้แห่งชาติเป็นของตัวเอง ฉลองกันในวันที่ 13 ก.ย. (ภาพ-เอเอฟพี)


แอปเปิ้ล 2 สี
ฮือฮาแอปเปิ้ลฝั่งละสี แดง-เขียวในลูกเดียว
ที่อังกฤษ เมื่อ 24 ก.ย. เดลี่เมล์ รายงานข่าวแปลกพิสดารในอังกฤษ เมื่อพบแอปเปิ้ล 2 สี คือสีเขียวและสีแดง ในลูกเดียว โดยแบ่งข้างละสี ตรงกึ่งกลางลูกพอดิบพอดี
แอปเปิ้ลลูกดังกล่าว พันธุ์โกลเด้น ดีลิเชียส เป็นของนายเคน มอร์ริช ชาวอังกฤษ ที่พบในสวนของตนเอง ทีแรกนึกว่ามีใครมือบอนไปทาสีแดงอยู่ครึ่งลูก แต่เมื่อหยิบมาดูใกล้ๆ ถึงได้เห็นว่า เป็นสีจริงตามธรรมชาติ ขณะที่เพื่อนบ้านบอกเรื่องแปลกนี้ต่อๆ กันไป จนคนในหมู่บ้านแห่มาดู และถึงกับเข้าคิวขอถ่ายรูป ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการเพาะปลูก กล่าวว่า โอกาสที่จะมีแอปเปิ้ลที่สีแบ่งครึ่งพอดีได้แบบลูกนี้เป็นไปได้เพียง “หนึ่งในล้าน” เท่านั้น น่าจะมีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์ของยีน
นายมอร์ริช อายุ 72 ปี ซึ่งเคยเป็นช่างทาสีและช่างตกแต่งแต่ตอนนี้เกษียณแล้ว อาศัยอยู่ในเมืองโคเลตัน ราลีห์ แคว้นเดวอน กล่าวว่า จะเก็บแอปเปิ้ลลูกนี้ไว้ ไม่กิน


แดนสวย
สเตฟาเนีย เฟอร์นันเดซ มิสยูนิเวิร์ส 2009 มอบตำแหน่งและมงกุฎให้มาเรลิซ่า กิบสัน ผู้ชนะการประกวดมิสเวเนซุเอลาคนใหม่ หลังจากนางงามเวเนฯ ครองตำแหน่งนางงามจักรวาลมาแล้ว 2 สมัยซ้อน เมื่อ 25 ก.ย.

สายน้ำอะเมซอน
องค์การนาซ่าเผยภาพมุมสูงของทะเลสาบเออเรเปชู ความยาว 38.5 กิโลเมตร ในบราซิลที่ทอดตัวยาวขนานกับแม่น้ำริโอ ทร็อมเบตาส ที่พื้นที่ลาดลุ่มกว่าและคดเคี้ยวเหมือนงู ซึ่งมนุษย์อวกาศเก็บภาพไว้ได้ โดยบรรดารูปร่างลักษณะแม่น้ำในป่าฝนลุ่มน้ำอะเมซอนนั้นมืดครึ้มยากแก่การแยกแยะ อย่างทะเลสาบและแม่น้ำที่เห็นโดดเด่นออกมาจากกลุ่มป่าสีเขียวผืนใหญ่ได้ก็เพราะผิวน้ำสะท้อนแสงแดด (ภาพ-เอพี)



ไอด้าวีต้า
เรือเดินสมุทรตระกูล "ไอด้า" ลำนี้ชื่อ "ไอด้าวีต้า" จอดทอดสมออยู่นอกชายฝั่งเมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส มุ่งเป้าหมายให้บริการผู้โดยสารที่ชื่นชอบความกระชุ่ม กระชวยและวิถีชีวิตที่รักษาสุขภาพ แต่หรูระยับบนเรือลำยักษ์ เป็นของอู่ต่อเรือเอเกอร์ เอ็มทีดับเบิลยู สัญชาติเยอรมนี สร้างขึ้นเมื่อปี 2545 (ภาพ-เอเอฟพี)
cat
ตั้งค่าหัว จับ
คนใจร้าย แกล้งแมว
ตั้ง 3 หมื่นล่ามือแกล้งแมว
วันที่ 24 ก.ย. เอพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งรัฐเพนซิล วาเนีย ในเมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา ตั้งเงินรางวัล 1,000 ดอลลาร์ หรือราว 33,500 บาทให้กับผู้แจ้งเบาะแสคนใจร้าย แกล้งพันเทปกาวทั่วตัวแมวเหมือนมัมมี่ ตั้งแต่คอไปจนจรดขาสี่ข้างแล้วเอาไปปล่อยทิ้งในสวนสาธารณะ โชคดีที่มีผู้หญิงคนหนึ่งไปพบเข้าและแจ้งเจ้าหน้าที่ สัตวแพทย์ช่วยแกะเทปออกให้และแมวมีท่าทีมีความสุขขึ้น ส่งเสียงคราง และเริ่มไม่กลัวคนอุ้ม โดยลายขนสีขาวดำเริ่มขึ้นมาเหมือนเดิมแล้ว เจ้าหน้าที่ตั้งชื่อให้ว่าเจ้าสติ๊กกี้ แปลว่า เหนียวหนึบ
 
ตี๋เล่นซ่อนแอบหัวติดซอก
ซีซีทีวีของจีนราย งานวันที่ 24 ก.ย. หน่วยกู้ภัยในเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวนของจีน เข้าช่วยเหลือเด็กชายเคราะห์ร้ายวัย 3 ปี ที่ศีรษะติดอยู่ในซอกเสาคอนกรีตของอาคาร โดยเหตุเกิดเนื่องจากเด็กชายเล่นซ่อนแอบกับเพื่อนๆ แล้วพยายามมุดเข้าไปในซอกเสา หวังใช้เป็นที่ซ่อนตัว แต่ศีรษะเกิดติดค้าง เอาออกไม่ได้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้สิ่ว เข็มขัดพลาสติก น้ำมันหล่อลื่นและเลื่อยไฟฟ้าในการช่วยนำศีรษะเด็กออกมาได้จนสำเร็จ
แก้วสยอง
แก้วสยอง
ใกล้เดือนแห่งเทศกาลวันปล่อยผี "ฮัลโลวีน" ตุลาคมนี้เข้ามาทุกขณะ
บริษัทออกแบบขี้เล่น "เมกาวิงก์" ในแดนปลาดิบ เลยส่ง "แก้วน้ำ" เขย่าขวัญชวน แหวะมาวางตลาด
ตรงขอบแก้วปั้นเป็นรูปทรงเหมือน "ฟัน" จากซากศพเรียงเป็นซี่ห่างๆ ดูแล้วน่าขนลุกขนพองสุดๆ
ขายผ่านเว็บญี่ปุ่น mollaspace.com ราคาใบละ 840 บาท เหมาะใช้เป็นแก้วประจำตัวคนไม่กลัวผี...กุ๊กๆ กู๋!
เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์ ที่มา นสพ.ข่าวสด
มนุษย์ปะการัง
รักษาผิวหนัง มนุษย์ปะการัง ได้แล้ว 
เดอะมิเรอร์รายงานวันที่ 23 ก.ย. เปิดตัวหนุ่มจีน ชื่อนายหลิน เถียนจวน อายุ 38 ปี มีฉายาว่า "มนุษย์ปะการัง" จากอาการผิดปกติทางผิวหนัง คล้ายกับนายเดเด ชาวอินโดนีเซียที่มีฉายาว่า "มนุษย์ต้นไม้" แต่ตอนนี้นายหลินรักษาหายแล้ว กลับไปใช้ชีวิตที่เมืองชุ่ยเหมิน ทางใต้ของจีน โดยนายหลินเล่าว่า เมื่อตอนอายุ 13 ปี เห็นผิวหนังเป็นตุ่มที่ขาและแขนก่อน จากนั้นก็เริ่มหนาเป็นทรงรูปหอย และขยายลามไปทั่วแขนและขา อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จนงอแขนงอขาไม่ได้ เวลาจะออกจากบ้านต้องใช้ผ้าห่มคลุมทั่วตัว เพราะชาวบ้านเห็นเข้าก็หวีดร้อง
ดร.หลิว หยิงหง รองประธานโรงพยาบาลป้องกันโรคผิวหนังฟุโจว ผู้รักษา กล่าวว่า ตกตะลึงกันมากตอนเห็นคนไข้ครั้งแรก แต่เมื่อบำบัดรักษานาน 1 ปี นายหลินหายจากอาการดังกล่าว
ทารก ตะลึง!ทารกอินโดฯอุแว้ 8.7ก.ก.
อุแว้สถิติ- ทารกอินโดนีเซีย เพศชาย เกิดที่โรงพยาบาลในเมืองเมดาน ทางเหนือของเกาะสุมาตรา ตัวใหญ่มากเมื่อเทียบกับทารกทั่วไปข้างๆ หนูน้อยมีน้ำหนักแรกเกิดสูงที่สุดเท่าที่การมีการบันทึกในอินโดนีเซีย 8.7 กิโลกรัม ลำตัวยาว 62 เซนติเมตร เมื่อ 23 ก.ย. (เอเอฟพี)
วันที่ 23 ก.ย. เอเอฟพีรายงานเรื่องฮือฮาที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย กรณีที่หญิงวัย 41 ปี ให้กำเนิดทารกเพศชายที่มีน้ำหนักตัวมากถึง 8.7 กิโลกรัม ถือเป็นทารกที่มีน้ำหนักมากที่สุดในประวัติศาสตร์การแพทย์ของประเทศ โดยทารกร่างยักษ์มีสุขภาพแข็งแรงดี กินเก่งมาก แม้ว่าตอนนี้แพทย์ต้องให้ออกซิเจนเพื่อแก้ปัญหาด้านการหายใจ
นายบินซาร์ สีตังกัง นรีแพทย์โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดสุมาตราเหนือ หนึ่งในทีมทำคลอด กล่าวว่า ทารกเพศชายเจ้าของน้ำหนักตัวมหาศาล มีลำตัวยาว 62 เซนติเมตร คลอดออกมาด้วยวิธีผ่าคลอด เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

"การที่ทารกมีน้ำหนักมากอย่างนี้ทำให้การผ่าตัดทำได้ยากลำบาก โดยเฉพาะขั้นตอนที่นำตัวทารกออกมาจากช่องท้องของมารดา เพราะขาทั้งสองข้างของทารกใหญ่มาก แต่ขณะนี้ทารกสุขภาพแข็งแรงดี กินอาหารเก่งมาก ให้อาหารตลอดก็กินได้ตลอดเวลา และด้วยความที่เป็นทารกตัวใหญ่พิเศษ เวลาร้องไห้ก็จะไม่เหมือนเด็กทั่วไป เสียงจะดังมาก" นรีแพทย์กล่าวและว่า การที่ทารกมีขนาดตัวใหญ่มหึมาอาจเป็นผลจากการที่มารดา คือ นางอานี มีอาการเบาหวาน
ข้อมูลจากวิทยาลัยสูติแพทย์และนรีเวชวิทยาแห่งอเมริกา ระบุว่า เมื่อระดับน้ำตาลในตัวหญิงตั้งครรภ์ที่ป่วยเป็นเบาหวานพุ่งสูงขึ้น ทารกจะได้รับน้ำตาลปริมาณมากจากแม่และเจริญเติบโตจนมีขนาดใหญ่เกินปกติ
นางอานีถูกนำตัวมาโรงพยาบาลโดยกะทันหันเพราะมีอาการโรคแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ และอายุครรภ์ครบ 9 เดือนพอดี โดยทารกคนนี้เป็นลูกคนที่ 4 และเป็นลูกเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ใช้วิธีคลอดตามธรรมชาติให้หมอตำแยทำคลอดเหมือนลูกคนก่อนๆ โดยทารกที่มีน้ำหนักมากที่สุดคนก่อนของอินโดนีเซีย มีน้ำหนัก 6.9 กิโลกรัม เกิดเมื่อปี 2550 ชานกรุงจาการ์ตา
ขอขอบคุณ www.yenta4.com