THE NATURAL OF REVENGE: ธรรมชาติของความตาย

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ธรรมชาติของความตาย


ธรรมชาติของความตาย







ธรรมชาติของความตาย


คหบดีผู้หนึ่ง เมื่อบุตรชายตายนำไปฟังที่สุสาน
ทุกเวลาสายัณห์เย็น จะต้องมานั่งร้องไห้รำพรรณที่ศพลูก
จนไม่มีเวลาจะพสายลมแสงแดดที่น่าพิศมัยของโลกได้




วันหนึ่งเมื่อจากบ้านมาถึงสุสานยังไม่ทันร้องไห้
เหลือบเห็น เด็กคนหนึ่งมาชิงร้องไห้เสียก่อน
ก็เลยลืมคิดที่จะร้องแข่งกับเด็ก จึงเข้าไปถามเด็กว่า ร้องไห้ทำไม



เด็กคนนั้นตอบว่า 
ฉันต่อเรือนรถไว้อย่างสวยงามแต่ยังขาดล้อ
ที่ร้องไห้ก็เพราะปรารถนาจะได้ล้อรถ




คหบดีจึงถามว่า ล้อรถที่ไหนล่ะที่เจ้าอยากได้



เด็กตอบว่าเรือนรถที่ต่อเอาไว้นั้นสวยงามมาก
จนไม่ควรจะใช้ล้อที่สร้างจากวัตถุใดในโลกนี้ 
เห็นสมควรอยู่ก็แต่พระอาทิตย์กับพระจันทร์เท่านั้น
ฉันอยากได้พระอาทิตย์กับพระจันทร์มาทำล้อรถของฉัน




คหบดีฟังแล้วก็ประณามเด็กทารกนั้นว่า
เจ้านี่จะบ้าหรือ.... ที่มาร้องไห้เอาพระอาทิตย์พระจันทร์
สิ่งนั้นมันสูงเกินนัก ไม่มีใครหรอกจะได้สิ่งที่สูงสุดนั้นมาครองเป็นสิทธิ์ได้



เด็กคนนั้นย้อนตอบว่า ช่างฉันเถอะ....ถึงฉันจะบ้าบอ 
แต่ขอให้รู้ไว้ว่าการบ้า เพราะร้องไห้จะเอาสิ่งที่สูง ถือเอาไม่ได้ก็ยังมองเห็น
คงจะบ้าน้อยกว่าคนที่ร้องไห้จะเอาในสิ่งที่มองไม่เห็น
เช่นการร้องไห้จะให้คนที่รักซึ่งตายไปกลับฟื้นขึ้นมา




คหบดีได้คิด นับแต่นั้นก็เลิกมาป่าช้า เลิกฝังชีวิตไว้กับความเศร้าที่เปล่าประโยชน์ 


เอาเถอะ แม้น้ำตาจะเป็นเครื่องหมายของความโง่ ที่ไม่ยอมรับรู้ความจริงในธรรมชาติ
แต่มันมีความหมายพิเศษอยู่อย่างหนึ่งคือ เป็นเครื่องวัดเครื่องประมาณความดีของผู้ตาย หรือสิ่งที่เราสูญเสียไป


ฉะนั้น.....น้ำตาแม้จะเป็นเครื่องหมายแห่งความโง่ แต่การร้องไห้ก็ไม่ใช่ความผิด 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น