THE NATURAL OF REVENGE: อาวุธชิ้นนึงจากเยอรมัน

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

อาวุธชิ้นนึงจากเยอรมัน

 เอาเรื่องของจานบินมาฝากกัน เเต่เป็นเเค่โครงการพัฒนาอาวุธอย่างนึงเท่านั้น จะจริงเเท้ยังไงผมคงบอกไม่ได้ เดวลองอ่านดู


ฮิตเลอร์มุ่งมั่นจะสร้างอาณาจักรไรช์ที่ 3 ให้อยู่ได้นานถึง 1,000 ปี เพื่อสนองความใฝ่ฝันที่แสนสวย เขามีโครงการสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ชนิดพิเศษหลายโครงการ เช่น จานบินขึ้นลงตามแนวดิ่งที่สามารถบินได้เร็วเหนือเสียง, จรวดนำวิถียิงจากระยะไกล, เครื่องบินทิ้งระเบิดสมรรถนะสูง และระเบิดปรมาณู เป็นต้น ฮิตเลอร์สามารถทำโครงการได้สำเร็จเพียงบางโครงการเท่านั้น อาณาจักรไรช์ที่ 3 ของเขาก็ล่มสลายลงภายในระยะเวลาอันสั้นเมื่อกองทัพรัสเซียบุกเข้ายึดกรุงเบอร์ลิน

ก่อนที่ฮิตเลอร์จะยิงตัวตาย เขามีคำสั่งให้หน่วยเอสเอสทำลายโครงการที่เขาได้ทำสำเร็จแล้วให้สิ้นซาก เพื่อไม่ให้รัสเซียนำพิมพ์เขียวจากโครงการของเขาไปใช้ประโยชน์ อย่างไรก็ดี เมื่อคนของเอสเอสได้นำพิมพ์เขียวและจานบินทั้งหมดเผาทำลายที่กลางลานสนามบินปราก-จีเบลล์ ทหารรัสเซียสามารถยึดจานบินเครื่องต้นแบบได้หนึ่งลำ ส่วนโครงการจรวด วี2 และแบบพิมพ์เขียวก็ถูกทหารรัสเซียยึดเอาไปพัฒนาเป็นจรวดสกัด (SCUD) ขีปนาวุธนำวิถีที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลัวจนขนหัวลุก เกิดวิกฤติที่เกือบก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อรัสเซียแอบนำจรวดสกัดไปติดตั้งจ่อจมูกสหรัฐอเมริกาไว้ที่คิวบาในสมัยประธานาธิบดีเคเนดีซึ่งเป็นคนหนุ่มรูปหล่อและมีอายุน้อยที่สุดในบรรดาประธานาธิบดีทั้งหมดของสหรัฐอเมริกา เขาได้ยื่นคำขาดต่อรัสเซียให้ถอนจรวดสกัดออกไปจากคิวบาภายใน 24 ชั่วโมง มิฉะนั้นสหรัฐอเมริกาจะใช้ระเบิดปรมาณูถล่มรัสเซียให้แหลกลาญทันที รัสเซียยอมถอนจรวดสกัดกลับเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม และนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ฟิเดล คัสโตร ผู้นำคิวบาก็กลายเป็นคู่แค้นของสหรัฐอเมริกาจนมีการทำลายล้างกันหลายครั้งหลายหน แต่คัสโตรก็รอดตายมาจนถึงวันนี้ และเขาได้ยุติบทบาททางการเมืองโอนอำนาจบริหารให้กับน้องชายหลายปีแล้ว

จรวดสกัดของรัสเซียเป็นขีปนาวุธระยะไกลของค่ายคอมมิวนิสต์ในยุคสงครามเย็น เมื่อคอมมิวนิสต์ล่มสลายลงหลายประเทศได้นำจรวดสกัดมาพัฒนาจนมีประสิทธิภาพสูงสามารถยิงไปได้ไกลมากขึ้น เช่น เกาหลีเหนือได้พัฒนาจนสามารถยิงจรวดสกัดไปถึงสหรัฐอเมริกา ซึ่งผมจะนำเรื่องจรวดสกัดของจริงที่ยิงจากกรุงแบกแดดไปยังกรุงริยาดในสงครามอ่าวเปอร์เซียมาเล่าในเรื่องพาไปชมซาอุดิอาระเบีย หลังจากจบอนุกรมเรื่องพาไปชมเยอรมันครับ



โครงการจานบินเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1941 โดยนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญของเยอรมัน 3 คน คือ Schriever, Habermohl, Miethe และวิศวกรจากอิตาลีอีก 1 คน คือ Bellonzo เมื่อสงครามยุติลง กองทัพสหรัฐอเมริกาได้นำตัว Schriever และ Miethe ไปเป็นนักโทษในค่ายกักกันที่สหรัฐอเมริกาเพื่อทำงานเกี่ยวกับจานบินภายใต้ชื่อว่า Operation Paperclip ส่วน Habermohl หน่วยข่าวกรองทางทหารสหรัฐอเมริกาได้รายงานว่าถูกรัสเซียจับตัวไป

ผู้ควบคุมการสร้างอาวุธลับโครงการจานบินและจรวด วี1 - วี2 เป็นนายพลของหน่วยเอสเอสที่ขึ้นโดยตรงกับฮิมม์เลอร์ ชื่อ ฮานส์ คามม์เลอร์ เขาเกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1901 ส่วนวันตายนั้นไม่มีใครรู้ เพราะตั้งแต่เดือนเมษายน ค.ศ. 1945 เขาได้หายตัวไปอย่างลึกลับ มีรายงานต่าง ๆ นานาจากหลายแหล่งข่าวว่า เขาถูกคนของเอสเอสลอบสังหารเพื่อไม่ให้โครงการอาวุธลับทั้งสองรั่วไหลไปสู่สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย หรือว่าเขาถูกกองทัพสหรัฐอเมริกาจับตัวไปพร้อมกับนักวิทยาศาสตร์เยอรมันคนอื่น ๆ มีบางกระแสข่าวบอกว่าเขาฆ่าตัวตายในป่า และ ฯลฯ

คามม์เลอร์เกิดที่สเตตติน ประเทศเยอรมัน หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจอาสาเป็นทหารช่วยชาติ ในปี ค.ศ. 1919 เขาเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยมิวนิคและดานซิกในสาขาวิศวกรรม จนได้รับปริญญาเอกทางด้านวิศวกรรม มีคำนำหน้าชื่อเป็นภาษาเยอรมันว่า Dr. Ing. ในปี ค.ศ. 1932 เขาได้เข้าร่วมงานกับพรรคนาซี และได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการหลายหน่วยงานสำคัญ เมื่อพรรคนาซีได้เป็นรัฐบาล เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการบิน ในปี ค.ศ. 1940 และในเวลาต่อมาเขาได้รับมอบหมายเป็นผู้ควบคุมงานสำคัญ ๆ ให้กับหน่วยเอสเอส นี่คือรูปเขาในบัตรประจำตัวของหน่วยเอสเอส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น