THE NATURAL OF REVENGE: ซุส (Zeus) ราชันย์แห่งเทพ

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

ซุส (Zeus) ราชันย์แห่งเทพ

rvf
พอดีเล่นgod of war เกิดหมั่นไส้ซุสขึ้นมาว่าเมื่อไหร่มันจะตาย เลยลองเอาประวัติเขามาลงดุ
...................ซูสเป็นชื่อที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ เพราะท่านเป็นจอม
เทพผู้ครองโอลิมปัส พระองค์เป็นเทพที่มีคุณสมบัติดี ๆ อยู่หลายประการ แต่ก็ไม่สมดุลกับอุปนิสัยที่ไม่น่าให้อภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับความรักความใคร่ที่พระองค์มีแจกจ่ายให้กับสาวงามทั่วไป ซูสเปล่งประกายความเฉลียวฉลาดและความสง่างามทรงไว้ซึ่งคุณธรรม แต่หากจอมเทพบังเอิญเกิดไปเห็นรูปกายอันเย้ายวนของหญิงคนใดเข้าละก็ พระองค์จะเกิดอาการหน้ามืดวิ่งไล่ตะครุบ ลืมกฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ของตัวเองทันทีเชียว



...................ในวัยเยาว์ของพระองค์โดนพ่อบังเกิดเกล้าเรียกเอาไปกิน หวังไม่ให้เยาวเทพเติบโตขึ้นมาวัดรอยเท้า ดีที่แม่ไหวทันเอาไปฝากแพะเลี้ยงเอาไว้จนกระทั่งเติบโตหาญกล้ามาทวงบัลลังก์กับพ่อ ต้องรบราฆ่าฟันพี่น้องรวมทั้งพ่อของตัวเองด้วย กว่าจะมาถึงยอดเขาโอลิมปุสได้เรียกว่าแทบจะไม่รอดตาย หลังจากที่ตั้งตัวเป็นใหญ่กว่าเทพและมนุษย์ทั้งมวล ซูสก็กลายเป็นผู้พิทักษ์และเชิดชูศีลธรรมทั้งของเทพและคนรวมทั้งเป็นแหล่งกำเนิดความดีและความชั่วในเวลาเดียวกัน แม้ว่าซูสจะกินตำแหน่งเทพสูงสุดแต่ในทางการปกครองพระองค์ไม่เคยละทิ้งผู้คนทุกนาม ทั้งผู้ที่จนที่สุดถึงผู้ที่มีอันจะกินมากที่สุด ทั้งนักโทษและผู้ดี ไม่เคยละทิ้งบ้านและเรือนของความเป็นครอบครัว ในฐานะหนึ่งพระองค์เป็นเทพที่รักษามิตรภาพและการแต่งงาน


...................นั่นยังไม่ใช่ซูสแบบตัวจริงเสียงจริง ในยามโกรธเกรี้ยวและต้องลงทัณฑ์ต่อความผิดท้าวเธอก็โหดใช่เล่น ก็ดูอย่างตอนโพรเมธุสขโมยไฟจากสวรรค์มาให้มนุษย์นั่นซิ พระองค์ตามล่าจนได้ตัวแล้วนำโพรเมธุสฝั่งเข้าไปในหินซะ 30,000 ปี แถมยังส่งนกอินทรีย์มากินตับโพรเมธุสทุกวันอีกต่างหาก


...................น่าเสียดายอยู่อย่างหนึ่งตรงที่ซูสสูญเสียความน่านับถือในเรื่องของผู้หญิง กระทั่งเมียเพื่อนยังไม่เว้น ถ้าต้องตาแล้วย่อมไม่มีความปลอดภัยเหลืออยู่ ซูสจะพยายามทุกท่าถ้าศิลปะในการล่อลวงไม่สมประสงค์แล้วพระองค์ยอมลดตัวไปใช้เล่ห์กลโกงจนถึงข่มขื่นเอาดื้อ ๆ ก็มี


...................ซูสแต่งงานหลายหนจริงๆ เป็นการแต่งงานที่ไม่ใช่ว่าแต่งกับคนหนี่งแล้วเลิกร้างไปหาอีกคนหนึ่งนะ แต่พระองค์สามารถลุกขึ้นมาไล่ล่าสาวพรหมจารีคนต่อไปทั้งๆที่เพิ่งลุกจากเตียงเจ้าสาวของพระองค์หยกๆ สำหรับชาวฟ้าเทพีในสรวงสวรรค์ส่วนมากพ่ายเสน่ห์ยอมแพ้ความเป็นนักรักทรงพลังของพระองค์ ยกเว้นถ้าไม่ได้ดังใจขึ้นมาซูสก็มีบทรักที่โหดเหี้ยมสำหรับพวกโอลิมเปี้ยนเดียวกัน พระองค์เคยแปลงเป็นวัวเข้าข่มขืนเดมีเตอร์เพราะเธอไม่ยอมตกลงปลงใจ น่าสงสารจริงๆ
...................ปฎิบัติการไล่ล่าผู้หญิงเช่นนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นภาริจหลักของมหาเทพ แต่ก็ใช่ว่าซูสจะประสบความสำเร็จทุกครั้งก็หาไม่ คนที่พ้นมือไปได้มีอยู่เหมือนกันแต่ต้องไวกว่าเล็กน้อย เช่นนางอัปสร (Nymph) ที่มีนามว่าแอสทีเรีย เธอแปลงเป็นนกกระทาบินหนีไป หรือ เทย์กีต ลูกสาวของแอตลาสก็เฉียดไปเส้นยาแดงผ่าแปด เพราะเทพีอาร์เทมีสมาพบเข้าพอดี แล้วช่วยแปลงนางเป็นกวาง จนนางวิ่งเร็วกว่าซูสหายไปในราวป่า
...................เป็นความจริงที่ว่าเหนือฟ้าย่อมมีฟ้า ซูสเองไม่ช้าต่อมาก็ต้องเดินมาถึงทางตัน ถูกบีบให้เข้าสู่การแต่งงานครั้งสุดท้าย นั่นคือตอนไปพบกับเฮรา ราชินีแห่งท้องฟ้า เฮราปฏิเสธที่จะมีสัมพันธ์กับพระองค์ ซูสแปลงตัวเป็นนกดุเหว่าร่วงลงมาต่อหน้าเฮรา แกล้งทำเป็นโดนความหนาวจนตัวแข็ง เฮราหลงกลพานกแปลงเข้าไปกกในห้องนอนของนาง แต่พอนางรู้สึกตัวว่าอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายเข้าแล้ว นางกลับไม่ยอมจนหัวเด็ดตีนขาด จนซูสเอ่ยคำปฏิญาณจะแต่งงานด้วยนั่นแหละ (หมองูตายเพราะงูจริงๆ) ไม่ช้าไม่นานซูสก็พบว่าความงามของเฮรากลับตรงกันข้ามกับนิสัยของนาง เพราะเฮราขึ้นขื่อดังทั่วสวรรค์ว่าเป็น "มเหสีขี้หึงเสมือนหนี่งเสือจริงๆ"
...................อย่าเพิ่งนึกว่าซูสได้เหสีที่แสนจะขี้หึงและไล่ตามราวีพระองค์อย่างนั้นแล้วพระองค์จะยอมหยุดความเจ้าชู้ลงได้ ยากส์ค่ะ วิถีความรักของพระองค์ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ซูสโปรดเหล่านางพรายป่าเป็นพิเศษ ท่านคงจะสนุกสนานที่ได้คิดวิธีล่อลวงต่างๆ นานา และปราบปลื้มในการที่ได้ลบเอาความโกรธเกรี้ยวที่จะมีสัมพันธ์กับผู้ชายของนางอัปสรเหล่านี้ให้หมดไป ประวัติของซูสตอนที่มาเกี่ยวกับผู้หญิงที่เป็นมนุษย์กล่าวไว้มากพอควร แต่ล้วนเป็นเล่ห์กระเท่ของซูสที่จะเข้าอภิรมย์กับมนุษย์ผู้หญิง พระองค์นี่จัดว่าเป็นนักรักที่มีความพยายามสูงสุด ไม่ว่าจะมีการปกป้องหญิงงามนางนั้นอย่างแข็งขันเพียงไรก็ไม่มีทางพ้นมือไปได้เลย ยกตัวอย่างตอนที่ไปชอบดานาอี ลูกสาวของกษัตริย์อครีซีอุส ตัวพ่ออุตส่าห์จับลูกสาวขังไว้ในหอคอยบรอนซ์ ซูสก็ยังอุตส่าห์แปลงร่างเป็นฝนทอง แทรกตัวลงไปตามรอยแตกของหลังคาลงไปได้นางเป็นเมีย หรืออย่างตอนที่เข้าหานางลีดา มเหสีของทินเดริอุสซึ่งกำลังเปลือยกายอาบน้ำอยู่ในสระ ก็แปลงตัวเป็นหงส์ขาวแสนสวย ค่อยๆลอยเข้าหาจนแม่หญิงอดเรียกมากอดไม่ได้ กว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรเมื่อมหาเทพแสดงองค์จริง ทุกอย่างก็สายไป อีกครั้งสำคัญก็ตอนที่ลักพานางยูโรปา ตอนนั้นพระองค์แปลงเป็นวัวขาวที่งดงามและดูนุ่มนวล จนนางยูโรปาอดจับต้องไม่ได้ เมื่อเห็นว่ามันเชื่องกับมือนาง นางก็ทำช่อดอกไม้คล้องเขาของมันให้แล้วขึ้นขี่หลังมหาเทพก็พานางเหาะข้ามทะเลพายูโรปาไปถึงครีต แสดงร่างที่แท้จริงและได้นางยูโรปาที่ใต้ต้นไม้ตรงนั้นเอง
...................เห็นไหมว่าการก่อคดีนับไม่ถ้วนของซูสนี่แหละที่นำพาเอาพระองค์เข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้หญิงมากหน้า และแน่นอนหน่อเนื้อของพระงค์ก็ต้องผุดออกมามากมาย ทั้งที่เป็นพวกเทพและมนุษย์ และความยุ่งยากที่ลูกเล็กแดงเหล่านี้ก่อขึ้นให้พระองค์ต้องปวดเศียรเวียนเกล้าติดต่อมาอีกนับเป็นศตวรรษ นี่ไม่รู้ว่าจะคุ้มกับการที่พระองค์ได้สนุกกับเกมรักชั่ววูบเดียวหรือเปล่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น