THE NATURAL OF REVENGE: อัศวินเทมพลาร์ The Knights Templar

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

อัศวินเทมพลาร์ The Knights Templar


อัศวินเทมพลาร์ The Knights Templar


 อัศวินเทมพลาร์  The Knights Templar

อัศวินเทมพลาร์ หรือชื่อเต็มคือ The United Religious, Military and Masonic Orders of the Temple
and of St John of Jerusalem, Palestine, Rhodes and Malta เป็นกลุ่มอัศวินศาสนา คริสเตียนที่มีบทบาท
ในสงครามครูเสด ก่อตั้งเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 12 ในปี 1119 Hughes de Payens ชนชั้นสูงจากฝรั่งเศสพร้อม
กับอัศวินผู้ติดตามอีก 8 คน  จุดมุ่งหมายคือปกป้องผู้แสวงบุญในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มที่สร้าง
ระบบธนาคาร ภายหลังมีตํานานต่างๆ ที่เกิดจากกลุ่มนี้ รวมไปถึงกลุ่มนี้ค้นพบอะไรของวิเศษบางอย่างที่สามา-
รถเปลี่ยนโลกได้ ข่าวลือบอกว่าอาจเป็น หีบแห่งพันธสัญญา ที่โมเสสใช้ติดต่อกับพระเจ้า   บางตํานานก็ว่า
ชิ้นส่วนของไม้กางเขนที่ใช้ตรึงพระเยซู บางตํานานก็กล่าวว่าในนั้น เก็บเอกสารสําคัญบางอย่างที่มีมาตั้ง
แต่สมัยพระเยซู

แม้จะสร้างผลงานมากมาย แต่ในระยะแรก กลุ่มอัศวินนี้ใช้ชีวิตอย่างสมถะ ประทังชีวิตด้วยของบริจาค จึงได้รับ
การขนานนามว่า อัศวินผู้ยากไร้ จนกระทั้ง 9 ปีต่อมา กลุ่มนี้สร้างชื่อเสียงหลายครั้ง จนมีผู้บริจาคเงินทองมาก
มายอีกทั้งมีกิจการหลายแห่ง มีดินแดนจนแทบจะครองยุโรปได้ คนชนชั้นสูง ชาวยุโรปหลายคนยังส่งลูกหลาน
ของตัวเองให้เข้าร่วมกลุ่มด้วย ทําให้กลุ่มนี้เติบโตอย่างรวดเร็ว จนมีอํานาจนอกเหนือกฎหมาย

แต่แล้ว จุดตกต่ำของกลุ่มนี้ก็มาถึง เมื่อกลุ่มอัศวินนี้มีธุรกิจกู้ยืมเงิน มีลูกค้ามากู้ยืมเงินเพื่อไป ทําสงครามมาก
มาย  หนึ่งในนั้นเป็นพระราชา  และเมื่อทําสงครามพ่ายแพ้พวกเขาไม่มีเงินมาจ่ายหนี้  เลยวางแผน ใส่ร้ายกลุ่ม
อัศวินนี้ว่าเป็น พวกนอกรีต บูชาปีศาจบาโฟเมต และสั่งประหาร และยึดทรัพย์สิน  ผู้นําอัศวินถูกเผาทั้งเป็น
จนกลุ่มอัศวินนี้ล้มสลายในที่สุด

ถึงแม้ อัศวินเทมพลาร์ จะล่มสลายลง แต่ยังคงทิ้งปริศนาเอาไว้หลายอย่างเช่น เกิดอะไรขึ้น กับสมาชิกที่ยังหลง
เหลือในยุโรป ทรัพย์สินของอัศวินเทมพลาร์หายไปใหน

ในปัจจุบันมีตํานานเล่าลือ ของพวกอัศวินเทมพลาร์อยู่ทั่วไป ว่ากันว่าพวกเขาได้แทรกซึมไปทั่วสหราชอาณาจักร
อังกฤษ และมีสาขาองค์กรแตกแขนงซึ่งส่วนใหญ่จุดประสงค์คือช่วยเหลือมนุษย์ หนึ่งในนั้นคือ สมาคม Freema-
sonry  ที่รับธรรมเนียมปฏิบัติ และพิธีกรรมจากกลุ่มอัศวิน จนกระทั่งกลายเป็นปริศนายอดฮิต ที่มักมีคนนําไปแต่ง
นิยายหรือภาพยนตร์เสมอ
      



      

The Order of the Templar Knights (technically The Poor Fellow-Soldiers of
Christ and of the Temple of Solomon) were founded just following the First
Crusade of 1096.The Order was initially formed to protect European pilgrims
to Jerusalem and back following the conquest. 
The Knights received official
endorsement by the Catholic Church in 1129 and flourished, growing in 

strength and wealth, until 1307, when bankrupt King Philip IV obtained per-
mission from Pope Clement V to put an end to the Order. Many members in
France and elswehere were rounded up, charged with heresy, torured, and
burned at the stake.The order was officially disbanded in 1312AD,but legend
holds that a group of Knights Templar survived the massacre,went into hiding,
and kept the Order alive and growing in strength until today.


Philip IV le Bel ("The Fair") ruled France from 1268 until 1314 AD. In league with the current Pope,
Philip oversaw the arrest,torture, and execution of hundreds of Knights Templar. 
On Friday,October 13,
1307, hundreds of Knights Templar were rounded up in France under orders of Philip IV.They were tor-
tured until admitting heresy.Some died under torture,many were burned at the stake for their"evil deeds."
From then on, Friday the 13th (especially in October) has become synonymous with bad luck
 and evil.

The Freemasons and the Knights Templar

The Freemasons also have been connected with a mysterious order called the Knights Templar. These
knights were monks who took up arms in 1118 A.D. in order to protect Christian pilgrims traveling from
Jaffa (a port city in Israel) to Jerusalem.According to legend,the Knights Templar discovered the greatest
treasure in history buried in the ruins of King Solomon’s temple. The Knights became rich so rich, in fact,
that they were the targets of envy and suspicion. In 1307,King Philip IV of France had all of the Knights
Templar arrested so that he could take possession of their great wealth. What happened to the Knights
after their imprisonment remains a mystery,but some say they went into hiding and continued their work
in secret, only to reemerge in Europe during the 1700s as the modern Freemasons.(There is even a theory
that the Knights, in their desire to seek vengeance on King Philip IV, had a hand in starting the  French 
Revolution.)

These stories lend a dramatic flair to the Freemasons’ history, but a more credible explanation for 
the brotherhood’s birth can be found in the Middle Ages. At that time, Masons were stone workers hired
by kings and churches in England, Scotland and France to build great castles and cathedrals.  Two kinds
of Masons existed at the time those who worked with ordinary stone were called “rough masons.” Those
who carved more intricate designs into softer stone, called “freestone,”were named“freestone masons”or“
free masons”(the two words were later combined to form the title,“Freemason”).The Freemasons enjoyed
a monopoly of sorts because of their special skill, and wanted to keep it that way. They established trade
guilds to discuss their craft and fair wages.They founded lodges where they would eat and keep their tools.
And they developed secret handshakes,  code words and other signs to distinguish one another from the
rough masons.




(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

อัศวินเทมพลาร์ อัศวินแห่งความลี้ลับ เป็นกลุ่มอัศวินคริสเตียนในสงครามครูเสดที่ มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด ได้ชื่อว่า
เป็นผู้ริเริ่มระบบธนาคาร และมีจุดจบอันแสนเศร้าสลด แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังมีข่าวลือ และตำนานเกี่ยวกับอัศวินกลุ่มนี้
เล่าลือกันในวงกว้าง

อัศวินเทมพลาร์ ก่อตั้งขึ้นหลังจาก สงครามครูเสด ครั้งแรกไม่นาน ปี 1119 Hughes de Payens ชนชั้นสูงจาก
ฝรั่งเศส พร้อมกับอัศวินผู้ติดตามอีก 8 คน ก่อตั้งกลุ่มที่มีจุดมุ่งหมาย ในการปกป้องผู้แสวงบุญ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ
กษัตริย์ BaldwinII แห่งเยรูซาเลม ได้อนุญาตให้ทั้ง 9คนไปอาศัยอยู่ที่บริเวณทิศใต้ของ Temple Mount ซึ่งทั้งชาว
คริสต์และอิสลามถือกันว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ

ชาวคริสต์เชื่อกันว่าโบสถ์นี้ตั้งอยู่บนซากปรักพังของ Temple of Solomon ในคัมภีร์ไบเบิล และสำหรับชาวมุสลิม
กาหลิบอุมัยยะห์อับด์ อัล-มาลิค เคยสร้าง วิหารโดมทองแห่งเยรุซาเล็มซึ่งภายในบรรจุก้อนหินที่ ศาสดามูฮัมหมัด
ได้รับจากสวรรค์ ณ ที่ตรงนี้
    

ซึ่งการที่อัศวินเทมพลาร์มาอาศัยอยู่ในสถานที่สำคัญทางศาสนาอย่างยิ่งยวดเช่นนี้ ทำให้ในภายหลังกลายเป็นบ่อเกิด
ของตำนานต่างๆนานา ของ Knights Templar ที่เล่าลือกันว่า พวกเขา "พบ"อะไรบางอย่างใต้ซากวิหาร
พวกอัศวินเทมพลาร์ใช้ชีวิตอย่างสมถะ ประทังชีวิตด้วยของบริจาคจึงได้รับการขนานนามว่า อัศวินผู้ยากไร้และ
หลังจากที่อัศวินเทมพลาร์ไปอาศัยอยู่ในสถานที่ ที่เชื่อกันว่าเคยเป็นที่ตั้งของโบสถ์Temple of Solomonจึงได้รับการ
ขนานนามอีกว่า อัศวินแห่งโบสถ์โซโลมอน

9 ปีต่อมา ชื่อเสียงของอัศวินผู้สมถะผู้อุทิศตัวเพื่อปกป้องผู้แสวงบุญ และผลงานดีเด่นต่างๆแพร่เข้าไปในยุโรป
มีผู้บริจาคทรัพย์สินเงินทองมากมาย ทั้งที่ดินและเงินทองไหลบ่าสู่พวกKnights Templar มากมายชนชั้นสูงชาวยุโรป
หลายคนยังส่งลูกหลานของตัวเองให้เข้าร่วมกลุ่มด้วย Knights Templar จึงเติบโตอย่างรวดเร็ว และ

ในปี 1139 อัศวินเทมพลาร์ ได้รับเกียรติยศอันสูงสุดเมื่อพระสันตปาปาอินโนเซนต์ที่2 ประกาศให้พวกอัศวินเทมพลาร์
อยู่เหนือกฎหมายของทุกประเทศ ไม่ต้องเสียภาษี และสามารถเดินทางผ่านดินแดนใดก็ได้โดยมิให้ผู้ใดขัดขวาง

ถึงแม้อัศวินเทมพลาร์จะเป็นกลุ่มที่เน้นหนักไปในด้านการทหาร แต่สมาชิกส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นนักรบ แต่มีหน้าที่คอยบริ-
หารจัดการทรัพย์สินต่างๆ และอำนวยความสะดวกให้กับนักรบ โดยใน
กลุ่มอัศวินเทมพลาร์แบ่งออกเป็น 4 ส่วน

อัศวิน                  ถูกฝึกฝนในแบบของทหารม้าหนัก แต่งกายด้วยสีขาวและสัญลักษณ์กางเขนสีแดง
- Sergeants          มาจากชนชั้นที่อยู่ต่ำกว่าอัศวิน ทำหน้าที่ในฐานะทหารม้าเบา พวกนี้จะสวมชุดสีน้ำตาล
The Serving Brothers ทำหน้าที่บริหารจัดการทรัพย์สินของกลุ่ม และทำหน้าที่ติดต่อค้าขาย
The Chaplains    พระที่ทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณและทางศาสนาให้กลุ่ม 


พวกอัศวินเทมพลาร์ เข้าร่วมสมรภูมิสำคัญๆในดินแดนแถบนี้ในฐานะกองทหารชั้นยอดและยังเคยเข้าร่วมกับกองทัพ
ของ Louis VII แห่งฝรั่งเศส และ King Richard I แห่งอังกฤษ ในการรบในดินแดน ปาเลสไตน์



ระบบธนาคาร 

อัศวินเทมพลาร์มีทรัพย์สินจำนวนมหาศาลและเริ่มให้ผู้แสวงบุญชาวเสปนยืมเงินสำหรับใช้เดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ
ในปี 1135

ปี 1150 Knights Templar ก็เริ่มใช้ระบบใหม่ซึ่งถือว่าเป็นต้นแบบของระบบธนาคาร นั่นคือ เมื่อมีผู้แสวงบุญในยุโรป
ประสงค์จะเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ พวกเขาจะนำทรัพย์สินทั้งหมดของตนไปฝากไว้กับ ฐานของอัศวินเทมพลาร์ใน
ประเทศของตน ซึ่งทางอัศวินเทมพลาร์ จะออกใบเสร็จซึ่งจดบันทึกรายการทรัพย์สินที่ฝากเอาไว้ ให้ผู้แสวงบุญติดตัวไป
และเมื่อผู้แสวงบุญกำลังเดินทางไปดินแดนศักดิ์สิทธิ หากต้องการใช้เงินเมื่อไหร่ ก็นำใบเสร็จนี้ไปยื่นต่ออัศวินเทมพลาร์
ที่เจอระหว่างทาง และเอาทรัพย์สินของตนออกมาใช้ ได้ด้วยวิธีนี้  ผู้แสวงบุญจะปลอดภัยจากการถูกปล้นชิงกลางทาง
เพราะไม่ได้นำของมีค่าติดตัวไปด้วย (แถมยังทำให้อัศวินเทมพลาร์มีทรัพย์สินเพิ่มอีกอื้อซ่า)

นอกจากมีระบบฝากเงินแล้วด้วยความร่ำรวยของอัศวินเทมพลาร์ จึงมีหลายต่อหลายคนในยุโรปเข้ามาขอยืมเงินไม่
ว่าจะเป็นขุนนางมายืมเงินเพื่อไต่เต้าตำแหน่ง แม่ทัพยืมเงินไปสร้างกองทัพ พ่อค้ายืมเงินไปทำธุรกิจ แม้แต่พระ ก็ยังมา
ยืมเงินจากอัศวินเทมพลาร์เนื่องจากการคิด ดอกเบี้ยเป็นเรื่องต้องห้ามของศาสนจักร พวกอัศวินเทมพลาร์ จึงไม่ได้
คิดดอกเบี้ย แต่คิด "ค่าเช่า" แทน

อัศวินเทมพลาร์กลายเป็นกลุ่มที่ร่ำรวยและมีอำนาจอย่างมาก ครอบครองที่ดินทั้งในยุโรปและตะวันออกกลางสร้าง
ปราสาทและโบสถ์มากมาย มีฟาร์มหลายแห่งค้าขายสินค้าทั้งส่งออกและนำเข้า มีกองทัพเรือของตัวเองและครอบครอง
เกาะไซปรัส ทั้งหมด

   

ล่มสลาย 

เมื่อกรุงเยรูซาเลมพ่ายต่อ สุลต่าน ซาลาดิน การสนับสนุนจากยุโรปก็ตกต่ำลง ในช่วงท้ายปี1300 กษัตริย์ฟิลิปที่4 แห่ง
ฝรั่งเศส ได้ยืมเงินจำนวนมากจากอัศวินเทมพลาร์เพื่อใช้ในการทำสงครามกับอังกฤษ แต่ไม่มีเงินพอที่จะใช้คืนได้เลยหา
เหตุเบี้ยวนี้ สั่งสอบสวนผู้นำของ Templar Grand Master Jacques de Molay ในฐานะเป็นพวกนอกรีต ซึ่งเจ้าตัวให้การ
ปฏิเสธ

ในวันศุกรที่ 13 ปี 1307 ฟิลิป จับกุมตัวสมาชิก อัศวินเทมพลาร์ ทั้งหมดในฝรั่งเศส กล่าวหาว่าพวกอัศวินเทมพลาร์บูชา
ปีศาจบาโฟเมต เป็นพวกนอกรีต และสั่งประหาร ซึ่งทำให้ฟิลิปรอดพ้นจากการเป็นหนี้พวกอัศวินเทมพลาร์ซ้ำฟิลิปยังยึด
ทรัพย์สินของพวกอัศวินเทมพลาร์ทั้งหมดในฝรั่งเศส

ด้วยแรงกดดันจากฟิลิป พระสันตปาปาคลีเมนต์ จึงสั่งยุบกลุ่มอัศวินเทมพลาร์ที่ดินของอัศวินเทมพลาร์ ถูกโอนไปให้
พวก Hospitallers  และพวกผู้นำในยุโรปก็เอาตามอย่าง
ฟิลิป ประกาศให้พวกอัศวินเทมพลาร์เป็นพวกนอกรีตและยึดทรัพย์สิน
     ในปี 1314 ผู้นำของอัศวินเทมพลาร์ทั้ง 3 คน ถูกจับเผาทั้งเป็น 

  

พวกสมาชิกที่เหลือในยุโรปถูกตามจับไปสอบสวนโดยผู้สอบสวนของพระสันตปาปา (ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่รอด) บางคน
หนีไปเข้าร่วมกับกลุ่มอื่นเช่น Order of Christ และ Knights Hospitaller พวกอัศวินเทมพลาร์จึงล่มสลายลง

ถึงแม้อัศวินเทมพลาร์จะล่มสลายลง แต่ยังคงทิ้งปริศนาเอาไว้หลายอย่าง เช่น 

  • เกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกอีก 100 คนที่ยังหลงเหลือในยุโรป
  • กองเรือของพวกอัศวินเทมพลาร์หายไปใหน
  • บันทึกที่จดบันทึกบัญชีการค้าและทรัพย์สินของอัศวินเทมพลาร์หายไปใหน หรือมันไม่เคยมีอยู่มาตั้งแต่แรกแล้ว

   

ตำนาน 

ในปัจจุบันมีตำนานเล่าลือของพวกอัศวินเทมพลาร์อยู่ทั่วไป และกลายเป็นปริศนายอดฮิตที่มักมีคนนำไปแต่ง
นิยายหรือภาพยนตร์เสมอ ตำนานที่พูดถึงมากๆก็มีดังนี้ 

ฐานบัญชาการในตำนาน 

ตามประวัติ พวกอัศวินเทมพลาร์ตั้งฐานบัญชาการแห่งแรกใกล้ๆTemple Mount ซึ่งถือเป็นสถานทีศักดิ์สิทธิของคริสเตียน
ยิว และมุสลิม

เชื่อกันว่า Temple Mount ตั้งอยู่บนซากปรักหักพังของ โบสถ์โซโลมอน ในไบเบิล มีคำล่ำลือมากมายเกี่ยวกับโบสถ์นี้ว่า
เป็นสถานที่เก็บวัตถุศักดิ์สิทธิยิ่งยวดเอาไว้ เช่น 

- เป็นสถานที่เก็บ หีบแห่งพันธสัญญา ที่โมเสสใช้ติดต่อกับพระเจ้า
- บางตำนานก็ว่ามี อุโมงค์ลับใต้วิหารซึ่งเป็นที่เก็บ ชิ้นส่วนของไม้กางเขนที่ใช้ตรึงพระเยซู
- บางตำนานก็กล่าวว่าในนั้น เก็บเอกสารสำคัญบางอย่างที่มีมาตั้งแต่สมัยพระเยซู 

ด้วยเหตุหลายคนจึงเชื่อกันว่า พวกอัศวินเทมพลาร์พบเจออะไรบางอย่างในโบสถ์นั้น และสิ่งนั้นทำให้ Knights Templar
ก้าวขึ้นสู่อำนาจสูงสุด แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกว่าตำนานเหล่านี้จะเป็นจริง

นักวิชาการบางคน เช่น Hugh J. Schonfield มีข้อสันนิษฐานว่า พวกอัศวินเทมพลาร์อาจไปเจอ คัมภีร์โบราณ
Copper Scroll 
"ม้วนบันทึกทองแดง" ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้พวก Knights Templar ถูกข้อกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีต
(คัมภีร์ Copper Scroll คือส่วนหนึ่งของคัมภีร์อื้อฉาวแห่งศาสนาคริสต์ นั่นคือคัมภีร์ Dead Sea Scrolls"ลิลิตเดดซี" ซึ่งมี
การค้นพบในถ้ำคูมรัน คาดการ์ณกันว่าเป็นคัมภีร์ไบเบิลยุคแรกสุดจากยุคโรมัน ซึ่งมีเนื่อหาบางส่วนแตกต่างจากไบเบิลใน
ปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งทางวาติกันปฏิเสธเนื้อหาในคัมภีร์นั้นว่าไม่เป็นความจริง และมีข่าวลือว่า ทางวาติกันพยายามเข้า
มาแทรกแซงไม่ให้มีการเผยแพร่สู่สาธารณะ)


ตำนาน ศุกร์ที่ 13 

หลายคนเชื่อว่า ความเชื่อที่ว่าวันศุกร์ที่ 13 เป็นวันโชคร้าย มีสาเหตุมาจากที่พวกอัศวินเทมพลาร์
ถูกจับในข้อหาเป็นพวกนอกรีตในวันศุกร์ที่ 13 นี่เอง 

ผู้อ้างว่าเป็นผู้สืบทอด 

มีสมาคมหลายสมาคมในยุโรป อ้างว่าเคยติดต่อและเกี่ยวข้องกับอัศวินเทมพลาร์เช่น สมาคม Freemasonry ซึ่งรับ
ธรรมเนียมปฏิบัติและพิธีกรรมมากจากพวก Knights Templar ซึ่งเน้นหนักไปในด้านการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

และยังมีสมาคมอีกหลายกลุ่ม อ้างว่าตนเองสืบทอดมาจากพวกอัศวินเทมพลาร์เช่น Order of the Solar Temple ซึ่งไม่มีหลักฐานใดๆยืนยันข้ออ้างนี้


   

   


   


   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น