THE NATURAL OF REVENGE: โทรจิตคืออะไร

วันอังคารที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554

โทรจิตคืออะไร



ตอนที่ 2 โทรจิตคืออะไร

จิตของคนที่ฝึกมาดี จิตที่ปราศจากอคติ  ปราศจากโทสะ 
ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น ไม่หลงงมงาย ไม่อยากได้อยากมี 
ไม่อิจฉาริษยา ไม่โกรธแค้นอาฆาตพยาบาท มีใจสงบนิ่ง 
เป็นจิตที่ละเอียดอ่อน และมีพลัง  จะสามารถหยั่งรู้ใจคน 
และอ่านความคิดคนอื่นได้ 

กระแสจิตของคนเรา เป็นคลื่นพลังงานชนิดหนึ่งที่มีความถี่สูง
และละเอียดแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล 
กำลังความคิดของแต่ละคนที่ส่งออกไปนอกตัว 
สามารถไปกระทบจิตของคนที่มีความสามารถในการรับคลื่นกระแสจิตได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระแสจิตที่ส่งมาจากคนที่เรารู้สึกผูกพันใกล้ชิดสนิทสนม
จะสามารถติดต่อกันทางโทรจิตได้ 
บุคคลที่มีความสัมพันธ์กันทางอารมณ์อยู่แล้ว 
จะมีประสาทสัมผัสรับรู้พิเศษถึงกันได้

"คลื่นกระแสจิตเป็นพลังงาน ที่มีความละเอียดสูงมาก 
จนยังไม่มีเครื่องมือใดๆในปัจจุบันจะวัดได้  
คนเราทุกคน เป็นได้ทั้งผู้รับคลื่นกระแสจิต และเป็นผู้ส่งคลื่นฯ

โทรจิต”  (Telepathy) เป็นความสามารถถ่ายทอดความรู้สึก 
หรือสิ่งที่ตนรู้สึกในใจ ไปให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นได้ 
โดยการส่งกระแสจิตออกไปถึงผู้รับ

ดังนั้น “ความคิด” ที่คนหนึ่งๆเปล่งออกมา 
จึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็สามารถรับคลื่นความคิดนี้ได้ 
ถ้าคนๆนั้นเปิดเครื่องรับในร่างกายตนรับคลื่นนั้นๆเข้ามา

เซลล์แต่ละอันในร่างกายมนุษย์
ก็เป็นสิ่งที่สามารถปล่อยคลื่นความคิดออกมาได้เช่นกัน 
และในทางกลับกันคลื่นความคิดก็ย่อมสั่นสะเทือนเซลล์แต่ละอัน
ในร่างกายตนเองได้ด้วย

ดังจะเห็นได้ว่าความเครียดที่สั่งสมนานๆ 
เป็นตัวการสำคัญอันหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่มนุษย์ 
เพราะคลื่นความคิดเหล่านี้เข้าไปมีผลกระทบต่อร่างกายนั่นเอง

การมีความคิดที่ดี แจ่มใสร่าเริง มองโลกในแง่ดี 
จึงเป็นสิ่งที่ขาดเสียมิได้สำหรับมนุษย์ 
บางครั้งเราจึงควรหลีกให้ห่างผู้คนที่ปล่อยคลื่นความคิดร้ายๆ 
ถ้าหากทำได้ จะได้ไม่ไปรับผลสะเทือนที่ไม่ดีของผู้คนเหล่านั้นเข้ามา

คลื่นความคิดที่ควรหลีกเลี่ยง:

สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือ การไม่ให้คลื่นความคิดจำพวก ความโลภ 
ความโกรธ ความหลง ความไร้สาระในเรื่องเล็กน้อย ความเกลียดชัง 
ความเกียจคร้าน ความอิจฉาริษยา อคติ เหล่านี้ ไหลเข้ามาสู่ตัวเรา

คลื่นความคิดที่ควรรับเข้ามา:

คลื่นความคิดจำพวก ความรัก ความเมตตา ความหวังดี ความห่วงใย
ความเอื้ออาทร การมองโลกในแง่บวก การให้อภัย ความกระตือรือล้น
ความร่าเริงแจ่มใส เหล่านี้ ให้ไหลเข้ามาสู่ตัวเรา

ความสัมพันธ์ระหว่างกายกับจิต 
เราควรฝึก “ควบคุมใจ” ทำให้เซลล์ในร่างกายทั้งหมด
สามารถตอบสนองคำสั่งที่ใจสั่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
ด้วยเหตุนี้ร่างกายของเราจึงจะแข็งแรง และมีอายุยืนยาว

เราทุกคนสามารถทำได้เช่นเดียวกัน 
หากแต่บุคคลผู้นั้นต้องมีจิตใจที่กระจ่างเที่ยงธรรม 
มีชิวิตอยู่อย่างมีปณิธาน ศรัทธา ความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า 
และมีความคิดในเชิงบวก 
เซลล์ในร่างกายก็จะตอบสนองต่อจิตใจบุคคลนั้นในทางบวกเช่นกัน 
ทั้งเรื่องสุขภาพร่างกายและจิตใจ ย่อมได้ผลเช่นเดียวกัน

แต่คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึง จิตสำนึกนี้ กลับมีชิวิตโดยใช้แค่ “ใจ” 
หรือ "สิ่งรับรู้ในอารมณ์ทั้งหลาย"เท่านั้น 
ซึ่งผันผวนง่ายและแปรปรวนอย่างรุนแรงมาเป็นหลักของชิวิต 
เราจึงควรพยายามประสานใจของตนให้สอดคล้องกับจิตสำนึกนี้

คลื่นความคิด” ซึ่งมีลักษณะคล้ายแสง 
ถ้ากระแสความคิดถูกส่งเป็นคลื่นออกไปแล้ว 
มันจะเคลื่อนที่ไปอย่างไม่มีขอบเขต 
แต่ไม่ได้มีลักษณะเป็นเส้นตรงทิศทางเดียว
เหมือนลูกกระสุนจากปากกระบอกปืน 
หากแต่มีลักษณะเหมือนรังสีที่เปล่งออกมาเป็นเส้นตรงในทุกๆทิศทาง 
และแผ่ขยายตัวโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่จุดหนึ่ง…. 
จนกว่าจะถูกดูดซับหรือถูกขวางกั้นโดยสิ่งอื่นหรือวัตถุอื่น

นักพลังจิตเชื่อว่า
ความกดดันทางอารมณ์สูงสุดที่เกิดขึ้นทันทีทันใดของคนเรา 
เป็นสาเหตุทำให้เกิดเหตุการณ์ทางอำนาจจิตได้ 
อารมณ์ของคนเรานั้น
เป็นสวิตซ์ปิดเปิดการส่งโทรจิตธรรมชาติได้โดยอัตโนมัติ

อย่างเช่น 

เมื่อเราต้องประสบกับเหตุการณ์รุนแรง 
หรือเกิดอุบัติเหตุกับญาติพี่น้องหรือคนสนิท 
อารมณ์ที่เครียดสูงสุดนี้
ก็จะเป็นตัวเปิดสวิตซ์การส่งหรือรับโทรจิตโดยฉับพลันทันที 

อย่างในกรณีที่เกิดกับทหารเรือดำน้ำรัสเซียคนหนึ่งซึ่งป่วย
และต้องนอนพักอยู่ที่ฐานทัพ จึงไม่ได้เดินทางออกไปกับเรือเที่ยวนั้น  
พอตกบ่ายเขาก็ฝันไปว่า 
เขายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือในขณะที่เรือกำลังดำลง  
เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปในเรือได้ 
ตัวเขาค่อยๆ จมลงไปในน้ำพร้อมกับเรือ  
เขาสำลักน้ำเข้าไปหลายอึก  และรู้สึกว่ากำลังจะจมน้ำตาย 

จนบัดนี้เขายังจำฝันร้ายนั้นได้ติดตา 
เพราะหลังจากที่เราเข้าเทียบท่าที่ฐานทัพ 
เขาก็ทราบว่าเพื่อนของเขาจมน้ำตายเนื่องจากติดอยู่บนดาดฟ้าเรือ
ในขณะที่เรือกำลังดำลงสู่ใต้ผิวน้ำ

โทรจิตเป็นประสาทสัมผัสที่ 6 ของคนเรา 
ที่นอกเหนือไปจาก ตา หู  จมูก ลิ้น และกาย 
ซึ่งทุกคนมีความสามารถพิเศษทางโทรจิตนี้แฝงอยู่ 
หากแต่ถูกบดบังด้วยจิตใจที่หม่นหมอง 

ความจริงแล้วคนเราทุกคนล้วนแล้วแต่ก็มีความสามารถในการส่ง
และรับกระแสจิตด้วยกันทั้งนั้น  แต่ความสามารถพิเศษนี้ 
จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและแน่นอน 

บางคนอาจมีความสามารถพิเศษนี้มากกว่าคนอื่นๆ
ผู้ส่งและผู้รับกระแสจิตนั้นมีความสำคัญเท่ากัน เพราะถ้าผู้ส่งกระแสจิต
ส่งมโนภาพที่เลือนลางมาให้เราก็จะได้แต่ภาพที่เลือนลางนั้นด้วย 

ฉะนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้รับและผู้ส่งข่าวสารทางจิต
จักต้องฝึกปรือกันมาอย่างดี และต้องสามารถสร้างมิตรสัมพันธ์ทางจิต
หรือรับคลื่นกระแสจิตให้เข้ากันได้เป็นอย่างดีด้วย

จงทำตัวให้สบายผ่อนคลายอารมณ์ 
ลดภาวะความตรึงเครียดทางกายและทางใจลง 
และควรจะกำจัดความกังวล หรืออารมณ์ที่ขุ่นมัวออกให้หมดสิ้น 
จงทำให้มีความเชื่อมั่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 

เมื่อเริ่มส่งข่าวสารทางจิตไปยังผู้รับนั้น 
ปล่อยใจให้ล่องลอยจงแน่วแน่อยู่กับข่าวสารและข้อมูลที่จะส่ง 
พร้อมกับนึกถึงหน้าของผู้รับกระแสข่าวสารทางจิตจากเรา
ให้กระจ่างอยู่ในดวงจิต  เมื่อท่านฝึกเช่นนี้บ่อยๆ จนมีความคุ้นเคย
และสามารถปรับคลื่นกระแสจิตเข้ากันได้แล้ว 
ในไม่ช้าไม่นานท่านก็จะเปรียบเสมือนมีเครื่องรับส่งโทรจิตติดตัว 
ใช้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่และทุกสภาวะดินฟ้าอากาศ 

ทั้งนี้ทั้งนั้น อำนาจจิตธรรมชาตินั้น น่าจะเกิดมาจากความสอดคล้องกัน
ระหว่างคลื่นสมองของผู้ส่งและผู้รับ ที่มีอำนาจสัมพันธ์กัน ซึ่งเรื่องนี้
คนทั่วไปสามารถฝึกปรับระดับจิตของพวกเขาให้เข้ากันได้ภายใน 3 เดือน 

แล้วยังมีข้อสำคัญอีกอย่างหนึ่งว่า การฝึกโทรจิต ถ้าจะให้ได้ผลสูงสุด 
นอกจากจะปฏิบัติตามข้างต้นที่กล่าวมาแล้ว 
เราควรจะมีการนัดหมายเวลาเพื่อให้ปฏิบัติพร้อมเพรียงและสอดคล้องกัน 
(ในที่นี้หมายถึงต้องสอดคล้องกันทั้งทางกาย จิตใจ และเวลาด้วย

ก็ขอให้ทุกๆคน  มีความรู้สึกนึกคิดที่ดี 
กระแสจิตที่ส่งออกมานอกตัว จะได้เป็นกระแสที่ร่มเย็น  
เป็นความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อกัน

ส่วนคนที่มีกระแสความคิดเป็นในทางลบ  
เช่น อิจฉา หมั่นไส้  โกรธ เกลียด อคติ 
ก็ควรพยายามควบคุมกำลังความคิดของตนเองให้เป็นไปในทางบวก
เป็นไปในทางสร้างสรรค์  มีสันติสุข มีความสงบในใจ
เพราะผู้รับคลื่่นกระแสจิตจากคุณ  เขาจะได้รับแต่สิ่งที่ดีๆ
และพลอยมีใจสงบร่มเย็นไปด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น