THE NATURAL OF REVENGE: ความเชื่อในสิ่งลึกลับ : หมอผีวูดู

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554

ความเชื่อในสิ่งลึกลับ : หมอผีวูดู


ความเชื่อในสิ่งลึกลับ : หมอผีวูดู



"ไฮติ" (Haiti) เป็นที่ซึ่งมีความเจริญและมีชื่อเสียงมากที่สุดในด้านไสยศาสตร์ ปัจจุบันไสยศาสตร์ได้แพร่ขยายไปตามประเทศต่างๆ มิได้มีเฉพาะไฮติเท่านั้น ไสยศาสตร์ เป็นลัทธิศาสนาหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นจากการรวมกันของส่วนประกอบหลายประการ โดยอาศัยเวลาและความต้องการพื้นฐานของมนุษย์


1.โลอัส (Loas) หรือวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ โลอัส จะถูกจัดให้สิงสถิตอยู่เป็นกลุ่มที่เรียกว่า โวดุ(vodu)
2.วิญญาณผู้สร้างหรือเทพเจ้า เรียกว่า กรัน เม็ต (Gran Met) มนุษย์ไม่สามารถเข้าถึงกรันเม็ตได้ จะมีแต่เพียงโลอัสเท่านั้น ที่มนุษย์สามารถสื่อสารด้วยได้
เชื่อกันว่า การสื่อสารกับวิญญาณมีส่วนช่วยแก้ไขความยุ่งยาก และป้องกันตนเองจากความประสงค์ร้ายของผู้อื่นด้วย บุคคลแต่ละคนจะมีโวดุประจำตัว และจากความช่วยเหลือของนักบวช บุคคลนั้นก็จะสามารถติดต่อสื่อสารกับโลอัสที่อยู่ในโวดุนั้น ได้โดยนักบวชจะเป็นผู้อัญเชิญมาประทับร่างทรง และเป็นล่ามแปลความต้องการของวิญญาณ
พลังของวิญญาณมิได้มีเฉพาะส่วนดี ส่วนร้ายก็มีอยู่ เช่น ในเทพเจ้ากีดส์ (Guedes) ซึ่งเป็นทั้งเทพเจ้าแห่งความมืด ความตาย ความลุ่มหลง และเทพเจ้าผู้ปกครองถนอมชีวิตที่เกิดใหม่ การสื่อสารกับวิญญาณจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
ในศตวรรษที่21 และ 22 ความเชื่อทางไสยศาสตร์เข้ามาสู่สหรัฐอเมริกา และคาริบเบียน พร้อมกับทาสผิวดำชาวแอฟริกา พวกทาสไม่มีอำนาจใดๆ ศาสนาและความเชื่อถูกกีดกัน เมื่อชาวแอฟริกันตะวันตกถูกนำมารวมกับขนชาติอื่นทำให้ศาสนา และความเชื่อของคนผิวดำเสื่อมลง ความเจริญรุ่งเรืองของไสยศาสตร์จะมีมากในไฮติ และสาธารณรัฐ โดมินิกัน ทาสที่ถูกนำเข้ามาในสองประเทศนี้ จะมาพร้อมกับความเชื่อและลัทธิศาสนา แม้ว่าจะถูกพรากจากญาติมิตร พวกเขาก็ยังสามารถอุทิศตนให้โวดุได้ ในสหรัฐอเมริกา ลัทธินี้เป็นสิ่งต้องห้าม
ปี พ.ศ.2247 รัฐบาลห้ามมิให้ชุมนุมกันในเวลากลางคืน
ปี พ.ศ.2206 รัฐบางรัฐในสหรัฐอเมริกาแก้ปัญหาโดยการบังคับให้ทาสนับถือศาสนาคริสต์


หมอผีจะถือโอกาสในช่วงนี้จับซอมบี้ของคนตาย แล้วทำให้ฟื้นคืนชีพเป็นผีดิบเพื่อนำมาใช้เป็นทาสของตน ชาวไฮติหลายคนเชื่อในเรื่องผีดิบ และอ้างว่า ได้เคยประสบกับผีดิบ นั่นคือเคยเห็นคนตายฟื้นคืนชีพขึ้นมา บางคนมีความเชื่อว่า ตนเองเป็นผีดิบ เพราะเชื่อว่าหมอผีเชี่ยวชาญในเรื่องสมุนไพร สามารถปรุงยาให้คนตายหรือฟื้นได้ ไสยศาสตร์ มีกิตติศัพท์ในความรุนแรงถึงชีวิต มีบันทึกว่า หลังจากที่คนหนึ่งถูกสาบแช่งไม่กี่วันก็ตาย ซึ่งการตายที่เกิดขึ้นไม่ได้มีข้อบกพร่องทางร่างกายเลย


ปี พ.ศ. 2243 ทาสชื่อ ฟรองซัวส์ มาซองดาล (Francois Macandal) ผู้ซึ่งเป็นพ่อมดหมอผี ได้หลบหนีการควบคุมและวางแผนใช้ภูเขาทางตอนเหนือเป็นที่ซ่อนตัวและได้ประกาศการสิ้นสุดความมีอิทธิพลของชนผิวขาว เขาทำการสาปแช่งและจู่โจมไร่ของชาวฝรั่งเศส และปรุงยาพิษใส่ในอาหารของเจ้าของไร่ แต่ในที่สุดพวกเขาก็ถูกจับ
ต่อมา ดอนฮวน เฟลิป เปโตร (don Juan Felipe Pedro) นักบวชผู้นี้ใช้ภาษาเสปนเป็นภาษาพูดและได้พัฒนาลัทธิไสยศาสตร์เปโตร (Petro) ขึ้น ลัทธินี้มุ่งเน้นความรุนแรง ความตาย และการแก้แค้น ติดต่อสื่อสารกับโลอัสที่มีความก้าวร้าว


ต่อเมื่อ ปา ปา ด๊อก (ลูกชาย ของ ดูวาลิเยร์) ขึ้นครอบครองอำนาจแทน ความตึงเครียดจึงลดลง ในช่วงนี้ ชนชั้นกลางของสหรัฐนิยมไสยศาสตร์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งความนิยมจะมีมากใน นิวยอร์ก ไมอามี่ ลอส แองเจลิส การประกอบพิธีกรรมต่างๆจะต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมาก เนื่องจากส่วนประกอบในการทำพิธีจะต้องนำเข้าจากไฮติหรืออัฟริกาเท่านั้น ซึ่งพิธีกรรมของอัฟริกาจะมีความบริสุทธิ์มากกว่า แต่การประกอบพิธีกรรมของไฮติจะมีความรุนแรงมากกว่า วิธีของอัฟริกาจะใช้เครื่องประกอบพิธีที่น่ากลัวและน่าขยะแขยง เช่น หัวสุนัข เป็นต้น

Francois Duvalier ปธน. หมอผี
ต้นพุทธศตวรรษที่25 ไสยศาสตร์ของชาวไฮติหรือที่รู้จักกันดีในนามของ ลัทธิวูดู(Voodoo) สร้างความหวาดกลัวและเคารพนับถือ และถูกนำมาใช้ในทางที่ผิด ปี พ.ศ. 2493 ฟรองซัวส์ ดูวาลิเยร์(Francois Duvalier) ขึ้นเป็นประธานาธิบดีของไฮติ ไสยศาสตร์ได้ถูกนำขึ้นทะเบียนตามหลักกฎหมายเป็นครั้งแรก และได้ใช้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของตนเอง นักบวชของวัดใดมีผลงานเป็นที่น่าพอใจ ก็จะได้รับตำแหน่งทางการเมืองเป็นรางวัล ดุวาลิเยร์ เล่นสนุกบนความกลัวของผู้คนที่มีต่อหมอผีและผีดิบ โดยแต่งตั้งตำรวจที่มีอำนาจลึกลับไปสืบข้อมูลส่วนตัวของบุคคลแล้วนำมาเปิดเผย เมื่อมีการทรงเทพเจ้ากีดส์ เรื่องราวของผีดิบและคำสาปแช่งต่างๆ ได้ถูกนำมาเปิดเผยสู่สาธารณะชน

ซอมบี้ จะแตกต่างจากคน คือ ดวงตาจะไร้ความรู้สึก
(ภาพถ่ายซอมบี้จากสารคดีในปี 1951)
นักมนุษยวิทยา ในช่วงปี พ.ศ.2483 ได้ทำการศึกษาและพบว่าเหยื่อของการสาบแช่งตายเพราะอาการตื่นตระหนกหวาดกลัวอย่างรุนแรง และพบว่าสาเหตุของการตายอีกประการหนึ่งคือ การที่ผู้ตายถูกกีดกันจากสังคมหรือชุมชน นอกจากการสาบแช่ง การวางยาพิษก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง แม้จะไม่สามารถตรวจพบยาพิษ

ภาพถ่ายจากสารคดีในปี 1951
ที่อ้างว่านี่คือพิธีกรรมปลุกคนตายขึ้นมาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ไสยศาสตรก็ได้หยั่งรากลึกในวิญญาณของพวกทาส จึงไม่สามารถกำจัดได้หมด ความเชื่อทางไสยศาสตร์เชื่อว่า มนุษย์มีภาคที่ไม่มีตัวตนอยู่ 2 ภาค ภาคแรกเรียกว่า พลังชีวิต ประกอบด้วย ลมหายใจและเงา ภาคที่สองคือ วิญญาณและจิตใจ หรือส่วนที่สร้างอัตลักษณ์ หรือ บางครั้งจะเรียกว่า "ซอมบี้" (zombio) เป็นส่วนที่ได้รับอันตรายจากหมอผีมากที่สุด ช่วงเวลาที่มนุษย์สิ้นลมหายใจ ซอมบีจะวนเวียนอยู่ 7 วัน และในช่วงเวลานี้ซอมบี้จะอ่อนแอที่สุด

ชายผู้ซึ่งได้รับการยืนยันว่าตายไปแล้ว
กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้งตามคำสาปวูดู
ไสยศาสตร์ของคนผิวดำที่แพร่หลายอยู่ตามหมู่เกาะและทวีป อเมริกา นั้นมีจุดกำเนิดอยู่ที่อัฟริกาตะวันตก ที่ซึ่งเรื่องเหนือธรรมชาติ ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การติดต่อกับโลกวิญญาณถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ วิญญาณของบรรพบุรุษมีอิทธิพลเหนือลูกหลาน ในหลายๆด้าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น