THE NATURAL OF REVENGE: การตายของเจ้าหญิงไดอาน่า

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2554

การตายของเจ้าหญิงไดอาน่า


3 ปี ปริศนาการตายของ "เจ้าหญิงไดอาน่า"


ความคลุมเครือของอุบัติเหตุที่คร่าชีวิต "เจ้าหญิงแห่งปวงชน" อย่างเจ้าหญิงไดอาน่าในคืนวันที่ 31 สิงหาคม 1997 ยังคงเป็นที่ระแวงสงสัยของทั้งประชาชนชาวอังกฤษและผู้คนทั่วโลกมาจนทุกวันนี้ แม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของฝรั่งเศสจะสรุปว่ามันคืออุบัติเหตุ
เวลาที่ผ่านล่วงเลยมาหลายปี ไม่ได้ทำให้ความเคลือบแคลงที่มีต่อเหตุการณ์ในคืนนั้นจางหายไป เพราะเฮนรี พอล คนขับรถไม่ใช่พวกขี้เมา และรถคันเล็ก ๆ อย่างเฟียต อูโน ไม่น่าจะทำให้รถซึ่งคันใหญ่กว่าอย่างเมอร์เซเดส เอส 280 เสียหลักถึง  กับพุ่งชนเสาในอุโมงค์ Place de L''''Alma ได้ และคำบอกเล่าจากพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งขัดแย้งจากรายงานของตำรวจอย่างสิ้นเชิง

"เสียงที่ได้ยินนั้นช่างไม่น่าเชื่อ เท่าที่ผมอธิบายได้ก็คือ มันดังเหมือนระเบิด" ทอม ริชาร์ดสัน หนึ่งในพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์
นั่นทำให้การสิ้นพระชนม์ครั้งนี้ถูกระบุว่า เป็นการลอบปลงพระ ชนม์ มากกว่าที่จะเป็นอุบัติเหตุธรรมดา ๆ โดยเฉพาะในความคิดของ มหาเศรษฐีชาวอียิปต์ โมฮัมเหม็ด อัล ฟาแยด บิดาของ โดดี้ อัล ฟาแยด ชายคนสุดท้ายในชีวิตของเจ้าหญิงไดอาน่าที่จบชีวิตด้วยอุบัติเหตุเดียวกัน

อุบัติเหตุครั้งนี้คือจุดสุดยอดของความรักแบบปุบปับ ซึ่งเพิ่งเริ่มก่อนหน้านั้นไม่นานในฤดูร้อนเดียวกัน เมื่อเจ้าหญิงไดอาน่าได้พบกับโดดี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองสร้างแรงสั่นสะเทือนไปจนถึงราชวงศ์อังกฤษ และขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์     แทบลอยด์ สื่อมวลชนตามรบกวนไดอาน่าและโดดี้ไปแทบทุกแห่งที่ทั้งคู่เดินทางไป
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นก็เป็นเช่นเดิม เมื่อเครื่องบินส่วนตัวของทั้งคู่ลงจอดที่สนามบินเลอร์บูร์เกต์ เวลาบ่ายสามโมงสิบห้านาทีวันที่ 30 สิงหาคม 1997 หลังจากนั้นเวลาสามทุ่มสิบห้านาทีกล้องวงจรปิดของโรงแรมริตซ์ บันทึกภาพขณะทั้งสองเข้าไปด้านใน โดยมีช่างภาพปาปารัซซี่เกือบ 30 ชีวิตยืนอออยู่นอกประตูด้านหน้าโรงแรม

3 ชั่วโมงต่อมาเพื่อหลบเลี่ยงพวกปาปารัซซี่ โดดี้และเจ้าหญิงไดอาน่าหลบออกทางประตูหลังพร้อมด้วยบอดี้การ์ด เทรเวอร์ รีส-โจนส์ เข้าไปในเมอร์เซเดสคันมรณะ ซึ่งมี เฮนรี พอล เป็นผู้ขับ โดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของโดดี้ ใกล้กับประตูชัย แต่พวกเขาก็ไปไม่ถึง
เฮนรีและโดดี้เสียชีวิตทันที ขณะที่เจ้าหญิงไดอาน่าเลือดตกภายในมากซึ่งแพทย์ได้นำตัวส่งโรงพยาบาล และคณะแพทย์ได้ประกาศการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เวลาตีสี่ของเช้าวันนั้น และเทรเวอร์คือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว

เจ้าหน้าที่สืบสวนพบเศษกระจกไฟท้ายซึ่งสรุปว่าเป็นของรถเฟียต อูโน ผลิตระหว่างปี 1983-1989 พร้อมกับรอยขูดสีขาวที่ติดอยู่ด้านข้างของรถเมอร์เซเดส ซึ่งตรงกันกับสีที่ใช้พ่นรถเฟียต อูโน ทางการฝรั่งเศสสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ว่า การที่รถเมอร์เซเดสชนกับรถเฟียต อูโน ทำให้รถของเจ้าหญิงไดอาน่าควบคุมไม่ได้จนแฉลบ
แต่มีน้อยคนที่จะเชื่อว่าเป็นเช่นนั้น และหนึ่งในนั้นคือ จอห์น แมคนามารา อดีตตำรวจสก๊อตแลนด์ยาร์ด และอดีตที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของโมฮัมเหม็ด อัล ฟาแยด อ้างว่าทางการฝรั่งเศสมีส่วนในการปกปิดความจริงเกี่ยวกับอุบัติเหตุครั้งนี้

"เราถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าไปในศาลเพื่อตรวจสอบพยานต่าง ๆ ไม่ให้ทดสอบหลาย ๆ สิ่งที่เราพบเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่รู้จะหาคำอธิบายยังไง ผมถือว่าตัวเองเป“นนักสืบมืออาชีพ ด้วยประสบการณ์ 26 ปีที่สก๊อตแลนด์ยาร์ด และผมแน่ใจว่านี่ไม่ใช่อุบัติเหตุรถยนต์ธรรมดา และผมสามารถเชื่อได้อย่างสนิทใจว่า ทำไมมิสเตอร์อัล ฟาแยด จึงเชื่อว่าลูกชายของเขาและเจ้าหญิงไดอาน่าถูกฆาตกรรม" จอห์น แมคนามารา ย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น
เพื่อค้นหาความกระจ่างให้กับอุบัติเหตุครั้งนี้ ทีมงานสารคดีชุด UNSOLVED HISTORY ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ได้แก่ ริชาร์ด เซียร์นิคกี นิติวิศวกร กอร์ดอน เฮล เอ็ดเวิร์ดส์, เกรก เพาเวลล์ และเจฟ มิลเลอร์ ทีมงานผู้เชี่ยวชาญการขับรถหลบหลีก ดร.เดวิด โพซีย์ นักนิติพยาธิวิทยา และแจ๊ค เฟรย์แทก วิศวกรด้านเสียง เพื่อตรวจสอบเหตุผลของอุบัติเหตุครั้งนี้ในแง่มุมต่าง ๆ

เริ่มตั้งแต่การทดลองลักษณะการชนกับความเร็วแบบที่น่าจะเป็นไปได้ รวมทั้งเสียงที่เกิดจากการชนซึ่งมีพยานหลายคนระบุว่า มันเหมือนเสียงระเบิดมากกว่า
แต่การทดสอบที่น่าหวาดเสียวที่สุดก็คือ ความเป็นไปได้ของการชนกันระหว่างรถคันเล็ก ๆ อย่างเฟียต อูโน กับเมอร์เซเดส เอส 280 ที่มีผลทำให้รถคันใหญ่เสียหลักจนเป็นที่มาของโศกนาฏกรรมนี้ แต่ทว่ารถคันเล็ก ๆ กลับขับต่อไปได้แบบที่คนขับแทบจะไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ

แม้ว่าพวกเขาจะสามารถจำลองเหตุการณ์แทบจะเรียกได้ว่าเหมือนอยู่ในอุบัติเหตุครั้งนั้น หากแต่เหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าของรถเฟียตคันดังกล่าวจึงไม่สนใจเสียงดังของการชนที่เกิดขึ้นกับรถเมอร์ เซเดสที่วิ่งอยู่ด้านหลัง ทั้ง ๆ ที่คนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านนอกยังได้ยินเสียงอันดังสนั่นนั้น
และทางการฝรั่งเศสเองก็ไม่สามารถระบุตัวคนขับรถคันดังกล่าวที่แน่นอนได้ รวมทั้งการตายปริศนาของชายคนหนึ่งที่คาดว่าอาจจะเป็นคนขับในอีก 3 ปีถัดมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น