THE NATURAL OF REVENGE: ความเชื่อของ Wicca

วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

ความเชื่อของ Wicca


ความเชื่อของวิคคา

วิกคาไม่มีหลักคำสอนเป็นข้อๆๆบัญญัติเหมือนศาสนาอื่น
ส่วนมากที่มีจะเป็นธรรมเนียมและแนวทางคร่าวๆของแต่ละกลุ่มมากกว่า ส่วนบุคคลที่คนคว้าและศึกษาตัวคนเดียวก็จะมีความเชื่อโดยส่วนตัว ถ้าจะดูธรรมเนียมก็ต้องไล่กันว่าจะดูของอะไรเช่น
Alexandrian
British Traditionalist
Celtic Wicca
Caledonii (Hecatine)
Dianic
Eclectic
Frost School of Wicca
Gardnerian
Pictish
Seax-Wica (or Saxon) Wicca
Strega
Teutonic (Nordic)
ฯลฯ
เพราะวิกคาแตกขแนงออกมาจากเพแกนหรือคล้ายๆกับ Modern Pagan และมีการแบ่งกลุ่มหลากหลายและมีความชัดเจนในตนเอง หรือกลุ่มวิกคาแท้ real Wicca ซึ่งความเชื่อต่างๆส่วนมากจะเป็นเรื่องของคุณธรรมที่ฝังรากอยู่ในจิตสำนึกอยู่แล้วทั้งนั้น
และถึงจะมีกฏเกณฑ์อะไรออกมาก็ขึ้นอยู่กับความเชื่ออีกนั้นแหละ
แต่โดยส่วนมากจะยึดถือแล้วเชื่อก็เป็นกลุ่มใหญ่เด่นๆก็คือ
An it Harm None, Do What Thou Wilt
อันนี้เท่าที่รู้จักกันก็คือเป็น Rede ของวิกคา เป็นใจความสำคัญนั้นเอง
Rede จะไม่ใช่กฏ แต่ส่วนมากคนที่ยึดถือปฏิบัติจะถือว่าเป็นกฏโดยตนเอง Harm None[การไม่ทำอันตรายใดๆ] กับผู้อื่น สิ่งมีชีวิตร่วมโลกนี้ ทุกสิ่งที่อยู่บนโลกใบนี้ รวมถึงตนเองด้วย

แต่แง่มุมมองของคนเราก็ต่างกันบางคนอาจมองว่าสิ่งที่ตนเองกระทำนั้นไม่เป็นอันตราย แต่อีกคนอาจเห็นว่ามันอัตรายก็ได้จริงมั๊ย?
ดังนั้นเราต้องไตร่ตรองให้แน่ใจในทุกการกระทำความคิดคำพูดทุกๆคำของเรา แต่อะไรที่ใกล้ตัวเท่าไรก็ยิ่งเหมือนจะสังเกตุตัวเองยากเท่านั้น เพื่อป้องกันการสับสนเลยเกิด ข้อยึดถือตามมาอีก 2 คือ
Threefold Return and Karma
กฏแห่งสาม และ กฏแห่งกรรม

กฏแห่งสามเป็นกฏพื้นฐานและเข้าใจได้ง่ายจากชื่อของมันแล้วว่า คุณทำอะไรก็ตามจะส่งผลย้อนเข้าตัวคุณเอง 3 เท่า ไม่ว่าจะร้ายหรือดี
ส่วนกฏแห่งกรรม เป็นข้อที่เกิดจากการกระทำของเราเอง แต่จะไม่ใช่การลงโทษ จะเรียกว่าเป็นการสร้างสมดุลย์ก็ได้ คล้ายๆกับ "บุคคลหว่านพืช เช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้รับผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว"
สรุปก็คือ ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วนั้นเอง แต่ก็ยังมีบุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่เชื่อและไม่ปฏิบัติตาม พวกเค้าหาทางจะหลีกหนีกรรม หากต้องการศึกษาวิธีก็หาอ่านได้ในwww.google.com เสริจคำว่า --> Negative Magick and How to Reverse It ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าถ้าจะหนีก็หนีได้ หลบนะหลบได้ แต่เหมือนการผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ สักวันก็หนีไม่พ้นและจะโดนรุม นะคับ ^^

Responsiblity for Your Own Actions
รับผิดชอบในสิ่งที่ตนกระทำ

ก็วกกลับมาในหัวข้อเดิมๆ ในเมื่อเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ เราต้องรับผิดชอบทุกการกระทำของตนเอง เพราะคุณเป็นคนเลือกเองว่าจะใช้ชีวิตยัไง และจะกระทำอะไรลงไปบ้างเมื่อมีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นในชีวิตคุณ
สิ่งเหล่านี้มาจากความเชื่อที่ว่า เราเป็นคนเลือก! วิถีชีวิตของเราเอง สภาพแวดล้อมของเราด้วย(รวมถึงพ่อแม่เราด้วย) เราได้เลือกเราก่อนจะเกิดมา ดังนั้นนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะเรียนรู้ชีวิต เป็นบทเรียนที่จิตวิญญาณของพวกเราเลือกเองว่าควรจะได้เรียนรู้ในร่างในชาตินี้
นั้นทำให้เข้าข่ายว่าเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้ มาที่นี้เพื่อรู้จักเติบโต มีความรัก และมีความสุขที่ได้ทำมัน และเราจะไม่ศรัทธาในมารใดๆที่ยุยงให้เราทำสิ่งที่ผิดพลาด และเมื่อเราทำสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้ว ไม่ใช่แค่กล่าวคำว่า "ขอโทษ" "เสียใจ" แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นมาได้ อย่างน้อยควรกล่าวขอโทษเค้าอย่างจิงใจละ แล้วก็ลองถามเค้าตรงๆว่าพอจะมีอะไรให้ชดใช้ไหม ยังไงก็ตามการทำผิดก็ช่วยสอนให้เราค้นพบทางที่ถูกต้องเรื่อยๆขึ้นไป

Reincarnation
การกลับชาติมาเกิดใหม่

คงไม่ต้องอธิบายมากก็คงเข้าใจได้จากหัวข้อ วิกคาส่วนมากจะเชื่อในการกลับชาติมาเกิดใหม่ในบางรูปแบบ ไม่ทุกคนที่เชื่อว่าวิญญาณของเราสามารถกลับมาเกิดใหม่ในรูปของสัตว์หรือพืชได้ บางคนเชื่อว่าสามารถมาเกิดแค่ในรูปของมนุษย์ ซึ่งก็ยังเป็นที่ถกเถียงกัน แต่เราเชื่อว่าเราต้องกลับมาๆๆๆ อีกครั้งแล้วก็อีกครั้ง เพื่อเรียนรู้บทเรียนของชีวิตบนโลกใบนี้ ในธรรมชาติก็มีวัฐจักรของมันเอง คือการตายแล้วก็เกิดใหม่เรื่อยๆ เหมือนเช่นดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาแล้วก็เติบโตใหม่ปีต่อปี หรือท้องทะเลที่ระเหยไปเป็นก้อนเมฆ และตกลงมาเป็นฝน ลงมาเป็นแม่น้ำ แล้วไหลย้อนกลับลงสู่ทะเลดังเดิม ธรรมชาติสอนให้เรารู้ว่าไม่มีสิ่งใดที่จะดับสูญไปอย่างสมบูรณ์ แต่ยังคงมีการเกิดกลับมาใหม่เรื่อยๆ ซึ่งบางทีอาจเป็นในรูปแบบอื่น ดั้งนั้นความตายของพวกเราจะไม่เจ็บปวดสักเท่าไร เพราะเราเชื่อว่า เราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันและได้รักคนที่เรารักคนเดิมอีกครั้ง พวกเราจะคิดถึงเค้าในช่วงเวลาหนึ่ง และเมื่อเวลามาถึง ก็จะได้พบกันอีกครั้ง
Duality of Deity

หมายถึงว่าเราศรัทธาในรูปแบบพลังของเพศชายและหญิงในเทพเจ้า ทั้งเทพ และเทวี ซึ่งทำให้เราลองมองกลับมาในธรรมชาติอีกครั้งที่เห็นการสรรค์สร้างชีวิตโดยพลังของเพศหญิงและชาย ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายไปหมดและไม่มีสิ่งใดดีไปทั้งหมด เทพเจ้าก็มีพลังการสร้างสรรค์อยู่พอๆกับพลังการทำลาย ไม่มีสิ่งใหม่ๆสิ่งใดที่จะถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยปราศจากการทำลายและสูญเสียสิ่งเดิมซะก่อน นี้เรียกได้ว่าเป็นสมดุลย์ของจักรวาล ดังเช่นที่นักวิทยศาสตร์กล่าวว่าสสารและพลังงานจะไม่มีวันสูญสลายแต่เพียงจะเปลี่ยนรูปจากแบบหนึ่งไปเป็นอีกแบบหนึ่ง อะไรจะดีจะร้ายก็ขึ้นอยู่กับการลงความเห็นของเรา จะเป็นการสร้างสรรค์หรือทำลายก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของคน เทพเจ้าของพวกเราก็มีพลังทั้งสองแบบนี้ ไม่มีสิ่งใดจะเลวร้ายไปหมดหรือดีไปทั้งหมด
มีเพียงแค่ 'หนึ่งเดียวทั้งมวล'
All Gods Are One God, All Goddesses Are Also One
เราอาจได้ยินชื่อของเทพเทวีมากมายจากวิกคา แต่!! โดยแท้จริงแล้ว พวกเราไม่แบ่งแยกวิหารสถิตของบรรพบุรุษทั้งเทพและเทวี โดยลึกๆข้างในทราบดีว่าเทพเทวีทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว

ลองยกตัวอย่างให้ฟัง
สมมุติคุนอาจจะเป็นเพื่อน เป็นนักเรียน พี่สาว ลูกสาว หรือแฟน คุณมีบทบาทหน้าที่ต่างๆกันในแต่ละแบบให้กับแต่ละบุคคล แต่ยังไงคุณก็ยังเป็นคนๆเดียวกันนี้เอง คุณแค่มีชื่อเรียกซึ่งแล้วแต่สถานะที่อ้างขึ้นมาจะเรียกคุณให้แตกต่างกัน ดังนั้นเทพและเทวีคือหนึ่งเดียว อาจจะเรียกชื่อหรือคุณลักษณะของท่านในหลายรูปแบบแล้วแต่ครั้ง แล้วแต่เหตุการณ์ แต่ก็คือส่วนเล็กๆ
Deity As Immanent
การดำรงอยู่ทุกหนทุกแห่งหมายถึง เทพเทวีก็อยู่ข้างในเรานี้เอง ข้างในทั้งหมดของพวกเรา และอยู่ข้างในทั้งมวลของธรรมชาติ นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราเคราพธรรมชาติ
เฮเลนได้เขียนไว้ว่า "Thou art God" และ "Thou art Goddess"
นั้นหมายความว่าท่านคือเทพและท่านคือเทวี
ซึ่งมีความหมายเดียวกันคือเทพเทวีอยู่ในพวกเรา เราเป็นคล้ายๆร่างจุติของเทพ
Sacredness of All Life

ถ้าเทพเจ้าสถิตอยู่ในทุกทรัพชีวิต ดังนั้นทุกชีวิตจึงเป็นสิ่งศักดิ๋สิทธิ์
ถามว่าพวกเรานั้นอดอยากหิวโหยหรือไม่? ผู้ที่นับถือมารดาแห่งธรรมชาติจะไม่อดอยาก แต่พวกเค้าจะแสดงความนับถือและบูชาเคราพต่อสิ่งที่เค้ากินและสิ่งที่ทำให้อยู่รอด
หากคุนเคยกินไก่ตุ๋น ไก่นั้นก็ไม่ได้เกิดมาจากซุปเปอร์มาเก็ต แต่เกิดมาจากไก่อีกตัว มันเคยมีชีวิตแต่ต้องสละชีวิตไป ดังนั้นคุนต้องกินมันเพื่อมีชีวิต แต่ต้องเคราพต่อชีวิตที่เสียสละให้เรา อย่างน้อยก็ตั้งจิตนิ่งสงบสักครู่ก่อนจะกิน
และคุนเคยกินสลัดไหม? สลัดผักก็ไม่ได้เกิดจากถุงพลาสติก แต่ดำรงชีพอยู่ในธรรมชาติเป็นพืชที่เติบโต อย่าลืมว่าพืชพันธ์ก็เป็นสิ่งที่เทพเทวีสรรค์สร้างขึ้นเพื่อพวกเราดังนั้นสมควรจะได้รับการเห็นคุณค่าและคำขอบคุณจากการเสียสละของมัน การให้เกียรติเป็นวิธีง่ายๆเพื่อแสดงความขอบคุณ หรือรดน้ำต้นไม้ที่เห็นอยู่ข้างถนนแบบเหี่ยวๆและรู้สึกว่ามันอยากจะได้น้ำ หรืออาจจะเก็บขยะตามพื้นที่คนไม่มีความระมัดระวังทำตกไว้ การให้เกียรติพื้นแผ่นดินและโลกใบนี้ดุจดังมารดาของเราเป็นสิ่งที่พูดมาตลอดทั้งหัวข้อนี้
ปล. ความเชื่อไม่ใช่กฏที่ทุกคนจะปฏิบัติ แต่เป็นแนวทางการดำรงอยู่ของชีวิต
Reverence and Mirth ~การบูชาและรื่นเริง~

นี้เป็นเหมือนคติพจน์ของเรา การแสดงความเคราพบูชานั้นควรจะมีสมดุลย์อยู่ที่ความรื่นเริงด้วย ถ้าขาดสมดุลย์ตรงนี้ไปชีวิตคุณจะตึงเครียดเกินไปหรือไม่ก็เหลาะแหละไปเลย
The "Charge of the Goddess" ได้กล่าวไว้ถึงความสมดุลย์ของชีวิตและเมื่อมีชีวิตก็ใช้ชีวิตให้เต็มที่ และมีความสุข
ความสุขอันล้นพ้นไม่ใช่บาปสำหรับวิกคา ดังนั้นอะไรก็ตามที่ทำให้คุนมีความสุขก็ควรจะยึดมั่นเอาไว้
[โดยส่วนตัวแล้วก็คิดว่า การทรมานร่างกายให้ทุกข์ตรมก็ไม่ใช่การหลุดพ้นจากบาป แต่ความสุขที่แท้จริงคืออะไร ควรจะยึดมั่นเอาไว้ ความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ใช่มาจากกิเลสโดยที่เดียว ]
Honor the Sabbats

วิกคานส่วนมากจะเฉลิมฉลองแด่เทศกาลSabbatทั้งแปดของปี แต่มีบางธรรมเนียมก็ยึดแค่ 4 Sabbat หลัก
คำว่า "Sabbat" นั้นได้มาจากบาบิโลน และหมายถึง "heart's rest"
แต่ธรรมเนียมธรรมดาของเรานั้นนับถือทั้งแปดเลย
และเราจะไม่ทำพิธีหรือร่ายคาถาใดๆเพื่อประโยชน์ส่วนตัวในวันเหล่านี้ เพราะเรายังมีอีก 357 วันที่เหลือ เพื่อจะทำอะไรที่ต้องการจะทำ
ในวันเหล่านี้เราจะบูชาลอร์ดเลดี้หรือเทพเทวี และเฉลิมฉลองกับฤดูกาลที่แปรผันเข้ามาในขณะนั้น และก็เชี่อมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน
ดังนั้นเราจะเฉลิมฉลองฤดูกาลโดยบูชาเทพเทวีเพื่อการเกษตรกรรม
เพราะฤดูกาลมีผลต่อการเกษตร ซึ่งประเทศและพื้นแผ่นดินที่เราเหยียบย่ำอยู่จะขาดความอุดมสมบูรณ์หากไร้ซึ่งฤดูกาลที่ดี
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อมมีฤดูกาลและช่วงจังหวะที่ดีของมันเอง
ยังมีอีก แต่ก็ เป็นข้อคิดที่ได้จากที่พูดไปแล้ว
Knowledge Is Power
Energy Follows Thought
Witches Greatest Tool Is Observation
"What you feed grows, what you starve, dies."

May Goddess Bless You On Your Path

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น