THE NATURAL OF REVENGE: Deadly Women : หญิงสาวแห่งความตาย

วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Deadly Women : หญิงสาวแห่งความตาย


Deadly Women : หญิงสาวแห่งความตาย

ผู้หญิงอาจเป็นเพศที่อ่อนแอในสายตาของคนทั่วไป แต่หลายต่อหลายครั้งเพศที่อ่อนแอกว่านี้ก็ทำให้โลกต้องตะลึงมาแล้วมากมาย และหนึ่งในนั้นก็คือคดีฆาตกรรมที่ผู้ชายหลายคนได้รู้ได้เห็นแล้วยังอดหวาดกลัวไปด้วยไม่ได้ 
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 400 ปีก่อน ใครจะคิดว่าสตรีชาวฮังการีผู้สูงศักดิ์ในต้นศตวรรษที่ 17 อย่าง เคาน์เตส เอลิซาเบธ บาโธรี ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับกษัตริย์แคว้นทรานซิลวาเนีย ผู้ซึ่งเลอโฉมที่สุดในอาณาจักร ปราดเปรื่อง พูดได้ถึง 3 ภาษา จะกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดของโลก



ในฐานะนักการทูต เอลิซาเบธได้เจรจาต่อรองสนธิสัญญาระหว่างสองอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ แต่ในยามค่ำคืนเธอกลับกลายเป็นอีกคนที่กระหายเลือด ว่ากันว่าเอลิซาเบธฆ่าคนรับใช้ไปมากกว่า 600 คน เพราะเชื่อว่าเลือดจะถนอมความสาวและความสวยของเธอไว้ ไม่ต่างจากตำนานเคาน์แดร็กคิวลาของแคว้นทรานซิลวาเนีย

แวมไพริซึม เป็นศัพท์ทางการแพทย์ที่จิตแพทย์ทั่วโลกใช้ ซึ่งเป็นพฤติกรรมของคนที่ดื่มเลือด ซึ่ง แคนดิช เดอลอง อดีตเจ้าหน้าที่เอฟบีไอและนักสืบค้นประวัติ พบว่าพิธีกรรมพิสดารนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในแถบทรานซิลวาเนียเท่านั้น 

ขณะที่ เจนีส อะมาทูซิโอ นักนิติพยาธิวิทยาและเจ้าหน้าที่ตรวจหาสาเหตุการตายประจำเขตที่มีประสบการณ์ในการตรวจศพผู้ตายมากว่า 20 ปี ระบุว่า เลือดเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่สำคัญ เอลิซาเบธ คิดว่ามันอาจทำให้ดูมีน้ำมีนวลหรือดูสาวขึ้นเพราะเธออาจจะเป็นคนขาดธาตุเหล็ก 
สำหรับเหตุผลที่ทำให้เอลิซาเบธทำอย่างนั้นอาจจะยังเป็นเงื่อนงำที่ต้องค้นหา แต่เหตุผลของ เวรา เรนซี กลับต่างออกไป


ในทศวรรษที่ 1930 ในนครบูคาเรสต์ ฮังการี เวราฆ่าคนรักของเธอหลายคน เธอฆ่าทีละคนและฆ่าทุกคน หลังจากชีวิตสมรสที่ล้มเหลวสองครั้ง เวราผู้เลอโฉม ก็เชิญชวนคนรักอีกเป็นขบวน เธอใช้เสน่ห์ยั่วยวน เธอดึงผู้ชายเข้ามาและนั่นย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ชายคนนี้จะได้รับเลือกจากเธอ และเธอก็จะใช้กลวิธียั่วยวนของเธอ ใช้ความสวยของเธอ ใช้เงินของเธอ ใช้ความหรูหราของเธอ เพื่อดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องเพศ เวราเลือกผู้ชายที่แต่งงานแล้ว อาหารค่ำที่เย้ายวนของเวรานั้นปรุงแต่งด้วยสารหนู ซึ่งแคนดิช ผู้เชี่ยวขาญเรื่องพิษ บอกว่ามันเป็นวิธีวางยาพิษยอดนิยมที่เห็นตลอดหลายศตวรรษ 
“สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ เริ่มแรกคนที่กินสารหนูเข้าไปจะเริ่มรู้สึกไม่สบาย สารหนูจะทำให้เนื้อเยื่อในกระเพาะอาหารแตกตัว อาการนี้เรียกว่าเลือดออกตามอวัยวะ ซึ่งหมายถึงแผลในกระเพาะอาหารชนิดที่มีเลือดออกมาก ดังนั้นพวกเขาจะรู้สึกปวดท้อง” จานีส ระบุ

แต่แผนการของเวราไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น เธอยังสะสมของที่ระลึกชิ้นโบแดงของตัวเองเอาไว้ด้วย โดยมีหีบสังกะสีในห้องใต้ดินอับชื้นซึ่งเป็นอุปกรณ์ทำมัมมี่ได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะเมื่อไขมันในร่างกายผสมกับเกลือ แคลเซียม และโซเดียมในน้ำหรือในดินชื้นๆ มันจะจับตัวเป็นสารประกอบคล้ายสบู่หรือขี้ผึ้ง แล้วศพก็จะถูกถนอมรักษาและในที่สุดก็จะแข็งจนเกือบเหมือนหิน 

นักวิเคราะห์ปัจจุบันเห็นว่า การที่เวราทำเช่นนั้นก็เพราะเธออาจต้องการเพียงแค่ความรัก เวราวางแผนที่จะแก้แค้นด้วยวิธีที่ยังรักษาความรู้สึกเทิดทูนผู้ชายที่ตามเธอมา เวราแทนที่ความรักด้วยการมีชีวิตอยู่กับความรักที่ได้จากคนตาย

เวราฆ่าคนอยู่นานกว่าหนึ่งทศวรรษ จนกระทั่งภรรยาของชายคนหนึ่งเกิดสงสัยและได้แจ้งความกับตำรวจให้ไปยังห้องใต้ดินของเธอ พวกเขาพบหีบศพสังกะสี 35 ใบ และในบรรดาเหยื่อที่ถูกเก็บศพไว้เหล่านั้นก็มีสามีของเวราสองคนที่หายตัวไปด้วย 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น