THE NATURAL OF REVENGE: พลังจิตปริศนาแห่งความเร้นลับ

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พลังจิตปริศนาแห่งความเร้นลับ

พลังจิตปริศนาแห่งความเร้นลับ

ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ปัจจุบันนี้ มนุษย์เราต่างยอมรับโดยทั่วไปว่า
วิทยุ โทรทัศน์ โทรเลข ดาวเทียมและเรดาร์ เป็นสิ่งที่นำสื่อ
จากระยะไกลมาสู่ตัวเราได้ สามารถเข้าใจติดต่อสื่อสารกัน
ได้ทั่วโลกภายในไม่กี่นาที สามารถพูดคุยกันได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าจะอยู่ห่างกันนับแสนไมล์ แต่ก็มีบางอย่างที่เป็นความลึกลับ
ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ และยังหาคำตอบที่แน่นอนไม่ได้มาตั้งแต่สมัยแรก
เกิดมนุษย์บนพื้นโลกจนกระทั่งถึงปัจจุบัน สิ่งที่เป็นความลึกลับนั้น
ก็คือจิตของมนุษย์นี้เอง จิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่มีอิทธิพล
ต่อมวลมนุษย์โลก มันเร็วยิ่งกว่าคลื่นเสียงและคลื่นแสง
จิตใจของมนุษย์สามารถถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิด หรือแม้แต่
อารมณ์ซ่อนเร้นภายในห้วงลึก ของจิตใจมนุษย์ที่อยู่ห่างไกลกัน
ได้อย่างไม่น่าเชื่อ นักอวกาศชื่อดังของอเมริกา คือ เอ็ดการ์ มิทเชลล์
ได้ทดลองส่งกระแสจิตหรือโทรจิต จากยานอวกาศติดติอกับ
ยูริ เกลเลอร์ นักพลังจิตที่อยู่บนพื้นโลกได้
นักวิทยาศาสตร์บางท่านกล่าวว่า ในอนาคตข้างหน้านี้ การส่งพลัง
กระแสจิตอาจนำไปใช้กับยานอวกาศที่โคจรอยู่ภายนอกโลกได้
โดยเฉพาะในกรณีที่เครื่องมือสื่อสารติดต่อกันเกิดขัดข้อง
การส่งพลังกระแสจิตอาจนำไปใช้แทนอย่างวิเศษ
นอกจากนี้อาจใช้เป็นภาษาติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวอีกด้วย

มีคนจำนวนมาก เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตไม่ได้เกิดขึ้น
เฉพาะบนโลกของเราเท่านั้น บนดาวนพเคราะห์อื่นๆ
ในห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น อาจมีมนุษย์
ที่มีความเจริญมากกว่าโลกเราก็ได้ ใครจะรู้…?
นักปรจิตวิทยาได้ใช้ศัพท์ในการส่งกระแสจิต กระแสจิต
โทรจิต หรือการอ่านจิตใจของคนอื่นว่า "เทเลพาร์ตี้" (Telepathy)
เทเลพาร์ตี้ ความหมายสั้นๆ ก็คือ การติดต่อสื่อสารทางจิต
จากจิตหนึ่งไปยังอีกจิตหนึ่ง

เชื่อกันว่า มนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์และเชื้อชาติได้รู้จักวิธีการสื่อสาร
แบบการส่งกระแสจิตมาตั้งแต่โบราณแล้ว โดยเฉพาะสมัยนั้น
น่าจะได้มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะภาษาโบราณมักจะ
เป็นสัญลักษณ์ (Symbol) ที่เข้าใจได้ง่ายกว่า แต่คนในสมัยนั้น
คงคิดว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองธรรมชาติ ความนึกคิดที่รับได้ในขณะที่
จิต มีสมาธิหรือ จิตสงบ หรือแม้แต่ความฝันนั้นเขาก็คง
เข้าใจว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปเองตามธรรมชาติหรือเป็นไปโดยความคิด
ฟุ้งซ่านธรรมดาเท่านั้น แต่ปัจจุบันนี้ถือว่า เรื่องการส่งกระแสจิต
เป็นเรื่องจริงที่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ ดร. เจ บี ไรน์
นักค้นคว้าพลังจิตที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่ง ของอเมริกากล่าวว่า
"การรับส่งกระแสจิตนั้นไม่มีอุปสรรคเกี่ยวกับเรื่องเวลาและสถานที่
เข้ามาเกี่ยวข้อง คนที่อยู่ห่างกันคนละซีกโลก สามารถส่งข่าวถึงกัน
ทางกระแสจิตได้ภายในวินาทีเดียวกัน คลื่นความคิดทางจิตนั้น
เพียงแต่นึกมันก็ปรากฎขึ้นที่จอรับภาพในดวงจิตของ
ผู้รับหรือผู้ส่งแล้ว

รัสเซียประสบความสำเร็จในการทดลองส่งกระแสจิตโดย
ใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร?

วันที่ 19 เมษายน ปี พ.ศ. 2509 คาร์ล นิโคลีเอฟ( Karl Nikolaiev)
ทายาทแห่งม่านเหล็กผู้ที่เป็นทั้งนักหนังสือพิมพ์แห่งมอสโคว์และ
นักแสดงพลังจิตที่ลื่อชื่อ ก้าวลงมาจากบันไดเครื่องบินอย่าง
กะฉับกระเฉงที่สนามบินใโนโวซิเบอร์สค์ (Novosibirsk)
เขาเดินทางไปเพื่อเข้าร่วมการทดสอบพลังจิตเชิงวิทยาศาสตร์
ที่เมืองนี้เอง โดยทั่วไปชาวรัสเซียเรียกเมืองนี้ว่า
"เมืองแห่งวิทยาศาสตร์" (Science City) ซึ่งจัดว่าเป็นสถานที่พิเศษ
ที่มองดูเหมือนมีแสงะยิบระยับพราวตาคล้ายกับการเกิดมิราจบน
ทุ่งราบสีขาว ในไซบีเรีย โซเวียตได้สร้างเมืองที่อยู่ห่างไกลนี้ให้เป็น
เมืองสำหรับการศึกษาและค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะ
เป็นที่น่าแปลกนักวิทยาศาสตร์ที่เข้าไปศึกษาค้นคว้าในเมืองนี้
โนโวซิเบอร์สค์เมืองแห่งวิทยาศาสตร์นี้ มีอายุเฉลี่ย 30 ปี และมีไอคิว
โดยเฉลี่ยเกินกว่า 130 แทบทั้งสิ้น ซึ่งถือว่าเป็นที่รวมของคนมีความรู้
ความฉลาดหลักแหลมหรือหัวกระทิก็ว่าได้

นิโคลีเอฟได้แสดงความสามารถในการรับพลังจิตโดยรับรู้สิ่งต่างๆ
ที่ส่งไปเป็นมโนภาพได้จนหมดสิ้น ในตอนกลางคืน วันนั้นเอง
เขาได้ถูกนำเข้าไปนั่งในห้องทดลองที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทดสอบ
ทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ มากมายโดยที่ตัวเขาเองจะต้องพิสูจน์
ให้เห็นจริงว่าการส่งกระแสจิตหรือโทรจิตนั้นสามารถติดต่อ
รับได้จากบุคคลอีกบุคคลหนึ่ง ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ห่างไกลก็ตาม
อันที่จริงเขาได้พยายามอย่างยิ่งที่จะพิสูจน์และยืนยันความเป็นจริง
ในเรื่องนี้แก่บุคคลต่างๆมากว่า 20 ปีแล้ว

ขณะเดียวกันที่กรงมอสโคว์ ยูริ คามินสกี้ ( Yuri Kamensky)
นักชีวฟิสิกส์เป็นผู้รับอาสาส่งกระแสจิตไปยังนิโคเอฟ ในไซบีเรีย
สิ่งที่น่าแปลกก็คือเขาไม่รู้จักนิโคลีเอฟโดยส่วนตัวมาก่อนเลย
เพียงแต่เคยเห็นภาพของนิโคเอฟมาก่อนการทดสอบเท่านั้น
คามินสกี้ ถูกนำตัวเข้าไปในห้องทดลองที่จัดขึ้นโดยเฉพาะ
และมีนักวิทยาศาสตร์หลายคนควบคุมอยู่อย่างใกล้ชิดเช่นกัน
คามินสกี้ กล่าวว่า ผมยังไม่ทราบเลยว่า จะส่งโทรจิตไปหานิโคลีเอฟ
เกี่ยวกับเรื่องอะไร เพียงแต่ทราบว่ามีวัตถุอยู่ 6 อย่าง
แต่ละอย่างนั้นบรรจุอยู่ในกล่องเล็กๆ ที่ผนึกปิดไว้อย่างมิดชิด
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เป็นผู้เตรียมมา และเขาจะนำมาให้ทดสอบโดย
แยกออกทีละชิ้นเท่านั้น เวลาในการส่งกระแสจิตเกี่ยวกับวัตถุแต่ละชิ้น
เขากำหนดให้เพียง 10 นาที

คามินสกี้กล่าวว่า "ในการเริ่มการทดลอง นักวิทยาศาสตร์ได้หยิบ
เอากล่องแรกออกมา พวกเขาได้เปิดผนึกออกและหยิบเอาสปริงลวด
ที่มีขดลวด 7 รอบ ออกมายื่นให้ ผมหยิบมันขึ้นมาพิจารณาดู
จากนั้นก็ได้ใช้มือลูบคลำ ค่อยๆใช้สายตาและความคิดเพ่งมองวัตถุนั้น
ให้เเกิดเป็นมโนภาพภายในใจอย่างเด่นชัดและต่อมาผมก็พยายาม
นึกถึงใบหน้าของนิโคลีเอฟ ให้เห็นเด่นชัดภายในดวงจิตของ
ผมเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมได้วาดมโนภาพนิโคลีเอฟกำลังนั่ง
อยู่ตรงหน้า และพยายามรวบรวมสมาธิเพ่งมองดูจนภาพของ
นิโคลีเอฟและลวดสปริงนั้นปรากฎเด่นชัดโดยตลอด
ทั้งๆที่ดวงตายังคงปิดสนิท"

ทางด้านไซบีเรียนั้น นิโคีเอฟ ได้สงบสติอารมณ์ นั่งสมาธิ
คอยรับพลังกระแสจิตจากคามินสกี้อยู่ เป็นประจักษ์
พยานเห็นเด่นชัดว่า นิ้วมือของนิโคลีเอฟค่อยๆ เคลื่อนไหวและ
แสดงลักษณะคล้ายๆกับว่าได้คลำวัตถุบางอย่างด้วยตัวของเขาเอง
เขาได้บันทึกเป็นคำพูดลงในเทปขณะที่กำลังทำสมาธิว่า "ลักษณะกลม
เป็นโลหะ ส่งแสงแวววาว มองดูคล้ายๆกับเป็นม้วน"
เมื่อคามินสกี้ ได้ส่งกระแสจิตเป็นมโนภาพเหล็กไขควงที่มีด้ามพลาสติก
สีดำ นิโคลีเอฟได้รับและบันทึกว่า "ยาวและผอม เหล็ก
พลาสติก พลาสติกสีดำ"
ภายหลัง คามินสกี้ ได้ให้ข้อสังเกตว่าคนเราทุกคนมีความสามารถ
ในการส่งและรับพลังกระแสจิตได้ทั้งนั้น แต่ความสามารถพิเศษนี้
มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝึกฝนอยู่เสมอ เป็นเรื่องจริงทีเดียว
ที่บางคนมีความสามารถพิเศษนี้มากกว่าบุคคลอื่นๆ
การทดลองส่งและรับกระแสจิตระหว่างนิโคลีเอฟกับคามิสกี้ใช้เวลา
4วัน ผลที่ได้จากการทดลอง นิโคลีเอฟสามารถปรับรับคลื่นพลังจิต
จากคามินสกี้ที่อยู่ในเมืองมอสโคว์ได้จนหมดสิ้น

มีผู้รับอาสาส่งกระแสจิตถึงนิโคลีเอฟอีกคนหนึ่งเป็น
นักศึกษาหนุ่มชื่อ เอ. จี. อาร์ลาชิน (A.G. Arlashin)
ตัวเขาเองเป็นผู้เลือกวัตถุที่วางรวมกันอยู่หลายชิ้นซึ่งจัดมาโดย
นักวอทยาศาสตร์ สิ่งหนึ่งที่อาร์ลาชินได้เลือกก็คือ ดัมเบลล์ยกน้ำหนัก
เขาได้ทำสมาธิและเพ่งนึกภาพส่งกระแสจิตไปหานิโคลีเอฟ
หลังจากที่ นิโคลีเอฟรับพลังกระแสจิตแล้วได้บันทกออกมาว่า
"มันเป็นเหล็กมีลักษณะวงกลม ยาว และหนา เป็นโครงเหล็ก สีเทา
คล้ายกับเหล็กที่ยังไม่ได้ขัดเกลา หนัก มันคืออะไรกันแน่
มันเป็นดัมเบลล์ใช่ไหม?"

นิโคลีเอฟ ได้พบข้อเปรียบเทียบว่า การติดต่อกระแสจิต
จากคามินสกี้นั้นรับได้ง่ายกว่าของอาร์ลาชิน ทั้งนี้คงเป็นเพราะว่า
อาร์ลาชินยังมีจิตใจไม่หนักแน่น เกิดการลังเลใจว่าจะเลือกเอา
วัตถุอย่างไหนดี การสร้างมิติสัมพันธ์ทางจิตขิงคนหนุ่มอย่าง
อาร์ลาชินยังไม่ดีพอ จากอุปสรรคนี้ได้ถูกนำมากล่าวไว้เป็นทฤษฎี
ตอนหนึ่งในวิชาปรจิตวิทยาของรัสเซัยว่า " ผู้ส่งกระแสจิตที่ผ่าน
การฝึกมาอย่างดีแล้ว ถือว่ามีความสำคัญในการส่งกระแสจิต
เท่ากับผู้รับที่มีความสามารถพิเศษสูง ถ้าผู้ส่งกระแสจิตมืดมัว
หรือเลือนลาง ผู้รับก็รับได้แต่ภาพเลือนลางนั้นออกมาเช่นกัน"



ขอขอบคุณ http://www.gmcities.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น