THE NATURAL OF REVENGE: นรกของไทยกับฝรั่ง

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นรกของไทยกับฝรั่ง



นรกของไทยกับฝรั่ง


เราคงจะเคยได้ยินได้ฟังไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ในเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์เฉพาะตัวของบุคคลบางคนที่เคยไปท่อง "นรก-สวรรค์" มา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่สลบไป ๒-๓ วัน เมื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว มักจะมีเรื่องราวน่าตื่นเต้นมาเล่าให้คนใกล้ชิดฟัง
เราเชื่อว่าบุคคลที่เพิ่งฟื้นจากการสลบไปหลายวันคงจะไม่พูดโกหก และบุคคลเหล่านี้ได้ประสบกับสิ่งที่ตนเองเล่าให้ฟังจริง ๆ แต่สิ่งที่บุคคลเหล่านั้นพบเห็นในขณะที่สลบกับ "ข้อเท็จจริง" จะเป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
คนไทยบางคนที่สลบไสลไป ๒-๓ วัน เมื่อฟื้นขึ้นมาแล้ว มักเล่าให้คนรอบข้างฟังด้วยความตื่นเต้นว่า ตนได้ไปท่องสวรรค์มา สวรรค์ของคนไทยนั้นมีลายกนก มีพระอินทร์ และมีนางฟ้าสวมชฎาโปรยข้าวตอกดอกไม้ ส่วนนรกของคนไทยนั้นมีกระทะทองแดง มีต้นงิ้ว และมียมบาลถือสามง่ามคอยบังคับอยู่ เมื่อสังเกตลักษณะนรก-สวรรค์ของคนไทยแล้ว จะเห็นได้ว่าเจือ "วัฒนธรรมไทย" อยู่ด้วย
ชาวตะวันตกบางคนหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาจากการสลบไสลแล้ว ก็อาจจะเล่าให้คนรอบข้างฟังด้วยอาการตื่นเต้นเช่นเดียวกันว่า ได้ไปเห็นนรกสวรรค์มา แต่สวรรค์ของฝรั่งนั้นเป็นอีกแบบหนึ่ง เทวดาฝั่งนั้นสวมชุดสีขาว มีมงกุฎทำด้วยใบไม้ดอกไม้ และมีปีกสีขาวขนาดใหญ่อยู่ด้านหลัง ส่วนนรกของฝรั่งนั้นมีลักษณะเหมือนปราสาทแดร๊กคูล่า ยมบาลฝรั่งใส่ชุดสีดำ น่ากลัวเหมือนหนังผีฝรั่ง ดังนั้น นรก-สวรรค์ของฝรั่งจึงเจือด้วย "วัฒนธรรมตะวันตก"
สำหรับชาวจีนก็เช่นกันจะเจืออยู่ด้วย "วัฒนธรรมจีน" เทพเจ้าและยมบาลของจีนจะใส่ชุดกี่เพ้า คล้ายเปาบุ้นจิ้น ในท่ามกลางสถาปัตยกรรมและบรรยากาศแบบจีน ทั้งในนรกและสวรรค์ ชาวอินเดียก็เช่นเดียวกันก็เจืออยู่ด้วย "วัฒนธรรมอินเดีย"
รวมความได้ว่านรก-สวรรค์ของชนชาติใด ก็มักจะเจือปนอยู่ด้วยวัฒนธรรมของชนชาตินั้นเสมอ
เราเชื่อว่าบุคคลในทุกชาติที่เคยมีประสบการณ์เฉพาะตัวในเรื่องนี้คงจะไม่พูดโกหกเป็นแน่ เมื่อให้บุคคลเหล่านั้นเล่าให้ฟังอย่างละเอียด และบางครั้งก็ให้ลองสเกตช์ภาพให้ดูก็จะเห็นถึงความจริงดังกล่าวข้างต้น คำถามที่ติดตามมาก็คือ เพราะเหตุใดนรก-สวรรค์ของคนแต่ละชนชาติ จึงเจือปนอยู่ด้วยวัฒนธรรมของชนชาตินั้นๆ
ถ้าหากว่าเป็น "ข้อเท็จจริง" ทุกคนที่ไปประสบมาจะต้องกลับมารายงานตรงกัน
เมื่อ ๑,๐๐๐ กว่าปีที่แล้วชาวจีนได้เดินทางข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกไปถึง "โลกใหม่" คือทวีปอเมริกา และได้เขียนบันทึกถึงเส้นทางเดินเรือ สภาพภูมิประเทศ ดินฟ้าอากาศ และผู้คนที่ได้พบเห็นไว้เป็นลายลักษณ์อักษร อีก ๕๐๐ ปี ต่อมาชาวยุโรปก็ได้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปถึงโลกใหม่เช่นเดียวกัน และก็ได้เขียนบันทึกการเดินทางและสิ่งที่พบเห็นไว้เช่นกัน
แม้ว่าชาวจีนและชาวยุโรปจะค้นพบทวีปอเมริกาในเวลาที่ห่างกันและจากคนละฝั่งทวีป แต่บันทึกของทั้งสองฝ่ายก็มีส่วนที่ตรงกันอยู่มาก ทั้งในเรื่องสภาพทางภูมิศาสตร์และวัฒนธรรมของชาวอินเดียนแดงซึ่งเป็นชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ ณ ที่นั้น ทั้งนี้ เพราะโลกใหม่คือข้อเท็จจริง
ปัจจุบัน โครงการอวกาศของหลายประเทศกำลังมุ่งหน้าไปสำรวจดาวอังคารทั้งองค์การนาซ่าของสหรัฐอเมริกา โครงการอวกาศของรัสเซีย ยุโรปตะวันตก ญี่ปุ่น และล่าสุดประเทศจีนก็มีโครงการสำรวจอวกาศ โดยจะส่งมนุษย์ไปลงดวงจันทร์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และจะสำรวจดาวอังคารเป็นลำดับถัดไป
ยานอวกาศของทุกประเทศที่ไปสำรวจดาวอังคารต่างก็รายงานกลับมาตรงกัน ทั้งในเรื่องบรรยากาศที่ห่อหุ้มดาวสีแดงดวงนี้ สภาพพื้นผิว ร่องรอยของแม่น้ำลำธารที่เหือดแห้งไปแล้ว และมวลสารซึ่งองค์ประกอบของดาวดวงนี้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะดาวอังคารคือข้อเท็จจริง
ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) ผู้ก่อตั้งวิชา "จิตวิเคราะห์" (Psycho-analyes) ได้อธิบายโครงสร้างของ "จิต" มนุษย์ว่าประกอบด้วย ๒ ส่วนคือ "จิตสำนึก" (Conscious Mind) และ "จิตใต้สำนึก" (Subconcious Mind) จิตสำนึก คือส่วนของการรับรู้ในชีวิตประจำวันของคนเราสำหรับจิตใต้สำนึก คือส่วนที่เก็บความตราตรึงมาจากจิตสำนึก มนุษย์รับรู้โลกโดยผ่านจิตสำนึกมาตั้งแต่แรกเกิด การรับรู้ที่ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อชีวิตของคนเราไม่ว่าทางบวกหรือทางลบ จะถูกเก็บสะสมไว้ในจิตใต้สำนึก และจะแสดงออกในรูปแบบต่างๆ เช่น ความฝัน เป็นต้น
คาร์ล จุง (Carl Jung) นักจิตวิเคราะห์ชาวสวิส ได้อธิบายเพิ่มเติมต่อจากฟรอยด์ว่า นอกจากจิตสำนึก และจิตใต้สำนึกแล้ว มนุษย์ยังมี "จิตไร้สำนึก" (Unconscious Mind) อีกด้วย จิตไร้สำนึก คือส่วนของความรู้สึกนึกคิดและคุณค่าที่ถูกถ่ายทอดกันมา และถูกเก็บสะสมไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดร่วมกันของคนในสังคมและวัฒนธรรมหนึ่ง ๆ ดังนั้น คนในวัฒนธรรมเดียวกันจะมีจิตไร้สำนึกร่วมกัน และคนต่างวัฒนธรรมกันก็จะมีจิตไร้สำนึกที่ต่างกัน
เราอาจจะนำจิตไร้สำนึกของจุงมาวิเคราะห์เรื่องของนรกสวรรค์ ดังกล่าวข้างต้นได้เมื่อคนอยู่ในภาวะหมดสติ จิตไร้สำนึกจะทำงานในรูปของความฝันที่ลึกที่สุดและเด่นชัดที่สุด และเนื่องจากจิตไร้สำนึกเป็นเรื่องของคุณค่าที่ถูกสั่งสมกันมาในวัฒนธรรมหนึ่ง นรกสวรรค์ของคนชนชาติหนึ่ง จึงเจือปนอยู่ด้วยวัฒนธรรมของชนชาตินั้น "นรก-สวรรค์" ในลักษณะเช่นนี้จึงมิใช่ข้อเท็จจริง เพราะหากเป็นข้อเท็จจริงแล้ว ไม่ว่าคนในชนชาติ ภาษา ศาสนา หรือวัฒนธรรมใดจะต้องรายงานตรงกันเสมอ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น