THE NATURAL OF REVENGE: ลัทธิซานตาน อำนาจจากความมืด

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557

ลัทธิซานตาน อำนาจจากความมืด

ลัทธิซานตาน อำนาจจากความมืด

                คนหลายปฏิเสธในเรื่องของผี วิญญาณชั่ว แต่บางคนคิดว่าเป็นเรื่องนิทานและนิยาย ในขณะที่หลายคนหลงคลั่งไคล้ว่า มารซาตานมีอิทธิพลมากและมันอยู่เบื้องหลังของทุกสิ่งทุกอย่าง ในพระคริสตธรรมคัมภีร์บอกอย่างชัดเจนว่า มารซาตานมีอยู่จริง แต่พระเยซูคริสต์มีฤทธิ์อำนาจเหนือกว่า  

 ความเป็นมา                ลูซีเฟอร์เป็นทูตสวรรค์
 
               พระเจ้าทรงสร้างทูตสวรรค์จำนวนมากขึ้นมาเพื่อปรนนิบัติ รับใช้พระองค์ มีอยู่องค์หนึ่งชื่อ “ลูซีเฟอร์” ที่ได้รับตำแหน่งสูงสุด คอยดูแลพระบัลลังก์ของพระเจ้า แต่ในเวลาต่อมาได้คิดกบฏต่อพระองค์ จึงถูกขับไล่ลงจากสวรรค์

                ข้อมูลเกี่ยวกับลูซีเฟอร์ อยู่ในพระธรรมเอเสเคียล ๒๘.๑๑-๑๙  กล่าวถึงเจ้าเมืองไทระว่า เป็นคนที่เย่อหยิ่ง ความมั่งคั่งของเขาทำให้คิดว่าตนเองเป็นพระเจ้า แต่เบื้องหลังของพระคัมภีร์ตอนนี้กล่าวเล็งถึงทูตสวรรค์ “เจ้าเป็นตราแห่งความสมบูรณ์แบบ เต็มด้วยสติปัญญา มีความงามอย่างพร้อมสรรพ เจ้าอยู่ในเอเดนพระอุทยานของพระเจ้า เพชรพลอยทุกอย่างเป็นเสื้อของเจ้า..ในวันที่สร้างเจ้าขึ้นมา เราตั้งเจ้าให้อยู่กับเครูบ ผู้พิทักษ์ได้เจิมตั้งไว้ เจ้าอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์ของพระเจ้า และเจ้าเดินอยู่ท่ามกลางศิลาเพลิง เจ้าก็ปราศจากตำหนิในวิธีการทั้งหลายของเจ้า ตั้งแต่วันที่เจ้าถูกสร้างขึ้นมาจนพบความชั่วในตัวเจ้า

                ลูซีเฟอร์กบฏต่อพระเจ้า  

                อิสยาห์ ๑๔.๑๒-๑๔ กล่าวถึงการล้มลงในความผิดบาปของทูตสวรรค์ลูซีเฟอร์ “โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วซิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอ่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้ประชาชาติตกต่ำน่ะ เจ้ารำพึงในใจของเจ้าว่า ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้าจะนั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์พระผู้เป็นเจ้า”  

                ปรากฎการณ์ของซาตาน หรือความผิดบาปของลูซีเฟอร์ คือ การกบฏ และทำตัวให้เหมือนหรือเท่าเทียมกับพระเจ้า ซึ่งมันใช้คำว่า “ข้า” ถึงห้าครั้งด้วยกัน

                หลายคนมักจะถามว่า “เพราะเหตุใดพระเจ้าจึงทรงสร้างมารซาตานขึ้นมา?”  หรือเหมือนกับถามว่า ทำไมพระเจ้าจึงทรงสร้างสิ่งชั่วร้ายขึ้นมา  (ขอดูเจตนารมย์ในการที่พระเจ้า ทรงสร้างโลก จักรวาล ทูตสวรรค์ มนุษย์และสรรพสิ่งขึ้นมา ล้วนแต่เป็นสิ่งดีทั้งสิ้น ปฐก. ๑-๓)

                มารซาตานลอกลวงมนุษย์                ในปฐมกาลบทที่ ๓ บันทึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสวนเอเดน  มารซาตานในร่างของงูเข้ามาล่อลวงเอวา กับอาดัมให้กินผลไม้ต้องห้ามที่พระเจ้าทรงห้ามไว้นั้น โดยใช้คำถามทำให้สงสัยในความรักของพระองค์ ประการแรกมันถามว่า “จริงหรือที่พระเจ้าตรัสห้ามว่า อย่ากินผลไม้ใดๆในสวนนี้” ประการที่สอง ซาตานมันบอกว่า “เจ้าจะไม่ตายจริงดอก เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่า ถ้าเจ้ากินผลม้นั้นวันใด ตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น แล้งเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า” (ปฐก. ๓.๑-๕)  
                การทดลองไม่ใช่ความบาป แต่การยอมแพ้การทดลองเป็นความบาป มนุษย์คู่แรกยอมพ่ายแพ้ต่อการทดลอง นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา มารซาตานก็กระทำให้ตาใจของผู้คนมืดบอดไป มันพยายามดึงคนให้ห่างไกลจากทางของพระเจ้า “แต่ถ้ามีม่านบังข่าวประเสริฐไว้จากใคร ก็จากคนเหล่านั้นที่กำลังพินาศ ส่วนคนที่ไม่เชื่อนั้น พระของยุคนี้ได้ทำให้ตาใจของเขามืดไป เพื่อไม่ให้เห็นความสว่างของข่าปวระเสริฐของพระคริสต์ ผู้เป็นพระฉายาของพระเจ้า” (๒ คร. ๔.๓-๔)  

ชื่อของมารซาตาน
                พระคัมภีร์เรียกชื่อต่างๆของมารซาตานดังนี้ 


                ๑ มาร (ยน. ๘.๔๔) ในภาษากรีกหมายถึง “ผู้กล่าวโทษ” หรือผู้กล่าวร้าย มีจุดประสงค์เพื่อทำลาย                ๒ ซาตาน (มธ. ๑๒.๒๖) ในภาษาฮีบรูมีความหมายว่า “ผู้ต่อต้าน ผู้ขัดขวาง” มันได้ทำการขัดขวางมนุษย์และพระเจ้าทุกวิถีทาง                ๓ ผู้ทดลอง (มธ. ๔.๓) พระเจ้าทรงทดสอบมนุษย์เพื่อให้ชนะ แต่มารทดลองมนุษย์เพื่อให้พ่ายแพ้                ๔ พ่อของการมุสา (ยน. ๘.๔๔)                  ๕ เจ้าแห่งความตาย (ฮน. ๒.๑๔) ซาตานมีอำนาจของความตาย มันสามารถกล่าวโทษมนุษย์ที่ทำบาป                ๖ เบเอลซาบูล (มก. ๓.๒๒,๒๓) มีความหมายว่า เจ้าแห่งแมลงวัน, หรือเจ้าเหนือมูลสัตว์                ๗ เบลีอัล (๒ คร. ๖.๑๕) เดิมชื่อนี้มีความหมายทั่วไปว่า “ไม่มีคุณค่า” ต่อมานำมาใช้กับพวกศัตรูที่ไม่มีคุณค่าเลย                  ๘ มารร้าย (๑ ยน. ๒.๑๓) พระคัมภีร์กล่าวถึงการกระทำของมารซาตานว่า “มีความชั่วร้ายอย่างสุดขีด”                  ๙ เจ้าแห่งโลกนี้ (ยน. ๑๔.๓๐) มารซาตานจะมีอำนาจเหนือโลกนี้ที่เต็มไปด้วยความผิดบาป                  ๑๐ เจ้าแห่งอากาศ (อฟ. ๒.๑-๒) พระคัมภีร์สอนว่า ในฟ้าอากาศเต็มไปด้วยวิญญาณที่ดีและวิญญาณชั่วต่างๆ ซึ่งเป็นเทพหรือผีตามลำดับชั้นของมัน

 การหลอกลวงของมารซาตาน

                สิ่งที่มารซาตานได้พยายามหลอกลวงมนุษย์มีดังต่อไปนี้
                หนึ่ง – ทำให้ผู้คนเชื่อว่ามันไม่มีตัวตนอยู่จริง ผีมารซาตานเป็นเพียงนิทานหลอกเด็กเท่านั้น
                สอง – ทำให้คนเห็นว่ามันเป็นตัวตลกโบราณ มีร่างกายสีเขียว หน้าตาน่าเกลียด มีสองเขาบนหัว มีหางเป็นลูกศร และมือถือสามง่าม                สาม – มันทำให้ผู้คนหวาดกลัว แต่ยังอยากรู้อยากเห็นเรื่องราว และชื่นชอบในฤทธิ์อำนาจ ของมัน ในรูปแบบของหนังสือหรือภาพยนตร์ เช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์  แดรกคิวล่า  ดิเอกซ์ซอซิสท์ แม่นาค ตุ๊กแกผี  ปอบผีฟ้า กระสือสวาท  ฯลฯ                สี่ – มารซาตานมาในรูปแบบของสิ่งประดิษฐ์ที่เอื้ออำนวยความสะดวกสบาย หรูหรา สนุกสนานและบันเทิง เช่น ทีวี อินเตอร์เนท วีดิโอ เสรีภาพทางเพศ โทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้าแฟชั่น อาหาร เงินทองและความร่ำรวย  บ้าน รถยนต์ และฯลฯ                  ห้า –  หลอกลวงทางศาสนา มารซาตานอาจจะมาในรูปแบบของนักศาสนาที่ทำตัวเคร่งครัด เป็นคนดีมีศีลธรรม นักสังคมสงเคราะห์ โดยไม่เชื่อหรือไม่ยอมรับการไถ่บาปด้วยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ เช่น พวกฟาริสีและศาสนาอื่นๆ                  หก – มารซาตานจะหลอกลวงทางผู้สอนเท็จ เช่น พยานพระยะโฮวาห์ มอร์มอน ชิลเดรนออฟก็อด มูน คริสเตียนตกขอบ ฯลฯ  

 วาระสุดท้ายของซาตาน
                พระคัมภีร์ได้กล่าวอย่างชัดเจนถึงจุดจบของมารซาตาน  
                คำตรัสของพระเยซูคริสต์

                “พระองค์ตรัสแก่บรรดาผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายพระหัตถ์ของ พระองค์ว่า ท่านทั้งหลายผู้ต้องถูกแช่งสาป จงถอยไปจากเรา เข้าไปอยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและสมุนของมัน” (มธ. ๒๕.๔๑)  


                สิ่งที่ยอห์นเห็นในนิมิตซึ่งเป็นอนาคตของมารซาตาน

                “ส่วนพญามารที่ล่อลวงเขาเหล่านั้น ก็ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถัน ที่สัตว์ร้ายและคนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะตกอยู่ในนั้น และมันต้องทุกข์ทรมานทั้งกลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิตย์” (วว. ๒๐.๑๐)

                พระเยซูชนะมารซาตาน

                พระเจ้าจะทรงพิพากษาทุกสิ่งที่มีชีวิต รวมไปถึงทูตสวรรค์และมารซาตาน (ยน. ๕.๒๒) พระเยซูทรงชนะมารซาตานโดยสั่งขับไล่ผีที่เข้าสิงในผู้คน (มธ. ๑๒.๒๘-๒๙) พวกสาวกของพระเยซูกลับมารายงานต่อพระองค์ด้วยความตื่นเต้นว่า พวกผีทั้งหลายต่างก็ยอมอยู่ใต้อำนาจของพวกเขา ( มธ. ๑๐.๑, ๑๗-๒๐) การเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ ได้ประกาศชัยชนะต่ออำนาจของมารซาตาน (๑ ปต. ๓.๑๘)  

 ลัทธิซาตาน
    
                มนต์ดำและไสยศาสตร์


                สิ่งที่เกี่ยวข้องกับลัทธิซาตานคือ ไสยศาสตร์ มนต์ดำ การใช้ยาเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ การบูชายัญด้วยเลือด

                โรเบอร์ต้า แบลนเคนชิพได้เล่าประสบการณ์ว่า “เธอต้องไปที่หลุมฝังศพในเวลาที่มืดสนิทและน่ากลัว ต้องเดินข้ามไม้กางเขนขนาดใหญ่เท่ากับตัวคน และกล่าวปฏิเสธความเชื่อทุกอย่างในพระคริสต์ หลังจากนั้นก็จะเริ่มประกอบพิธี ต้องดื่มเลือดสดๆที่เชือดจากสัตว์เป็นๆ...”

                ลีน แมคมิลลอนกล่าวว่า “รูปแบบหนึ่งของลัทธิบูชาซาตาน เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเพศ มีการร่วมประเวณีในพิธีกรรมเพื่อบูชาซาตาน และอีกรูปแบบหนึ่งของลัทธิอันชั่วร้ายนี้คือ การใช้ยาเสพติด”

               การต่อต้านเรื่องพระเจ้า

               แต่เดิมลัทธิซาตานเป็นขบวนการลับ แต่ปัจจุบันเปิดเผยตัวออกมาแล้ว มีลักษณะเป็นการต่อต้านศาสนาหรือต่อสู้กับเรื่องของพระเจ้า มีการนมัสการบุคคลที่ชื่อลูซีเฟอร์ (ซาตาน) ผู้ที่เข้าร่วมประชุมต้องปฏิเสธการเป็นคริสเตียน และยอมให้ลูซีเฟอร์เป็นพระเจ้าของพวกของเขา พบว่ากลุ่มพวกแม่แม่มดได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับลัทธิซาตานอย่างมาก

                โบสต์ของซาตาน

                โบสถ์ของซาตานตั้งขึ้นในปี คศ. ๑๙๖๖ ที่ซานฟรานซิสโก โดยแอนตัน แซนเดอร์ ลา เวย์ มีสมาชิกจำนวนหลายพันคน และต่อมาโบสถ์ได้แพร่หลายไปทั่วสหรัฐอเมริกา  คำสอนของเขาเน้นในเรื่องวัตถุ นิยมและความสุขนิยม เลเวย์มักจะแต่งกายด้วยสีดำทั้งชุด และใช้รถยนต์สีดำด้วย

                ลาเวย์เป็นคนเชื้อสายรัสเซีย ฝรั่งเศสผสมโรมาเนีย  เคยทำงานในโรงละครสัตว์ เคยเป็นตำรวจถ่ายภาพ เป็นนักออร์แกนในไนท์คลับ และชอบศึกษาในเรื่องศาสตร์ที่ลึกลับ เขากล่าวถึงโบสถ์ของตนเองว่า “มีการปล่อยตัวตามราคะตัณหาที่น่าสนุก จุดประสงค์เพื่อรวบรวมบุคคลที่มีความคิดเห็นอย่างเดียวกันเข้าด้วยกัน เพื่อใช้พลังอำนาจแห่งความมืด ซึ่งมีอยู่ในธรรมชาติมา นั่นคือซาตาน”  

                สมาชิกทุกคนต้องยอมรับว่าซาตานเป็นตัวแทนของ หนึ่ง การปล่อยตัวตามราคะตัณหา สอง การมีชีวิตตื่นเต้นสนุกสนาน สาม การแก้แค้น สี่ ยอมรับว่ามนุษย์มีธรรมชาติของสัตว์ ห้า ซาตานเป็นตัวแทนของทุกสิ่งที่เรียกว่าความผิดบาป และหก ต่อต้านคริสเตียนอย่างรุนแรง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น